สอนลูกปลูกถั่วงอก ด้วยวิธีง่าย ๆ ไว้กินเองที่บ้าน ทำยังไงบ้าง? มาดูกัน หากคุณพ่อคุณแม่อยากจะสอนเด็ก ๆ ปลูกผักกินเองที่บ้าน ขอบอกเลยว่าการปลูกถั่วงอกก็ถือได้ว่าเป็นอะไรที่ง่ายและสามารถทำตามได้ไม่ยากเลย ส่วนจะมีวิธีไหนบ้างและเป็นอย่างไรนั้น เรามา สอนลูกปลูกถั่วงอก ไปพร้อม ๆ กันเลยดีกว่า
สิ่งจำเป็นที่เราควรใส่ใจก่อนการปลูกถั่วงอกมีอะไรบ้าง?
หากเราจะให้การปลูกถั่วงอกของเราผ่านไปได้ด้วยดี และประสบความสำเร็จมากขึ้น แน่นอนว่าเราอาจจะต้องคำนึงถึงสิ่งต่างๆ ตามไปด้วย ซึ่งประกอบด้วยดังนี้
บทความที่เกี่ยวข้อง : สอนลูกปลูก ต้นไม้ เสริมสร้างทักษะและพัฒนาการ ผ่านทางการปลูกต้นไม้
1. เมล็ดพันธุ์
สิ่งนี้เป็นอะไรที่สำคัญมาก ๆ เพราะฉะนั้นก่อนที่เราจะเลือกเมล็ดพันธุ์มาทำการปลูกถั่วงอกนั้น เราอาจจะต้องดูด้วยว่าเมล็ดพันธุ์ถั่วเขียวที่เรานำมาปลูกนั้นมีโอกาสที่จะงอกสูงไหม เพราะถ้าเราเลือกไม่ดีสิ่งนี้ก็อาจจะทำให้การปลูกถั่วงอกของเราไม่สำเร็จขึ้นมาได้
2. น้ำ
ข้อนี้ก็เป็นอะไรที่สำคัญมาก ๆ เช่นกัน ในการปลูกถั่วงอกทุกครั้งเราจะต้องดูด้วยว่าน้ำที่เราใช้ในการเพาะปลูกนั้นเพียงพอที่จะทำให้ถั่วงอกออกมาหรือเปล่า เพราะถ้าเราใส่น้ำในปริมาณที่น้อยจนเกินไป สิ่งนี้ก็สามารถทำให้ถั่วงอกแห้งและตายได้เช่นกัน
3. ตะแกรง
แน่นอนว่าหากเราอยากจะปลูกถั่วงอกให้สำเร็จการเลือกตะแกรงก็เป็นอะไรที่สำคัญเช่นกัน เพราะฉะนั้นเราอาจจะต้องเลือกตะแกรงที่เป็นพลาสติก ไม่ควรเลือกตะแกรงที่เป็นเหล็กและเกิดสนิมง่ายนั่นเอง
4. กระสอบป่าน
อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามนั่นคือ กระสอบป่านอย่างที่เรารู้กันดีว่าการปลูกถั่วงอกเราจะต้องใช้กระสอบป่านเพื่อเป็นการให้ความชุ่มชื้นแก่เมล็ดของถั่วเขียว เพราะฉะนั้นก่อนนำมาใช้เราจะต้องทำความสะอาดก่อนทุกครั้งจะดีที่สุดค่ะ
เทคนิคการปลูกถั่วงอกด้วยวิธีง่าย ๆ
สำหรับใครที่อยากจะพาเด็ก ๆ ปลูกถั่วงอกไว้กินเองที่บ้าน แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเราควรทำอย่างไรบ้าง หรือใช้วิธีไหนเพื่อที่จะง่ายต่อเด็ก ๆ และใช้เวลาในการทำไม่นาน ไม่ต้องเป็นห่วงเลย เพราะเราได้นำวิธีการทำมาฝากทุกคนให้ได้รู้กันแล้ว สามารถนำไปทำตามกันได้ดังนี้
บทความที่เกี่ยวข้อง : สวนขวด คืออะไร ? พร้อมไอเดียแต่งสวนขวด กิจกรรมสนุกทำได้ทั้งครอบครัว
1. ปลูกถั่วงอกในถังพลาสติก
มาที่วิธีแรกกันก่อนเลย ซึ่งต้องบอกก่อนว่าหากใครที่ชอบทานถั่วงอกเป็นประจำอยู่แล้ว ก็อาจจะปลูกในถังพลาสติกได้ เพราะวิธีนี้จะช่วยให้เราได้ถั่วงอกในปริมาณที่มาก สามารถเก็บไว้ทานในวันอื่น ๆ ได้
วัสดุอุปกรณ์ที่ต้องเตรียม
