ย้อนกลับไปเมื่อต้นปี ในช่วงค่ำคืนของวันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา บนแพลตฟอร์มออนไลน์ Naver.co.kr ของประเทศเกาหลีใต้ ได้เกิดแฮชแท็ก #정인아_미안해 #ขอโทษนะจองอิน ขึ้นติดเทรนด์อย่างรวดเร็ว เนื่องจากข่าวการ ทำร้ายลูกบุญธรรมวัย 16 เดือนจนเสียชีวิต ได้ถูกเปิดเผยออกทางรายการ 그것이 알고싶다 (Unanswered Questions) ทางช่อง SBS
ข่าวการเสียชีวิตของเด็กน้อยวัย 16 เดือน ได้ถูกเปิดเผย
เหตุการณ์สลดนี้ เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงวันที่ 13 ตุลาคม ปี 2563 แต่ได้กลับมาเป็นที่สนใจของผู้คนจำนวนมากอีกครั้งเมื่อรายการดังทางช่อง SBS ของทางเกาหลีใต้ได้นำเสนอเกี่ยวกับคดี ทำร้ายลูกบุญธรรมวัย 16 เดือนจนเสียชีวิต จนเกิดแฮสแท็ก “#ขอโทษนะ_จองอิน” เพื่อแสดงความไว้อาลัย และเรียกร้องให้รื้อคดีนี้ขึ้นมาสอบสวนอีกครั้งหนึ่ง
ย้อนรอยจองอินผู้น่าสงสาร
จองอินเกิดเมื่อปี 2562 หลังจากที่เธอเกิดได้เพียง 8 วัน ก็ถูกนำมาทิ้งไว้ที่หน้าโบสถ์แห่งหนึ่ง จนทำให้เธอจะต้องเติบโตมาในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่จองอินก็เติบโตมา ด้วยความร่าเริงสดใสตามวัย จนเป็นที่รักของทุกคนในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า
จนกระทั่งในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 จองอินอายุ 7 เดือนก็ได้ถูกครอบครัวสกุลจาง รับเธอไปอุปการะจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในกรุงโซล เมื่อเดือน มีนาคม 2563 ในขณะที่ครอบครัวของพวกเขาก็มีลูกสาววัย 4 ขวบอยู่แล้ว 1 คน
ครอบครัวจาง และจองอิน
เนื่องจากครอบครัวคุณจางนั้น มีพื้นฐานการศึกษา หน้าที่การงาน และสถานะทางการเงินที่ดี การขอรับเลี้ยงลูกบุญธรรม จึงเป็นไปอย่างราบรื่น การรับเลี้ยงดูจองอินนั้น ทำให้ครอบครัวจาง ได้รับค่าเลี้ยงดูจากทางภาครัฐจำนวน 1 ล้านวอน (ประมาณ 3 หมื่นบาทไทย) ยังได้รับเบี้ยเลี้ยงแต่ละเดือนอีก 250,000 วอน (ประมาณ 7,500 บาท)
อีกทั้งครอบครัวนี้ยังได้รับเชิญให้ไปออกรายการโทรทัศน์ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการรับเลี้ยงลูกบุญธรรม และครอบครัวจางก็เป็นอีกหนึ่งครอบครัว ที่ได้รับความชื่นชมว่าเป็นครอบครัวตัวเอย่าง โดยนายจางให้เหตุผลว่า “ลูกสาวของตนรู้สึกเหงา และอยากมีน้องสาวมาโดยตลอด จึงเป็นสาเหตุให้รับเลี้ยงบุตรบุญธรรม”
หลังจากที่ครอบครัวจางได้รับ จองอิน ไปดูแลได้ไม่นาน รอยยิ้มที่สดใสของเด็กน้อย ก็เริ่มจางหายไป จนครูที่สถานรับเลี้ยงเด็กเริ่มสังเกตถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น เนื่องจากจองอินดูไม่ค่อยมีความสุข มีความหวาดระแวง ไม่ค่อยเล่น หรือสนใจทำกิจกรรมในชั้นเรียน
อ้อมกอดของคุณครู น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของจองอิน
