เมื่อเข้าสู่ฤดูร้อน อากาศที่ร้อนอบอ้าวไม่เพียงแต่ทำให้ลูกน้อยรู้สึกไม่สบายตัว แต่ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยจากโรคต่างๆ มากขึ้นด้วย เนื่องจากระบบการทำงานของร่างกายลูกยังไม่แข็งแรงพอที่จะรับมือกับอุณหภูมิที่สูง โรคบางประเภทที่เกิดจากอากาศร้อนและเชื้อโรคจึงมีโอกาสระบาดได้ง่ายขึ้น จนคุณพ่อคุณแม่หลายคนอดกังวลไม่ได้ การดูแลและป้องกันโรคในช่วงฤดูร้อนจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม มาดูกันค่ะว่า โรคหน้าร้อนในเด็ก ที่ควรระวังมีอะไรบ้าง แล้วจะป้องกันและดูแลสุขภาพของลูกน้อยอย่างไรให้ปลอดภัยในหน้าร้อนนี้
6 โรคหน้าร้อนในเด็ก ที่ควรระวัง!
จริงๆ โรคหน้าร้อนที่ต้องระมัดระวังสำหรับลูกน้อยนั้นมีอยู่มากมายค่ะ เพียงแต่ขอนำมาเฉพาะ 6 โรคหน้าร้อนในเด็ก ที่พบบ่อย ดังนี้
-
โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน และอาหารเป็นพิษ
โรคหน้าร้อนในเด็ก ที่พบได้บ่อยแทบทุกครอบครัวคือ โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน รวมทั้งโรคอาหารเป็นพิษค่ะ ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสจากการกินอาหารและน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อโรค เนื่องจากอาหารมักบูดเสียง่ายในหน้าร้อน กลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องเสีย และอาเจียน ประกอบกับอุณหภูมิที่สูงขึ้นทำให้เชื้อโรคเติบโตเร็ว ซึ่งลูกน้อยมักมีภูมิต้านทานต่ำ จึงเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย ภาวะอุจจาระร่วงและอาหารเป็นพิษสามารถทำให้ลูกขาดน้ำและเกลือแร่ที่จำเป็น จนอาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำที่อันตรายได้
อาการและวิธีดูแล โรคอุจจาระร่วง | |
อาการ |
|
การดูแล |
|
การป้องกัน |
|
-
โรคลมแดด (Heat Stroke)
เนื่องจากในช่วงหน้าร้อนอุณหภูมิร่างกายของลูกอาจสูงเกินไป จนทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ เวียนศีรษะ คลื่นไส้ และอาจหมดสติได้ โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่ปรับตัวกับอากาศร้อนได้ไม่ดี ร่างกายไม่สามารถระบายความร้อนออกได้ อาจเกิดจากการเล่นในที่อุณหภูมิสูงนานๆ โดยไม่ได้ดื่มน้ำหรือพักผ่อนเพียงพอ เมื่ออุณหภูมิรอบตัวสูงขึ้น อุณหภูมิในร่างกายก็สูงขึ้นตาม บางครั้งอาจสูงจนถึง 40 องศาเซลเซียสหรือมากกว่า จึงส่งผลให้เกิดโรคลมแดด หรือโรคฮีทสโตรก ได้นั่นเอง
อาการและวิธีดูแล โรคลมแดด | |
อาการ |
|
การดูแล |
|
การป้องกัน |
|
-
โรคหน้าร้อนในเด็ก ผดร้อน ผื่นแพ้
ผดร้อน ผื่นแพ้ รวมถึงโรคผิวหนังอักเสบ เกิดจากการอุดตันของต่อมเหงื่อ ทำให้เกิดผื่นแดง ตุ่มใส และอาการคันตามผิวหนัง ยิ่งในช่วงที่อากาศร้อนชื้น เหงื่อที่ร่างกายขับออกมาเพื่อช่วยระบายความร้อน อาจทำให้ผิวหนังของลูกเกิดการระคายเคืองง่ายขึ้น จนลูกรู้สึกไม่สบายตัวนั่นเอง
ดูแลยังไง เมื่อลูกเป็นผื่นแพ้หน้าร้อน |
|
อาการ |
|
การดูแล |
|
การป้องกัน |
|
-
โรคไข้หวัดใหญ่ และโรคระบบทางเดินหายใจ
จริงๆ แล้วโรคไข้หวัดใหญ่เป็นโรคติดต่อของระบบทางเดินหายใจที่เกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งพบได้ตลอดปี และพบได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ค่ะ แต่เนื่องจากในช่วงฤดูร้อนที่มีอากาศร้อนชื้น การระบายอากาศในพื้นที่อาจไม่ดี ทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายได้ง่าย ไข้หวัดใหญ่จึงเป็น โรคหน้าร้อนในเด็ก ที่ทำให้เด็กเจ็บป่วยได้ง่ายกว่า โดยเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ หรือในผู้สูงอายุ หากป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่มักมีอาการรุนแรงมากกว่าวัยอื่นๆ และมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนได้
