X
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้าเข้าสู่ระบบ
  • อยากท้อง
  • ตั้งครรภ์
    • คำนวณวันคลอด
    • ฉันกำลังตั้งครรภ์
    • ไตรมาสที่ 1
    • ไตรมาสที่ 2
    • ไตรมาสที่ 3
    • Project Sidekicks
    • ตั้งชื่อลูก
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ไลฟ์สไตล์
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • ที่เที่ยว
    • เที่ยวไทย
    • เที่ยวต่างประเทศ
    • ที่พัก และ โรงแรม
  • ที่กิน
    • ร้านอร่อย
    • ร้านอร่อยสำหรับเด็ก
    • คาเฟ่
    • เมนูอาหาร
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • TAPpedia
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • อีเว้นท์
    • TAP Awards Winners
    • TAP idol
    • TAP x Safari Largest Treasure Hunt
  • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
  • VIP

น้ำตาล: ภัยร้ายใกล้ตัวลูก

บทความ 3 นาที
น้ำตาล: ภัยร้ายใกล้ตัวลูก

เราเคยได้ยินมาว่าน้ำตาลมีข้อเสียต่อร่างกายมากมาย ที่แน่ ๆ น้ำตาลทำให้อ้วน แล้วมันมีอะไรอย่างอื่นอีกมั้ย? มาดูกันว่าน้ำตาลส่งผลเสียต่อร่างกายของลูกคุณอย่างไร

ข้อเสียของการกินน้ำตาล

น้ำตาล: ภัยร้ายใกล้ตัวลูก

น้ำตาลไม่ดีต่อร่างกายจริงหรือ?

ขนมหวานนิดหน่อยอาจดูไร้พิษภัยสำหรับเด็ก แต่รู้หรือไม่ว่าในความเป็นจริงมีอาหารมากมายที่มีน้ำตาลเป็นส่วนผสม และทำให้เด็กติดนิสัยกินหวาน ซึ่งจะส่งผลเสียต่อเด็กทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ในฐานะผู้ปกครอง เราควรจัดการกับปัญหานี้อย่างไร?

น้ำตาล: หวานเป็นลม

อย่าบอกลูกแค่เพียงว่า “น้ำตาลไม่ดีต่อร่างกาย” แต่ลองพยายามอธิบายให้เขาฟังว่าการบริโภคน้ำตาลมากเกินไปจะเป็นผลเสียต่อร่างกายอย่างไร ดังต่อไปนี้:

ไขมันพอก: อาหารที่อุดมไปด้วยน้ำตาลมักเป็นอาหารที่มีแคลอรีสูงแต่ไม่มีประโยชน์ทางโภชนาการ ซึ่งจะทำให้เรากินของหวาน ๆ มากเกินไป ไม่ใช่เพราะของหวานนั้นอร่อยเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะของหวานมักไม่ทำให้เรารู้สึกอิ่ม เราจึงสามารถกินเข้าไปได้เรื่อย ๆ และแน่นอนว่าทุกแคลอรีที่เรากินเข้าไปจะถูกสะสมไว้ในรูปของไขมันตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย

บทความใกล้เคียง: 20 อาหารแคลอรี่ต่ำ

เสี่ยงเป็นเบาหวาน: น้ำตาลไม่ได้เป็นสาเหตุของโรคเบาหวาน แต่การบริโภคของหวานมากเกินไปจะทำให้เกิดไขมันสะสมมากขึ้น และไขมันเหล่านี้ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ระบบอินซูลินในร่างกายผิดปกติและโรคเบาหวาน

ต้นเหตุโรคหลอดเลือดหัวใจ: การบริโภคน้ำตาล (และคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว) มากเกินไปจะทำให้ระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคหัวใจสูงขึ้น

ขาดสารอาหาร: เด็กที่ได้รับแคลอรีจากน้ำตาลมากเกินไปมักจะไม่ได้ค่อยรับสารอาหารที่จำเป็นอื่น ๆ อย่างวิตามิน เกลือแร่ และสารต้านอนุมูลอิสระจากอาหารที่มีประโยชน์อื่น ๆ อย่างเพียงพอ ซึ่งจะนำไปสู่ภาวะขาดสารอาหารและพัฒนาการที่ช้าลง

ฟันผุ: อย่าลืมให้ลูกแปรงฟันทุกครั้งหลังกินของหวาน เพราะน้ำตาลเป็นอาหารของแบคทีเรียที่ทำให้เกิดฟันผุ

น้ำตาลทำให้เด็กไฮเปอร์ จริงหรือ? อ่านหน้าถัดไป >>>

ข้อเสียของน้ำตาล: ทำให้เด็กอยู่ไม่สุขจริงหรือ?