ก่อนวันที่เกิดเหตุ ครูผู้ดูแลจองอินได้พบว่า ช่วงท้องของจองอินนั้นมีอาการผิดปกติ จึงแนะนำทางคุณพ่อให้นำส่งโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษา แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจจากนายจางผู้เป็นพ่อแต่อย่างใด
โดยตลอดมา ทางครูผู้ดูแลสันนิษฐานว่า น่าจะมีการทารุณกรรมเด็ก จึงได้เข้าแจ้งความกับทางตำรวจท้องที่ แต่ก็ไม่มีการดำเนินคดีแต่อย่างใด เนื่องจากทางพ่อแม่บุญธรรมได้อ้างว่า รอยแผลที่เกิดขึ้นนั้น เป็นร่องรอยที่เกิดจากการเล่นของพี่สาวคนโต และจองอิน ทำให้ทางตำรวจไม่ได้ใส่ใจมากนัก
การจากไปของจองอิน
เวลาล่วงเลยมาถึงช่วงเดือนตุลาคม 2563 ขณะนี้จองอินมีอายุได้ 1 ขวบ 4 เดือน จองอินได้ถูกนำส่งโรงพยาบาลฝั่งตะวันตกของกรุงโซล ในสภาพบอบช้ำทั้งตัว กระดูกแตกหัก และอวัวยะภายในเสียหาย
และผลการชันสูตรก็ถูกเปิดเผยว่า จองอิน เสียชีวิตด้วยภาวะเลือดตกภายในช่องท้อง กระดูกหัก กระโหลกศีรษะได้รับการกระแทกอย่างรุนแรง อีกทั้งอวัยวะภายในหลายส่วนได้รับความเสียหาย โดยทางผู้ก่อเหตุได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด โดยอ้างว่า “มันเป็นเพียงแค่อุบัติเหตุ” แต่ทางเจ้าหน้าที่ชันสูตร และบุคลากรทางการแพทย์ ต่างลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ เป้นการทำร้ายร่างกายเด็ก และมันคือการฆาตกรรม”
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ : คิดให้ดีก่อนมีสามีใหม่ อุทาหรณ์คดีพ่อเลี้ยงทำร้ายลูกจนดับ แถมแม่แท้ๆ กลับไม่เอาเรื่อง
3 โอกาสทางรอดของจองอิน
ภาพการเปลี่ยนแปลงของจองอิน
ครั้งที่-1 วันที่ 25 พฤษภาคม 2563 คุณครูที่โรงเรียน ได้ถ่ายรูปร่างกายของจองอิน ที่มีอาการฟกช้ำตามร่างกาย และนำไปแจ้งความ แต่หลังจากนั้น นายจางได้แจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า รอยช้ำต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น น่าจะเกิดจากที่เด็ก ๆ เล่นกัน และรอยฟกช้ำหลายจุด เป็นเพียงแค่โรคผิวหนัง จึงทำให้ตำรวจไม่ทำการสอบสวนเพิ่มเติมแต่อย่างใด
แม่เลี้ยงเข็นรถกระแทก และกระฉากอย่างแรง จนจองอินต้องพยายามจับยึดรถเอาไว้เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง
ครั้งที่-2 วันที่ 29 มิถุนายน 2563 เพื่อนของครอบครัวจาง ได้แจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ ว่ามีเหตุสงสัยว่าครอบครัวจาง น่าจะทารุณกรรมเด็ก เนื่องจากหลายครั้งที่พบเห็นการกักขังจองอินไว้ในรถเพียงลำพังเป็นเวลาหลายชั่วโมง และมีการเข็นรถเข็นกระแทกอย่างแรง แต่ก็ไม่มีหลักฐานชี้ชัด จึงไม่สามารถดำเนินคดีได้
ทางแพทย์ได้แจ้งกับทางตำรวจ แต่ก็ไม่เป็นผล
