เด็ก 10 ขวบ สภาพโดนมัดมือมัดเท้า กุเรื่องถูกลักพาตัว เหตุเพราะกลัวถูกตี!

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

กลายเป็นข่าวโซเชียลที่หลายคนเคยเห็น และแชร์ต่อแทบจะทันทีเลยค่ะ สำหรับคลิปวิดีโอที่ เด็ก 10 ขวบ ในสภาพถูกมัดมือมัดเท้า เข้าขอความช่วยเหลือคนที่เดินผ่านไปมา โดยอ้างว่าถูกลักพาตัวมา ทำเอาชาวบ้านแตกตื่นคิดว่าแก๊งลักเด็กอาละวาด ที่ไหนได้ความจริงคือ เด็กคนนี้กุเรื่องขึ้นมา เพียงเพราะออกจากบ้านมาเล่นเพลินจนดึกแล้วกลัวจะโดนตี

 

 

 

กล้องวงจรปิด บริเวณถนนเสรีไทยทางไปสี่แยกนาอ้อย อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร บันทึกภาพเหตุการณ์ไว้ได้เป็นช่วงเวลา 21.34 น.ของวันที่ 10 พ.ย. 2565 มีเด็กชายถูกมัดมือมัดเท้ากระโดดสองขาออกมาจากซอกตึกมาขอให้ชาวบ้านช่วย บอกถูกจับตัวมา สภาพเด็กตอนนั้นก็ถูกมัดมือมัดเท้าด้วยเชือกฟาง เนื้อตัวมอมแมม แล้วก็ร้องไห้ไม่หยุด ชาวบ้านก็ตกใจสอบถามที่มาที่ไป ก่อนแจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบ เมื่อตำรวจสอบปากคำว่าเกิดอะไรขึ้น เด็กก็บอกว่าถูกคนร้ายจับตัวใส่รถกระบะสีดำมาทิ้งไว้ตรงพงหญ้าข้างโกดัง

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

และข่าวนี้ได้แพร่ออกไปทำเอาชาวบ้านแตกตื่น คิดว่าแก๊งลักเด็กอาละวาดในพื้นที่เมืองสกลนคร แต่ปรากฏว่าตำรวจสอบปากคำไปมา ก็ทราบว่า ไม่ใช่เรื่องจริง เด็กชาย ยอมรับว่าสร้างเรื่องราวขึ้นมาเองทั้งมัดมือและข้อเท้ากลัวไปเล่นเนื้อตัวมอมแมมเมื่อกลับบ้านค่ำเกรงว่าจะโดนตี ชาวบ้านที่เข้าไปช่วยเด็กวันนั้น บอกว่า ไม่เชื่อได้ยังไง ก็สภาพเด็กถูกมัดมือมัดเท้ากระโดดออกมาจากพงหญ้าข้างทาง เห็นก็ตกใจ

 

ด้าน พ.ต.อ. เศกสรร สุขประเสริฐ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรสกลนคร รักษาการ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองสกลนคร เปิดเผยว่า ไม่ได้มีแก๊งลักเด็กในพื้นที่แต่อย่างใด หลังสืบสวนข้อเท็จจริงทั้งหมดแล้ว ผู้ปกครองเองก็ให้ข้อมูลเชิงลึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องจริง เด็กโกหกเพราะกลัวถูกตีตำรวจจึงทำการตักเตือนเด็กคนนี้ไป และกระชับผู้ปกครองให้ดูแลให้ดี เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แนะนำให้พาไปพบแพทย์ และเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบในพื้นที่อีกครั้ง เพื่อความปลอดภัยของชาวบ้านในพื้นที่ทุกคน

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

เด็กโกหก พฤติกรรมที่ครอบครัวไม่ชอบ

ลูกมีพฤติกรรมพูดโกหก ทำให้พ่อแม่จำนวนมากมักเดือดเนื้อร้อนใจ เนื่องจากการไม่ชอบพูดความจริงหรือไปที่ไหนใคร ๆ ก็หาว่าลูกเป็นเด็กเลี้ยงแกะ การพูดโกหกนี้หากเกิดขึ้นเป็นครั้งคราวอาจถือเป็นเรื่องเล็ก แต่ถ้าทำบ่อย ๆ อาจบ่งบอกได้ว่าลูกกำลังมีปัญหา เช่น ปัญหาทางอารมณ์ และเมื่อเริ่มเป็นวัยรุ่นก็อาจมีพฤติกรรมที่ร่วมกับการโกหกอีกหลายอย่าง เช่น ลักขโมย หลอกลวง ทำลายของสาธารณะ ทำร้ายผู้อื่น กลายเป็นเด็กมีปัญหาหรือเด็กเกเร (Conduct disorder) และอาจเติบโตขึ้นมาเป็นโจร (Psychopath) ในที่สุด ดังที่เกิดขึ้นบ่อยในสังคม ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้เด็กกลุ่มนี้อาจก่อความเดือดร้อน และความเสียหายต่อสังคมอย่างมากมาย