อาการและวิธีดูแลเมื่อลูกเป็นไข้หวัดใหญ่ |
|
อาการ |
|
การดูแล |
|
การป้องกัน |
|
ทั้งนี้ ในส่วนของวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่นั้น ลูกน้อยควรได้รับตั้งแต่อายุ 6 เดือนขึ้นไป ทุกปี ปีละ 1 ครั้ง เพราะเชื้อจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอในแต่ละปี โดยสามารถฉีดช่วงไหนของปีก็ได้ แต่ต้องใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์หลังฉีดภูมิต้านทานจึงจะมีประสิทธิภาพดี
-
โรคตาแดง (Conjunctivitis)
โรคหน้าร้อนในเด็ก อีกหนึ่งประเภทที่พบบ่อยคือ โรคตาแดง ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย หรือปริมาณเชื้อราที่เกิดขึ้นจากเหงื่อไคลซึ่งติดอยู่ตามเสื้อผ้าหรือผ้าเช็ดหน้า ทำให้เชื้อโรคเจริญเติบโตได้ดี มีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย ทำให้ดวงตาของลูกน้อยมีอาการแดง น้ำตาไหล และรู้สึกคัน ร้อน หรือรู้สึกแสบตา โดยเด็กเล็กมักเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคนี้จากการสัมผัสสิ่งของที่มีเชื้อโรคหรือการถูตา
อาการและวิธีดูแลโรคตาแดง |
|
อาการ |
|
การดูแล |
|
การป้องกัน |
|
-
โรคพิษสุนัขบ้า
โรคพิษสุนัขบ้า เป็นโรคติดเชื้อทางระบบประสาท เกิดจากเชื้อไวรัสเรบีส์ (Rabies) ติดต่อจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมสู่คน เช่น สุนัข แมว หนู กระต่าย กระรอก ลิง ฯลฯ ผู้ที่ติดเชื้อโรคนี้เกือบทุกรายเสียชีวิต และปัจจุบันยังไม่มียารักษา โดยเชื้อจะแพร่ผ่านการสัมผัสน้ำลายสัตว์ที่การกัดหรือข่วนตรงที่มีบาดแผล เลียตรงบริเวณที่เป็นเยื่อบุ เช่น เยื่อบุตา จมูก หรือปาก ซึ่งในช่วงอากาศร้อนนั้น สัตว์เลี้ยงอย่างสุนัขและแมวมักจะหงุดหงิดได้ง่าย จึงมีโอกาสกัดคุณพ่อคุณแม่หรือลูกน้อยได้บ่อย
ทั้งนี้ เชื้อพิษสุนัขบ้ามีระยะฟักตัวนานเป็นสัปดาห์จนถึงหลายปี ดังนั้น อาการอาจแสดงให้เห็นได้ตั้งแต่ 1 สัปดาห์จนถึงเดือนหรือเป็นปีหลังสัมผัสเชื้อ
อาการโรคพิษสุนัขบ้า ดูแลและป้องกันยังไง? |
|
อาการ | จะเริ่มมีไข้ อ่อนเพลีย คลื่นไส้อาเจียน ปวดเมื่อยตามตัว เบื่ออาหาร ไม่ค่อยสบายตัว คันหรือเจ็บบริเวณแผลที่ถูกกัด โดยแสดงอาการใน 2 ระบบ ได้แก่
|
การดูแล |
|
การป้องกัน |
|
โรคหน้าร้อนสามารถเกิดขึ้นได้ง่ายในเด็กเล็ก เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของเด็กยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ การดูแลสุขภาพและการป้องกันอย่างถูกวิธีจึงเป็นสิ่งสำคัญ คุณพ่อคุณแม่ควรใส่ใจในเรื่องการป้องกันและสังเกตอาการของลูกอยู่เสมอ เพื่อให้ลูกน้อยได้รับการดูแลและมีสุขภาพที่แข็งแรงไปทุกฤดูนะคะ หากมีอาการผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันทีค่ะ
ที่มา : www.phyathai.com , www.bangkokhospital.com , www.paolohospital.com , www.phyathai.com
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
7 วิธี สอนให้ลูกเรียนรู้จากความล้มเหลว พลาดเป็น ลุกขึ้นใหม่ได้
เลี้ยงลูกอย่างไรไม่ให้ ติดแกลม สร้างภูมิคุ้มกันใจในยุคโซเชียล
ลูกกลัวคนแปลกหน้า เมื่อไรที่ต้องกังวล? พ่อแม่รับมืออย่างไรให้ลูกอุ่นใจ