- เมล็ดถั่วเขียว (จำนวนครึ่งกิโลกรัม)
- ถังพลาสติกขนาด 30 – 50 ลิตร (ต้องทำการเจาะรูบริเวณก้นถังด้วย)
- ตาข่ายหรือตะแกรงพลาสติก
- ฐานสำหรับตั้งถังเพาะ
- กระสอบป่าน
ขั้นตอนการปลูก
1. เมื่อเราเตรียมวัสดุอุปกรณ์ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ให้เรานำเมล็ดถั่วเขียวที่เตรียมไว้มาทำความสะอาด จากนั้นให้นำไปแช่ในน้ำอุ่น โดยจะแช่ประมาณ 6 – 8 ชั่วโมง หรือบางคนก็อาจจะแช่ทิ้งไว้ 1 คืนได้
2. ขั้นตอนนี้สำคัญก่อนทำการเพาะปลูก เราจะต้องนำวัสดุอุปกรณ์ทุกอย่างมาลวกด้วยน้ำร้อน เพื่อทำการฆ่าเชื้อและป้องกันไม่ให้ถั่วงอกเกิดเชื้อรานั่นเอง
3. ต่อมาให้เรานำเมล็ดถั่วเขียวที่ทำการแช่แล้ว มาแบ่งเป็นกอง ๆ กองละเท่า ๆ กัน เพื่อที่จะนำไปทำการเพาะปลูกต่อไป
4. นำถังพลาสติกที่เตรียมไว้มาวางบนฐานสำหรับการเพาะ จากนั้นให้นำกระสอบป่านหรือแผ่นฟองน้ำทำการชุบน้ำแล้ววางลงไปบริเวณก้นถัง แล้วให้นำตะแกรงพลาสติกมาวางทับ หลังจากนั้นให้นำเมล็ดถั่วเขียวกองที่ 1 มาวางเรียงกัน ตามด้วยการนำแผ่นฟองน้ำหรือกระสอบป่านมาวางทับอีกรอบ ซึ่งจะทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่ากองเมล็ดถั่วเขียวจะหมด
5. พอถึงการปลูกเมล็ดถั่วเขียวกองสุดท้าย ให้เรานำถุงมาคลุมอีกรอบพร้อมทำการปิดฝาให้เรียบร้อย
6. จากนั้นให้เราทำการรดน้ำทุก ๆ 4 – 6 ชั่วโมง ทำแบบนี้เรื่อยๆ จนถึง 3 วัน เพียงเท่านี้เราก็จะได้ถั่วงอกตามที่ต้องการแล้ว
3. ปลูกถั่วงอกในตะกร้า
อีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจและสามารถทำตามกันได้ง่าย ๆ นั่นคือการปลูกถั่วงอกในตะกร้า ซึ่งวิธีนี้ก็จะทำให้เราได้ถั่วงอกในปริมาณมากไม่แพ้วิธีอื่น ๆ เช่นกัน
วัสดุอุปกรณ์ที่ต้องเตรียม
- เมล็ดถั่วเขียว 2 ขีด
- ตะกร้าพลาสติก
- ตาข่าย
- ผ้าสีขาวแบบบาง
- ถุงดำ
ขั้นตอนการปลูก
1. อย่างแรกเลยคือให้เรานำเมล็ดถั่วเขียวมาทำความสะอาด ตามด้วยนำไปแช่ในน้ำอุ่น ทิ้งไว้ประมาณ 6 – 8 ชั่วโมง หรือบางคนก็อาจจะแช่ 1 วันเลยก็ได้
2. ให้เรานำตระกร้าพลาสติกที่เตรียมไว้วางลงในถุงดำ จากนั้นให้เอาผ้าขาวไปทำการชุบน้ำแล้ววางลงบริเวณตะกร้า ซึ่งขั้นตอนการวางนั้นเราจะต้องพยายามวางผ้าให้เรียบหรือวางเป็นแนวราบเรียบจะดีที่สุด ต่อมาให้นำตาข่ายที่เตรียมไว้วางทับลงไปอีกรอบ
3. ขั้นตอนต่อมาให้เราเทน้ำที่แช่ในเมล็ดถั่วเขียวออก พร้อมกับนำเมล็ดถั่วเขียวที่ได้มาวางเกลี่ย ๆ ในตะกร้า โดยการเกลี่ยนี้ไม่ควรที่จะเกลี่ยหนาจนเกินไป
4. เมื่อเราทำการเกลี่ยเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้นำผ้าสีขาวชุบน้ำมาวางทับอีกรอบ