 

เด็กมีพฤติกรรมโกหก มีสาเหตุต่างกันขึ้นกับช่วงอายุ

ในเด็กช่วงอายุ 2-6 ปี

อาจพูดไม่จริงได้เนื่องจากความคิดยังพัฒนาไม่สมบูรณ์ เด็กยังไม่สามารถแยกแยะว่าอะไรจริง อะไรคือจินตนาการ เด็กอาจบอกว่า “หนูเหาะได้” เพราะอยากเป็นอย่างนั้น เด็กที่ถูกแกล้งบ่อย จนเกิดความกลัวและอยากเอาชนะ ก็อาจเล่าให้ฟังว่า “วันนี้เพื่อนมาแกล้งผม ผมเลยชกจนหงายหลัง วิ่งหนีไปเลย” พ่อแม่ไม่ควรตำหนิหรือกังวลมากเกินไปเพราะเป็นธรรมชาติของเด็กวัยนี้ สิ่งที่ควรทำคือรับฟังลูกและแก้ไขความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่ลูกต่อไป

บทความที่เกี่ยวข้อง : พ่อลืมลูกไว้ที่ปั๊ม จอดรถแวะเข้าห้องน้ำ ไม่รู้ลูกลงรถตามไปด้วย เด็กตอบพ่อรีบไปนอน !

 

ในเด็กอายุ 6 ปีขึ้นไป

เด็กสามารถแยกแยะความจริงได้แล้ว หากเด็กพูดโกหกอาจมีสาเหตุ ดังนี้

1. เพื่อหลีกหนีจากสิ่งที่ไม่ต้องการ กลัวถูกทำโทษเมื่อทำผิด

เช่น ลูกขโมยเงินเอาไปซื้อของเล่นเหมือนเพื่อนที่โรงเรียน แต่กลัวพ่อแม่จับได้เลยต้องโกหก สำหรับวัยรุ่นปัญหาที่มักเจอส่วนใหญ่ก็คือการคบเพื่อน การมีกลุ่มเพื่อนที่อาจชักจูงกันไปทำกิจกรรมที่ไม่ถูกใจผู้ปกครองมากนัก ก็พยายามหาวิธีการหลบหลีกด้วยการโกหก ดังนั้นสิ่งที่ตามมาก็คือถูกตำหนิ จนในที่สุดพฤติกรรมเหล่านั้น กลับถูกส่งเสริมให้รุนแรงมากขึ้น เพราะการตำหนิยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง เพราะวัยรุ่นจะยิ่งห่างจากครอบครัวมากขึ้น

 

 

2. เพื่อให้ได้รับสิ่งที่ต้องการ

เช่น เด็กที่รู้สึกเบื่อเหงา อาจสร้างเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาเล่าให้พ่อแม่ฟัง พ่อแม่จะได้สนใจตนมากขึ้น หรือเด็กที่รู้สึกตนเองไม่เก่งไม่ดี ก็อาจเล่าเรื่องโกหกให้ตัวเองดูดี เพราะอยากให้พ่อแม่ชื่นชม

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

3. เด็กมีความผิดปกติทางด้านจิตเวช

เช่น เด็กที่มีปัญหาเรื่องสติปัญญาบกพร่อง มีปัญหาด้านภาษา เด็กที่ป่วยบางครั้งก็ดูเหมือนว่าจะพูดเรื่องที่ไม่จริง ตามความคิดที่เกิดขึ้นในโลกส่วนตัวของเด็กอยู่ หรือเด็กที่มีปัญหาทางอารมณ์ เช่น โรคซึมเศร้า อาจไม่ได้แสดงออกทางอารมณ์ แต่มาแสดงออกทางพฤติกรรม เช่น พูดโกหก หนีเรียน ลักขโมย เป็นต้น ก็สามารถพบเห็นได้บ่อยทั้งที่บ้านและโรงเรียน

 

