พ่อแม่จ๋า มารู้จัก “วัคซีนเสริมสำหรับเด็ก” กันดีกว่า ตอนที่ 2
พ่อแม่จ๋า มารู้จัก “วัคซีนเสริมสำหรับเด็ก” กันดีกว่า ตอนที่ 2
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ เป็นวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ หรือ influenza virus ซึ่งก่อให้เกิดอาการมีไข้สูงอาจถึง 40 องศาเซลเซียส หนาวสั่น ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ร่วมกับมีอาการหวัดคัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ จาม เจ็บคอ โดยอาการมักเป็นมากจนเด็กจะซึมลง นอนทั้งวัน ไม่สามารถเล่นหรือไปโรงเรียนได้ตามปกติ โดยเฉพาะเด็กเล็กมักมีอาการรุนแรงและมีโอกาสเกิดอาการแทรกซ้อนเช่นปอดอักเสบติดเชื้อ ชักจากไข้สูง ได้มากกว่าเด็กโต จึงแนะนำให้ฉีดในเด็กอายุ 6 เดือนถึง 4 ปี และในเด็กที่มีโรคประจำตัวเช่น โรคหืด หรือมีคุ้มกันต่ำกว่าปกติ วัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่ใช้ในปัจจุบันผลิตจากเชื้อไข้หวัดใหญ่ทั้งสายพันธุ์ A และ B สามารถเริ่มฉีดเข็มแรกได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือน ซึ่งในเด็กอายุน้อยกว่า 9 ปี ที่ไม่เคยได้รับวัคซีนชนิดนี้มาก่อนควรได้รับวัคซีน 2 เข็มในปีแรกที่ฉีด โดยห่างกัน 1 – 2 เดือน หลังจากนั้นควรฉีดปีละ 1 เข็ม
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ เป็นวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ หรือ influenza virus
วัคซีนตับอักเสบเอ เป็นวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ ซึ่งติดต่อโดยปนเปื้อนกับอาหารและน้ำดื่ม ทำให้เกิดอาการ มีไข้ต่ำ ๆ อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน ตาเหลือง ตัวเหลือง อาการติดเชื้อในเด็กเล็กมักไม่รุนแรง แต่ในเด็กโตและผู้ใหญ่อาจมีอาการรุนแรงจนตับวายได้ แนะนำให้ฉีดวัคซีนชนิดนี้ในเด็กทั่วไปโดยเฉพาะถ้าต้องไปสถานเลี้ยงเด็กเป็นประจำ วัคซีนตับอักเสบเอสามารถเริ่มฉีดได้ในเด็กอายุตั้งแต่ 1 ปี โดยฉีดทั้งหมด 2 เข็ม ห่างกัน 6 – 12 เดือน
ซีนสุกใส เป็นวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัส varicella-zoster อันก่อให้เกิดโรคสุกใส
วัคซีนสุกใส เป็นวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัส varicella-zoster อันก่อให้เกิดโรคสุกใส มีอาการไข้ ออกผื่นผิวหนังที่มีลักษณะเป็นตุ่มน้ำใสทั่วตัวและอาจมีภาวะแทรกซ้อนเช่น ติดเชื้อที่ผื่นแล้วลามเข้ากระแสเลือด ปอดอักเสบติดเชื้อ วัคซีนสุกใสสามารถฉีดได้ตั้งแต่เด็กอายุ 1 ปีขึ้นไปที่ยังไม่เคยเป็นโรค สำหรับเด็กโตและผู้ใหญ่ที่ไม่เคยเป็นสุกใสมาก่อนควรได้รับวัคซีนเช่นกันเพราะหากเป็นโรคจะมีอาการรุนแรงกว่าเด็กเล็ก แนะนำให้ฉีด 2 ครั้ง เข็มแรกฉีดที่อายุ 12 – 18 เดือน และเข็มที่ 2 ที่อายุ 4 – 6 ปี แต่ในช่วงที่มีการระบาดอาจฉีดเข็มที่ 2 ก่อนอายุ 4 ปีได้ โดยให้มีระยะห่างจากเข็มแรกอย่างน้อย 3 เดือน สำหรับการฉีดในเด็กโตอายุ 13 ปีขึ้นไปและผู้ใหญ่ แนะนำให้ฉีด 2 เข็ม ห่างกันอย่างน้อย 4 สัปดาห์
