เมื่อลูกถูกรังแกเราควรสอนลูกให้สู้กลับดีไหม แน่นอนว่า พ่อแม่ทุกคนไม่อยากให้ลูกต้องเจ็บปวดจากการถูกรังแก อยากให้ลูกเข้มแข็ง รับมือได้ เมื่อถูกรังแก แต่ก็ไม่ต้องการใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา แล้วจะมีวิธี สอนลูกให้ปกป้องตัวเอง ยังไงดี บทความนี้มีคำตอบค่ะ
ลูกถูกเพื่อนแกล้งเป็นปัญหาที่พบเจอได้เสมอ เมื่อลูกต้องเข้าสังคม ไม่ว่าจะเล่นกับเพื่อนแถวบ้าน หรือถูกเพื่อนแกล้งที่โรงเรียน เมื่อเด็กแกล้งกัน เราจะเห็นเด็กอยู่ 2 ประเภท คือ
- เด็กที่ยอมถูกแกล้ง: เด็กกลุ่มนี้มักจะเก็บความรู้สึกไว้ข้างใน ไม่กล้าแสดงออก ทำให้กลายเป็นเป้าหมายของการถูกแกล้งซ้ำๆ อาจส่งผลต่อความมั่นใจในตัวเอง และสุขภาพจิตในระยะยาว
- เด็กที่สู้กลับ: เด็กกลุ่มนี้พยายามปกป้องตัวเอง ซึ่งเป็นปฏิกิริยาตอบโต้ที่เป็นธรรมชาติ แต่การสู้กลับอาจนำไปสู่ความรุนแรงที่รุนแรงขึ้น หรืออาจทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงได้
เราอยากให้ลูกเป็นแบบไหน?
จริงๆ แล้ว สิ่งที่พ่อแม่ต้องการคือ “อยากให้ลูกมีความมั่นใจในตัวเอง รู้จักปกป้องตัวเอง และรู้จักวิธีแก้ปัญหา”
สารบัญ
เราจะ สอนลูกให้ปกป้องตัวเอง ยังไง?
ก่อนจะสอนลูกให้ปกป้องตัวเอง ลองสำรวจพฤติกรรมของลูกก่อน ว่าลูกเรามีลักษณะที่เหมาะกับการถูกแกล้งไหม เด็กที่มักโดนแกล้งบ่อยๆ อาจมีลักษณะเหล่านี้
- เด็กขี้แย เด็กที่แสดงความอ่อนแอออกมาบ่อยๆ อาจกลายเป็นเป้าหมายของการแกล้ง
- เด็กขี้กลัว เด็กที่ขาดความมั่นใจในตัวเอง มักจะกลัวที่จะต่อต้าน
- เด็กที่ชอบแหย่คนอื่น แม้จะดูเหมือนเป็นเรื่องขำขัน แต่การแหย่คนอื่นบ่อยๆ อาจทำให้ผู้อื่นรู้สึกไม่พอใจ และตอบโต้กลับมาได้
ถ้าลูกมีลักษณะเหล่านี้ มีอะไรที่เราสามารถปรับปรุงได้บ้าง การแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ จะช่วยให้ลูกสามารถปกป้องตัวเองได้ดียิ่งขึ้น ลองทำสิ่งเหล่านี้ดูนะคะ
- ฝึกให้ลูกกล้าแสดงออก สอนให้ลูกกล้าพูด กล้าแสดงความคิดเห็น และกล้าปฏิเสธเมื่อไม่ต้องการ
- เสริมสร้างความมั่นใจ ชมเชยลูกเมื่อทำสิ่งต่างๆ ได้สำเร็จ ให้โอกาสลูกได้ลองทำสิ่งใหม่ๆ และให้กำลังใจเมื่อลูกทำผิดพลาด
- สอนให้ลูกควบคุมอารมณ์ สอนให้ลูกรู้จักระบุอารมณ์ของตัวเอง และหาทางระบายอารมณ์ที่ไม่ดี
- ส่งเสริมให้ลูกเล่นกีฬา กีฬาช่วยให้ร่างกายแข็งแรง และเพิ่มความมั่นใจในตัวเองได้
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การให้กำลังใจลูกเสมอ ทำให้ลูกมั่นใจว่าคุณพ่อคุณแม่อยู่เคียงข้างเขาเสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
5 ขั้นตอน สอนลูกรับมือเมื่อถูกรังแก