5. จากนั้นให้เราทำการปิดปากถุงดำให้มิดชิด พร้อมกับทำการรดน้ำในทุก ๆ 4 – 6 ชั่วโมง ทำแบบนี้ไม่เรื่อยๆ จนครบ 3 วัน เพียงเท่านี้ก็ได้ถั่วงอกตามที่ต้องการแล้ว
3. ปลูกถั่วงอกในขวดพลาสติก
มาต่อด้วยวิธีนี้กันบ้าง สำหรับใครที่พึ่งจะลองปลูกในครั้งแรก เราอาจจะลองปลูกในขวดก่อน เพราะถือได้ว่าเป็นวิธีการปลูกที่ง่าย แถมยังมีขั้นตอนการทำที่ไม่ซับซ้อนอีกด้วย
วัสดุอุปกรณ์ที่ต้องเตรียม
- เมล็ดถั่วเขียว
- ขวดพลาสติก
- กระดาษทิชชู
- มีดคัดเตอร์ หรือกรรไกร
- ยางรัดของ
ขั้นตอนการปลูก
1. ก่อนอื่นเลยให้เรานำขวดที่เตรียมไว้มาทำการเจาะรูเป็นแถว ซึ่งการเจาะนั้นจะเจาะประมาณ 4 – 5 รูต่อขวด จากนั้นให้ใช้มีดคัตเตอร์ปาดบริเวณข้างขวดให้กลายเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
2. ต่อมาให้เรานำกระดาษทิชชูที่เตรียมไว้มาชุบน้ำแล้วนำไปวางในขวดให้เรียบร้อย แล้วนำเมล็ดถั่วเขียวที่ผ่านการแช่น้ำแล้ว มาทำการเกลี่ยลงบนกระดาษทิชชู พร้อมกับนำกระดาษทิชชูอันใหม่ทำการชุบน้ำแล้วนำมาวางทับอีกรอบ แค่นี้เราก็จะได้ถั่วงอกไว้ทานแล้ว
3. ปลูกถั่วงอกในกล่องพลาสติก
มาอีกหนึ่งวิธีของการเพาะเลี้ยงถั่วงอกที่เราไม่ควรมองข้าม และเหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาอย่างเรา ๆ เพราะถือได้ว่าเป็นวิธีที่ง่ายและไม่ซับซ้อนเลยก็ว่าได้
วัสดุอุปกรณ์ที่ต้องเตรียม
- เมล็ดถั่วเขียว
- กล่องพลาสติก
- กระดาษทิชชู
- ยางรัดหรือเชือกฟาง
ขั้นตอนการปลูก
1. มากันที่ข้อแรกให้เรานำเมล็ดถั่วเขียวมาทำความสะอาด จากนั้นก็นำไปแช่ในน้ำอุ่นตามเดิม ซึ่งการแช่นั้นก็จะแช่ประมาณ 6 – 8 ชั่วโมง หรือสำหรับใครที่อยากจะแช่นานกว่านั้นก็สามารถแช่ทิ้งไว้ประมาณ 1 คืนได้
2. ให้นำกล่องพลาสติกที่เตรียมไว้มาบริเวณฐานของการเพาะปลูก จากนั้นก็ให้นำกระดาษทิชชูทำการชุบน้ำให้ชุ่ม แล้วนำมาวางบริเวณด้านล่างของกล่อง จากนั้นให้นำเมล็ดถั่วเขียวที่ผ่านการแช่น้ำมาแล้ว มาทำการเกลี่ยลงบริเวณกล่องพลาสติกให้ทั่ว และปิดทับด้วยกระดาษทิชชูชุบน้ำอีกรอบ
3. ทำการรดน้ำทุกๆ 4 – 6 ชั่วโมง พร้อมกับทำการเขย่ากล่องเล็กน้อย ๆ หลังจากนั้นก็ทำการปิดฝาและห่อด้วยกระดาษนำไปเก็บไว้ในที่มืดตามเคย ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนครบ 3 วัน แค่นี้คุณก็จะได้ถั่วงอกตามที่ต้องการแล้ว
ประโยชน์ของการทานถั่วงอกที่คุณยังไม่เคยรู้
หลายคนก็อาจจะสงสัยแหละว่า ถั่วงอกที่เราเห็นกันนี้เป็นถั่วอีกหนึ่งชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกายไม่แพ้ถั่วชนิดอื่น ๆ เพราะฉะนั้นใครที่ยังไม่รู้ว่าถั่วชนิดนี้ส่งผลดีต่อร่างกายของเรายังไงบ้าง มาดูกัน