ครั้งที่-3 วันที่ 23 กันยายน 2563 น้ำหนักตัวจองอินลดลงอย่างมากจนครูที่สถานรับเลี้ยงเด็กประหลาดใจ เนื่องจากจองอินไม่ได้มาที่โรงเรียนเป็นเวลา 2 เดือน จนต้องพาไปโรงพยาบาลเด็ก และแพทย์ได้ทำการวินิจฉัยว่า เด็กมีภาวะขาดสารอาหารขั้นรุนแรง จนไม่สามารถพยุงตัวเองให้เดินได้ รวมถึงรอยแผลฟกช้ำขนาดใหญ่ที่ปรากฎขึ้นตามตัวของจองอิน จึงทำให้ต้องแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ : บุ๋ม ปนัดดา เปิดตัวลูกสาวบุญธรรม เผยเคยถูกครูทำโทษหนักจนหัวเป็นรู
แต่ทุกครั้งที่ตำรวจเรียกครองครัวจางเพื่อทำการสอบสวน ทางด้านนายจาง ก็ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหามาโดยตลอด โดยเฉพาะครั้งหลังสุดที่ตัวนายจางได้อ้างว่า จองอิน มีโรคทางช่องปาก และเลือกกิน ทำให้ตัวเด็กมีน้ำหนักที่ลดลง และตำรวจจึงไม่ได้สอบสวน และติดตามต่อแต่อย่างใด จนทำให้ จองอิน ต้องเสียโอกาสที่จะรอดพ้นจากครอบครัวนี้ไปอย่างน่าเสียดาย
12 ตุลาคม 2563 ที่สถานรับเลี้ยงเด็ก จองอินมีอาการเหม่อลอยอยู่ตลอดเวลา เก็บตัว ใบหน้าไร้ความรู้สึก ไม่กินอะไรเลย เมื่อครูพี่เลี้ยงป้อนนมให้ ก็อาเจียนออกมาจนหมด ซึ่งต่อมา แพทย์ได้วินิจฉัยอาการของจองอินในขณะนั้นว่าเป็น “ภาวะตัดขาดความรู้สึกจากโลกภายนอก” ซึ่งเกิดจากการถูกทรมานจนถึงขีดสุด
13 ตุลาคม 2563 จองอินถูกนำตัวส่งไปที่โรงพยาบาล และเข้าห้องฉุกเฉินทันที หัวใจจองอินหยุดเต้นไปถึง 3 ครั้ง และจากไปอย่างสงบในที่สุด
วันเกิดเหตุ
ในช่วงเช้าวันเกิดเหตุ มีเพียงนางจาง และลูกสาว เพียงสองคน โดยในช่วง 09:40 น. เพื่อนบ้านที่อาศัยอยู่ชั้นล่าง ได้ยินเสียงดัง เหมือนมีของตกกระแทกพื้นอยู่หลายครั้ง จึงไปต่อว่าที่ห้องเกิดเหตุ และนางจางก็ได้ออกมาขอโทษ และปรากฎข้อความทางแชทในเวลา 09:54 น. ส่งถึงนายจางว่า “ต้องพาไปตรวจที่โรงพยาบาลหรือเปล่า อาจจะแสร้าทำว่าเป็นห่วง” จึงสันนิษฐานได้ว่า จองอิน น่าจะมีอาการที่ไม่สู้ดีตั้งแต่ช่วงเวลานั้นแล้ว
10:19 น. ของวันเดียวกัน นางจางพาลูกสาวของเธอไปส่งที่โรงเรียน หลังจากนั้นจึงค่อยพาจองอินที่หมดสติไปแล้วไปส่งโรงพยาบาลในเวลา 11:06 น. แพทย์จึงเร่งช่วยชีวิตจองอินโดยทันที แต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตเธอเอาไว้ได้ แต่หลังจากการเสียชีวิตของจองอิน ครอบครัวจาง ยังคงไปเลี้ยงฉลองวันเกิดให้กับพ่อของแม่บุญธรรม มีการเปิดไวน์ฉลองกัน เสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ศพของจองอิน ถูกฝังไว้ในสุสานของสวนสาธารณะ ซึ่งเป็นสุสานสำหรับฝังเด็กที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งโดยเฉพาะ เป็นสุสานที่ไม่จำเป็นจะต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ครอบครัวจางจ่ายเงินเพียง 3,000 วอน (90 บาท) เพื่อซื้อกรอบรูปมาใส่รูปของจองอินเพียงเท่านั้น และจองอิน ก็ถูกลบเลือนออกไปจากความทรงจำของพวกเขาโดยสิ้นเชิง