เมื่อลูกถูกแกล้ง เป็นไปไม่ได้ที่คุณพ่อคุณแม่จะไปออกโรงปกป้องลูกทุกครั้ง ดังนั้นจึงควรสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูก สอนลูกให้ปกป้องตัวเอง ชวนลูกมานั่งคุยและคิดตาม เน้นให้ลูกมีส่วนร่วม จะทำให้ลูกได้คิดวิเคราะห์ และหาทางแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง ซึ่งจะเป็นผลดีกับลูกในระยะยาว โดยสามารถทำได้ดังนี้
1. ชวนลูกย้อนดูเหตุการณ์
ให้ลูกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้ เช่น เกิดอะไรขึ้นบ้าง ใครอยู่ด้วย ใครเป็นคนเริ่มก่อน และเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ไหน การชวนลูกย้อนดูเหตุการณ์จะช่วยให้ลูกรู้จักวิเคราะห์สถานการณ์ และหาทางป้องกันตัวเองในครั้งต่อไปได้ บางครั้งอาจพบว่า หลายๆ ปัญหาอาจไม่เกิดขึ้น แค่เราไม่เอาตัวเองไปอยู่ตรงนั้น
2. ถามคำถามปลายเปิด
แทนที่จะถามว่า “ทำไมเขาทำหนู” ให้ลองถามว่า “คิดว่าอะไรทำให้เพื่อนทำแบบนั้น” หรือ “ถ้าเราทำอย่างอื่น เราจะแก้ปัญหาได้ไหม” คำถามแบบเปิดจะกระตุ้นให้ลูกคิดวิเคราะห์ และหาคำตอบได้ด้วยตัวเอง
3. สอนให้ลูกปกป้องตัวเอง
เมื่อลูกเล่าถึงช่วงเวลาที่ถูกทำร้าย ให้รับฟังอย่างตั้งใจ และบอกลูกว่า “ไม่เป็นไรนะที่รู้สึกกลัว แต่ลูกต้องรู้ว่าตัวเองมีสิทธิที่จะปลอดภัย” สอนให้ลูกตะโกนเสียงดังเพื่อขอความช่วยเหลือ เช่น “หยุดนะ! อย่าทำแบบนี้!” หรือ “ช่วยด้วย!” การตะโกนเสียงดังจะช่วยดึงความสนใจจากคนรอบข้าง และอาจทำให้คนที่กำลังแกล้งหยุดลงได้
4. ให้ความสำคัญกับการขอความช่วยเหลือ
สอนให้ลูกบอกผู้ใหญ่ที่ไว้ใจ เช่น ครู ผู้ปกครอง หรือเพื่อนที่ไว้ใจได้ เมื่อถูกแกล้ง การขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่เป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะผู้ใหญ่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาและปกป้องลูกได้
5. ฝึกให้ลูกคิดถึงผลที่ตามมา
ชวนลูกคิดถึงผลที่ตามมาหากปล่อยให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปเรื่อยๆ เช่น อาจจะเจ็บตัวมากขึ้น หรืออาจจะถูกแกล้งซ้ำๆ การคิดถึงผลที่ตามมาจะช่วยให้ลูกตระหนักถึงความสำคัญของการแก้ไขปัญหาตั้งแต่เนิ่นๆ
สร้างทักษะชีวิตให้ลูก
นอกจากการสอนลูกให้ปกป้องตัวเองแล้ว การสร้างทักษะชีวิตอื่นๆ ก็สำคัญไม่แพ้กัน เช่น การเข้าสังคม การสื่อสาร การแก้ปัญหา และการอยู่ร่วมกับผู้อื่น ทักษะเหล่านี้จะช่วยให้ลูกสามารถปรับตัวเข้ากับสังคมได้ดีขึ้น และลดโอกาสที่จะถูกแกล้ง
- ฝึกฝนทักษะผ่านประสบการณ์จริง ชวนลูกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน และร่วมกันวิเคราะห์สถานการณ์ เพื่อให้ลูกรู้จักคิด วิเคราะห์ และแก้ปัญหา
- อ่านหนังสือนิทาน เล่านิทานให้ลูกฟัง และชวนลูกคุยถึงตัวละครในเรื่อง เพื่อให้ลูกได้เรียนรู้วิธีการแก้ปัญหาต่างๆ
- เล่นเกม เกมบางประเภทสามารถช่วยฝึกทักษะทางสังคมได้ เช่น เกมที่ต้องทำงานร่วมกัน หรือเกมที่ต้องใช้การเจรจาต่อรอง