เด็ก 10 ขวบ กับการเลี้ยงดูที่ควรเข้าใจ

1. เข้าใจในความคิดของเด็ก

สิ่งแรกในการเลี้ยงเด็ก ไม่ว่าจะวัยใดก็ตาม การเข้าใจความคิดของเขาเป็นเรื่องดีที่สุด สำหรับเด็กวัย 10 ขวบ วัยนี้เขาเริ่มที่จะมีความคิดที่โตมากขึ้น เพราะมีการเข้าสังคมมากขึ้น ได้เรียนรู้อะไรต่าง ๆ มากขึ้น เริ่มมีการตัดสินใจด้วยตัวเองได้ในบางเรื่อง เพราะฉะนั้นก็ควรเข้าใจในความคิดที่เขาคิดอยู่ว่าเป็นอย่างไร หากอันไหนดีก็สนับสนุน แต่ถ้าเรื่องไหนไม่ดีก็ต้องอธิบายให้เข้าใจว่า การคิดแบบดังกล่าวมันจะส่งผลเสียอย่างไรบ้าง

 

2. เริ่มวางแผนอนาคตในสิ่งที่เขาชื่นชอบ

เด็กวัยนี้เริ่มที่จะแสดงออกในสิ่งที่เขาชอบออกมาได้บ้างแล้ว อาทิ การวาดรูป การร้องเพลง การเรียน เป็นต้น หากเริ่มสังเกตได้ว่าเด็กชอบอะไรเป็นหลัก ก็ให้ลองพูดคุยพร้อมทั้งสนับสนุนเรื่องดังกล่าวอย่างเต็มที่ เพื่ออนาคตที่ดีของเด็กเอง

 

3. เริ่มให้รู้จักเข้าสังคมที่ใหญ่ขึ้น

การสอนให้เข้าสังคมที่ใหญ่ขึ้นก็คือ เริ่มให้รู้จักมีการวางตัวที่ดี ใช้คำพูดที่สุภาพ สอนให้รู้จักว่าสิ่งไหนควรทำหรือไม่ควรทำ เช่น มารยาทในการทานข้าวกับเพื่อน, การมีน้ำใจกับผู้อื่น เป็นต้น สิ่งเหล่านี้จะทำให้เด็กติดตัวไปเมื่อเขาโตขึ้น

 

 

4. มีการอธิบายความเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกาย

เด็กวัย 10 ขวบ บางคนโดยเฉพาะผู้หญิง เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายที่เห็นได้อย่างชัดเจน เด็กบางคนอาจตกใจ ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้ก็จำเป็นจะต้องอธิบาย ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเขาว่า มันคือเรื่องธรรมชาติและไม่ให้เด็กรู้สึกตกใจ หรือมองว่าเป็นเรื่องประหลาดในชีวิต

 

5. สอนให้รู้จักควบคุมอารมณ์

ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ทางด้านใดก็ตาม แต่ต้องรู้จักให้มีการควบคุมอารมณ์ที่ดีอยู่เสมอ เพราะบางครั้งเด็กในวัยนี้ มักทำอะไรลงไปโดยที่เขาไม่รู้ว่าเกิดจากอารมณ์เป็นต้นเหตุ ต้องให้รู้จักมองว่าอารมณ์แบบไหนคือสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ

 

เรียกได้ว่าพฤติกรรมการโกหกของเด็กในแต่ละวัย ย่อมมีพัฒนาการที่แตกต่างกันออกไป เมื่อเป็นเช่นนี้แน่นอนว่าเรื่องของการเลี้ยงดู ก็ย่อมที่จะต้องแตกต่างกันไปตามแต่สภาพในช่วงเวลานั้น ๆ ด้วยเช่นเดียวกัน ด้วยความที่เด็กแต่ละวัยจะมีทั้งร่างกาย จิตใจ ความคิดที่พัฒนาขึ้นตามลำดับ การเลี้ยงดูที่ดีเองก็จำเป็นจะต้องมีความเข้าใจเด็กในช่วงแต่ละวัยด้วยเหมือนกัน

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกเด็ก ม.1 อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ กสทช. ขู่เรียกเงินแสน!

ไม่รู้ว่าท้อง สาววัย 31 คลอดลูกในห้องน้ำ คิดว่ากินจุจนอ้วน เชื่อลูกให้โชค!

หนูน้อยนพมาศตัวตึง ของเวทีประกวด งานนี้ไม่เน้นขายสวย เน้นสร้างตำนาน เพลงดังเป็นลุก!

ที่มา : 1, 2, 3

บทความโดย

Kanthamanee Phisitbannakorn