สรุปผลการชันสูตร
เด็กน้อยจองอินวัย 16 เดือน แต่มีน้ำหนักเพียง 8.5 กิโลกรัม ปรากฎแผลฟกช้ำทั่วร่างกาย พบว่ามีกระดูกหักหลายจุดด้วยกัน มีเลือดออกมากบริเวณช่องท้อง อวัยวะภายในได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง
ภาพซีทีสแกนบ่งบอกให้เห็นว่า ตับอ่อนของจองอินแตก ซึ่งการที่ตับอ่อนจะแตกได้นั้น จะต้องได้รับการกระแทกอย่างรุนแรง หรือที่เรียกว่า AIS อยู่ในระดับ 3 ขึ้นไป หรือการกระแทกที่มากกว่า 4,000 นิวตัน หรือแรงหมัดของนักมวยที่ออกมัดอย่างเต็มแรง จึงเป็นข้อสงสัยว่า แม่บุญธรรมเป็นเพียงแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง จะมีแรงกระทำเช่นนั้นได้อย่างไร
แต่เมื่อทางรายการ Unanswered Questions : คำถามที่ยังไม่มีคำตอบ ได้ทำการทดลอง ก็พบว่าความเป็นได้มีเพียงอย่างเดียวคือ การตกจากที่สูงและถูกเหยียบซ้ำอย่างแรง ทำให้ข้อสันนิษฐานนี้ มีความสัมพันธ์กับการให้การของเพื่อนบ้านที่กล่าวถึงวันเกิดเหตุเป็นอย่างมาก
คำตัดสิน
นางจางแม่บุญธรรม ได้ถูกตัดสินประหารชีวิต ข้อหาทารุณกรรมเด็กจนเสียชีวิต ในขณะที่ตัวพ่อเลี้ยงนั้น มีโทษติดคุก 7 ปี ข้อหาทอดทิ้ง และทารุณกรรมตามอำเภอใจ
ภาพการจับกุมแม่เลี้ยงใจร้าย เพื่อนำตัวไปดำเนินคดี
ผู้คนจำนวนมากที่ทราบข่าว ต่างพากันเรียกร้องให้เพิ่มโทษ เนื่องจากกฎหมายเกาหลี เกี่ยวการทารุณกรรมเด็กนั้น มีโทษสูงสุดคือการจำคุกเพียงแค่ 15 ปี และเรียกร้องข้อหา “การทารุณกรรมจนถึงแก่ชีวิต” ให้เป็น “เจตนาฆ่า”
ในขณะที่ ทางสถานีตำรวจยังชอน และเจ้าหน้าที่ ก็ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนเช่นกัน เนื่องจากตลอดมา ได้มีการแจ้งความจากทั้งครูพี่เลี้ยง แพทย์ที่ดูแลจองอิน ถึง 3 ครั้ง แต่เจ้าหน้าที่กลับเพิกเฉย แต่ก็ได้รับโทษเพียงแค่การตักเตือนเท่านั้น
ภาพความสดใสของจองอิน
ผู้คนมากมายได้นำของขวัญ และของเล่นมากมายไปวางไว้ที่หลุมศพของจองอิน เพียงเพื่อหวังว่า จองอินจะไม่เหงา และอ้างวางอีกต่อไป และเกิดแฮสแท็ค #จองอินจ๋า_ขอโทษนะ #정인아_미안해 จากเพียงแค่เกาหลีใต้ แฮสแท็คนี้ ก็ถูกกระจายออกไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว และทุกคนก็หวังว่า จะไม่เกิดเหตุการณ์สลดเช่นนี้เกิดขึ้นอีก
ที่มา : บันทึกพิศวง
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
แรงงานเด็ก เพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 20 ปี จากพิษโควิด-19
เด็กโดนทำร้ายร่างกาย สังเกตอย่างไร? ทำอย่างไรถึงจะรู้ว่าลูกโดนทำร้ายร่างกาย
ผู้คุมบังคับให้นักโทษยืนฟัง เพลงสำหรับเด็ก ‘ เบบี้ชาร์ค ’ ซ้ำ ๆ จนถูกตั้งข้อหาทารุณกรรม
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!