- ให้โอกาสลูกได้ฝึกปฏิบัติ สร้างสถานการณ์ให้ลูกได้ฝึกปฏิบัติ เช่น การขอโทษเมื่อทำผิด หรือการขอบคุณเมื่อได้รับความช่วยเหลือ
- สอนให้ลูกรู้จักแบ่งปัน สอนให้ลูกแบ่งปันของเล่น หรือช่วยเหลือผู้อื่น
- ฝึกให้ลูกฟังความคิดเห็นของผู้อื่น สอนให้ลูกฟังความคิดเห็นของผู้อื่นอย่างตั้งใจ และให้เกียรติความคิดเห็นของผู้อื่น
ทักษะชีวิตเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ ในบรรยากาศที่อบอุ่นเป็นกันเอง เพื่อให้ลูกกล้าที่จะเปิดใจและพูดคุยกับเราค่ะ
สอนลูกให้รู้จักสิทธิและทางเลือก
หากมองในอีกมุมหนึ่ง เราสามารถสอนให้ลูกรู้จักสิทธิของตัวเอง และมีทางเลือกในการแก้ปัญหาที่หลากหลายเช่นกัน เมื่อลูกถูกแย่งของ แทนที่จะสอนลูกให้แย่งของคืนมาเสมอ ลูกมีสิทธิที่จะเลือกที่จะไม่สู้ ไม่แย่งกลับ หรือเลือกที่จะปกป้องสิทธิของตัวเองก็ได้ เป็นสิทธิของลูก
เหตุผลที่เราควรสอนแบบนี้
- ส่งเสริมการแก้ปัญหา การให้ลูกมีทางเลือก จะช่วยให้ลูกได้ฝึกคิด วิเคราะห์ และเลือกวิธีการแก้ปัญหาที่เหมาะสมที่สุดในแต่ละสถานการณ์
- เพิ่มความมั่นใจ เมื่อลูกมีทางเลือก ลูกจะรู้สึกมีอำนาจในการควบคุมสถานการณ์ และมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น
- ลดความขัดแย้ง การไม่เน้นเรื่องการแย่งชิง จะช่วยลดความขัดแย้งและความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นได้
วิธีสอนลูก
- สถานการณ์: ลูกถูกเพื่อนแย่งของเล่น
- วิธีสอน:
- ถามลูก “รู้สึกยังไงตอนที่เพื่อนแย่งของเล่นไป?”
- ให้ทางเลือก “เราจะทำยังไงดี? จะไปบอกครูไหม? จะลองขอเพื่อนคืนไหม? หรือจะหาของเล่นอื่นมาเล่นแทน?”
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย “ถ้าเราไปบอกครู อาจจะทำให้เพื่อนเสียใจนะ แต่ถ้าเราไม่บอก เพื่อนก็อาจจะไม่รู้ว่าเราไม่พอใจ”
- สรุป “สุดท้ายแล้ว ลูกเลือกที่จะทำอะไรก็ได้นะ แต่ขอให้ลูกคิดให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจ”
จะเห็นได้ว่า หน้าที่ของพ่อแม่คือ การคุยกับลูกเพื่อกระตุ้นให้ลูกได้คิดหาทางออกหลายๆ แบบ ส่วนลูกก็มีหน้าที่ สะสมทางเลือกที่หลากหลาย ประมวลผล แล้วตัดสินใจ “เลือก” ทางที่ลูกคิดว่าดีที่สุด ด้วยตัวของเขาเอง และไม่ว่าลูกจะเลือกทางไหน พ่อแม่ก็จะอยู่ข้างลูกเสมอ
ที่มา : เพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน , หมอเสาวภา เลี้ยงลูกเชิงบวก
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
Should do! สิ่งที่พ่อแม่ควรทำ วิธีสอนลูก เมื่อลูกทำผิด
3 ทักษะ EF ที่พ่อแม่ควรสอนลูก วัย 3-6 ปี เป็นช่วงที่ได้ผลดีที่สุด
Adaptability Quotient : 5 วิธีเลี้ยงลูกให้มี AQ สูง ปรับตัวเก่ง เอาตัวรอดได้ในทุกสถานการณ์