บทความที่เกี่ยวข้อง : อาหารเด็ก ก่อนวัยเรียน เมนูอาหารก่อนวัยเรียนของลูกๆ ที่คุณแม่ทำง่ายๆ
1. ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง
ใครจะไปรู้ว่าถั่วงอกที่เราเห็นกันนั้นจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งให้กับเราได้ แน่นอนว่าในตัวถั่วงอกจะมีวิตามินเอ ที่ช่วยในเรื่องของการป้องกันไม่ให้เกิดโรคมะเร็ง เพราะฉะนั้นการทานถั่วงอกก็ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งให้กับเราได้
2. ช่วยบำรุงสายตา
การที่เราทานถั่วงอกนอกจากความอร่อยที่เราจะได้รับไปแล้วนั้น สิ่งนี้ก็จะช่วยป้องกันปัญหาต่าง ๆ ที่ส่งผลไม่ดีต่อสายตาเราได้ อีกทั้งยังช่วยบำรุงสายตาทำให้การมองเห็นของเราดูคมชัดมากขึ้นอีกด้วยนะ ใครที่ยังไม่เคยลองชิมต้องลองแล้วแหละ
3. ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย
มากันอีกหนึ่งข้อ สำหรับใครที่ทานถั่วงอกอยู่แล้ว หารู้ไหมว่าสิ่งนี้จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับร่างกายของเราด้วย เรียกได้ว่าเป็นวัตถุดิบอีกหนึ่งสิ่งที่เหมาะแก่การนำมาประกอบอาหารไม่น้อยเลยจริง ๆ
4. ช่วยในเรื่องของการย่อยอาหาร
มาต่อกันที่คุณประโยชน์อีกหนึ่งข้อ นั่นคือจะช่วยในเรื่องของการย่อยอาหาร เพราะในถั่วงอกจะมีเอนไซม์ชนิดต่าง ๆ จำนวนมาก ซึ่งเอนไซม์เหล่านี้จะช่วยเข้ามาย่อยสลายสารอาหาร และส่งผลทำให้ระบบย่อยอาหารของเราทำงานได้ดีและมีประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเอง
5. ช่วยบำรุงหัวใจ
ประโยชน์ของการทานถั่วงอกอีกหนึ่งข้อนั่นคือจะช่วยบำรุงหัวใจ เพราะในตัวถั่วงอกจะมีกรดไขมันโอเมก้าและกรดไขมันชนิดต่าง ๆ ที่จะเข้าไปช่วยลดการอุดตันของไขมันในเส้นเลือดให้กับร่างกายของเราได้ เพราะฉะนั้นใครที่ไม่อยากเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจวายเฉียบพลัน บางครั้งการทานถั่วงอก สิ่งนี้ก็อาจจะช่วยป้องกันโรคต่าง ๆ ที่ไม่ดีให้กับเราได้เหมือนกัน
สำหรับใครที่มีความสนใจอยากจะพาลูก ๆ ปลูกถั่วงอกไว้ทานที่บ้าน ขอบอกเลยว่าขั้นตอนการทำที่เราได้นำมาฝากกันในวันนี้ เป็นวิธีการทำที่ง่ายมาก ๆ แถมยังใช้เวลาในการทำไม่นานอีกด้วย หรือใครที่ชอบทานถั่วงอกเป็นประจำอยู่แล้ว เราก็อาจจะต้องทานในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่ควรที่จะทานในปริมาณที่มากจนเกินไป พยายามทานให้อยู่ในปริมาณที่พอเหมาะจะดีที่สุดค่ะ
บทความที่น่าสนใจ :
10 เมนูอาหารเด็ก 2 ขวบ อาหารรสชาติอร่อย กินง่าย ลูกชอบ !
เผยสูตร! ผัดฟักทองใส่ไข่ ทำอย่างไรให้ลูกชอบกินฟักทอง ลูกไม่อี๋
ไอเดีย! สูตรข้าวกล่องเพื่อสุขภาพ เด็ก ๆ หิวเมื่อไหร่ทานได้เลย
ที่มา : rakbankerd