วัคซีนมะเร็งปากมดลูก เป็นวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสแปปปิโลมา (Human Papilloma virus หรือ HPV) อันเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งปากมดลูกในผู้หญิง ซึ่งเป็นมะเร็งที่พบบ่อยเป็นอันดับสองในหญิงไทยรองจากมะเร็งเต้านม และไวรัสชนิดนี้ยังเป็นสาเหตุของการติดเชื้อที่บริเวณอวัยวะเพศเช่นหูดหงอนไก่และมะเร็งทวารหนัก ซึ่งเกิดได้ในผู้ชาย เนื่องจากไวรัสชนิดนี้ติดต่อทางการมีเพศสัมพันธ์จึงควรฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อก่อนเริ่มมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก คือในช่วงอายุ 9-26 ปี ทั้งผู้หญิงและผู้ชายโดยเฉพาะที่อายุ 11 – 12 ปี ฉีดทั้งหมด 3 ครั้ง ที่ 0, 1 – 2 และ 6 เดือนถัดมา
วัคซีนมะเร็งปากมดลูก เป็นวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสแปปปิโลมา
หลังจากอ่านบทความนี้แล้วคุณพ่อคุณแม่คงจะได้รู้จักวัคซีนเสริมกันมากขึ้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าวัคซีนเสริมก็มีความสำคัญในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้กับเด็ก ๆ เช่นกันนะคะ ส่วนการพิจารณาฉีดว่าจะให้กับลูกหรือไม่ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงในการได้รับเชื้อโรคนั้น ๆ โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถปรึกษาคุณหมอเด็กก่อนการตัดสินใจได้ค่ะ
ตารางวัคซีนตั้งแต่เกิดจนโต
มารู้จัก “วัคซีนเสริมสำหรับเด็ก” กันดีกว่า ตอนที่ 2
The Asianparent Thailand เว็บไซต์ข้อมูลคุณภาพและสังคมคุณแม่ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และในเอเชีย เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารแพทย์ แหล่งความรู้แม่และเด็ก รวมถึงแอพพลิเคชั่น The Asianparent ที่ติดตามการตั้งครรภ์ ให้คุณแม่ได้ลงทะเบียนใช้งานฟรี เพื่อติดตามพัฒนาการของทารก ตั้งแต่ตั้งครรภ์ จนถึงติดตามหลังคลอดที่ครอบคลุมที่สุด และผู้ใช้งานสูงสุดในประเทศไทย นอกจากความรู้ยังมีไลฟ์สไตล์ และสื่อมัลติมีเดียหลากหลาย ไม่ว่าสุขภาพแม่และเด็ก โภชนาการแม่และเด็ก กิจกรรมสำหรับครอบครัว การวางแผนครอบครัวไปจนถึง การดูแลลูก การศึกษา และจิตวิทยาเด็ก The Asianparent เราพร้อมสนับสนุนพ่อแม่ทุกท่าน ให้มีความรู้และมีสุขภาพกายใจเข้มแข็ง เพื่อเสริมสร้างครอบครัวอย่างแข็งแรง
เพราะเราเชื่อว่า “พ่อแม่เข้มแข็ง ครอบครัวแข็งแรง”
บทความที่เกี่ยวข้อง :
โรงพยาบาล พญาไท – วัคซีน เครื่องมือป้องกันโรคสำหรับเด็ก
บทความอื่น ๆ ทีน่าสนใจ :
ตารางวัคซีนลูกตั้งแต่แรกเกิดถึงวัยรุ่น
ลูกลืมฉีดวัคซีนทำไงดี? จะต้องทำยังไงดี เลื่อนนัดได้ไหม จะมีผลอะไรรึเปล่า?
พ่อแม่จ๋า มารู้จัก “วัคซีนเสริมสำหรับเด็ก” กันดีกว่า ตอนที่ 1
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!