น้ำตาลทำให้เด็ก “อยู่ไม่สุข” จริงหรือ?

แม้ว่าจะไม่มีงานวิจัยที่บ่งชี้ว่าการบริโภคน้ำตาลจะทำให้เด็กเป็นไฮเปอร์โดยตรง แต่ร่างกายของเด็กแต่ละคนมีการตอบสนองต่อระดับน้ำตาลแตกต่างกัน จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เรามักเห็นเด็กจดจ่อกับกิจกรรมต่าง ๆ ได้ดีกว่าเมื่อลดการบริโภคน้ำตาลลง

อย่างไรก็ตาม มีงานวิจัยก่อนหน้านี้ที่ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่าง:

1. การกินอาหารเช้าที่มีน้ำตาลมากเกินไปและช่วงสมาธิที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

2. การดื่มน้ำอัดลมที่มีน้ำตาลในปริมาณมากและความเครียด ภาวะไฮเปอร์ และปัญหาอื่น ๆ ในวัยรุ่น

3. วัตถุแต่งสีกลิ่นรส เช่น ทาร์ทราซีน, Red 3 และ 40, Blue 1 และ 2, Green 3, Orange B และเบนโซเอท ซึ่งมักพบในอาหารที่มีน้ำตาลสูง กับปัญหาด้านพฤติกรรม

เราเสพติดน้ำตาลได้หรือไม่?

น้ำตาลสามารถกระตุ้นให้สมองเกิดอาการเสพติดได้ ผลการสแกนสมองแสดงให้เห็นว่าร่างกายจะหลั่งสารโดพามีนและโอปิออยด์เมื่อมีการบริโภคน้ำตาล ในกรณีของคนที่ร่างกายไวต่อน้ำตาล อาจทำให้เกิดอาการ “ติดน้ำตาล” ได้

กินน้ำตาลเท่าไหร่ถึงเหมาะสม หน้าถัดไป>>>

ลูกกินน้ำตาลมากไปรึเปล่า?

กินหวานไปหรือเปล่า?

เรามีปริมาณน้ำตาลที่เหมาะสมสำหรับเด็กในแต่ละช่วงอายุมาแนะนำ

บทความจากพันธมิตร
รวม 5 ที่เรียนภาษาอังกฤษระดับแนวหน้า ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย พร้อมเทคนิคเรียนดีที่ไม่ควรพลาด!
รวม 5 ที่เรียนภาษาอังกฤษระดับแนวหน้า ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย พร้อมเทคนิคเรียนดีที่ไม่ควรพลาด!
เปิดโอกาสให้ลูกได้ค้นหาตัวเอง ด้วยเทคนิคการเรียนแบบ Home School
เปิดโอกาสให้ลูกได้ค้นหาตัวเอง ด้วยเทคนิคการเรียนแบบ Home School
LPR โพรไบโอติก เกรด A กระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ลูกรักแข็งแรงพร้อมเรียนรู้
LPR โพรไบโอติก เกรด A กระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ลูกรักแข็งแรงพร้อมเรียนรู้
แม่รู้ไหม? พัฒนาการสมอง ของลูกเกิดขึ้นได้ทั้งกลางวันและกลางคืน เสริมด้วย สารอาหารสมอง และการนอนอย่างมีคุณภาพ
แม่รู้ไหม? พัฒนาการสมอง ของลูกเกิดขึ้นได้ทั้งกลางวันและกลางคืน เสริมด้วย สารอาหารสมอง และการนอนอย่างมีคุณภาพ

เด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ: ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่เติมน้ำตาล นี่จะช่วยป้องกันไม่ให้ลูกของคุณติดกินหวาน

เด็กอายุ 2-8 ปี: ไม่ควรกินอาหารที่ใส่น้ำตาลมากกว่า 3 ช้อนชา

เด็กอายุ 8-18 ปี: ไม่ควรกินอาหารที่ใส่น้ำตาลมากกว่า 5-8 ช้อนชา

เคล็ดลับในการลดน้ำตาลสำหรับเด็ก

  • ดื่มน้ำเปล่าแทนน้ำหวาน อย่างน้ำอัดลม น้ำเกลือแร่ หรือน้ำผลไม้ที่ผสมน้ำตาล
  • ดื่มนมที่ไม่แต่งรส หรือน้ำผลไม้สด
  • ให้เด็กกินธัญพืชใส่ผลไม้สด แทนซีเรียลที่อุดมไปด้วยน้ำตาลเป็นอาหารเช้า
  • กินอาหารที่ปรุงสดใหม่ด้วยกันทั้งครอบครัว ให้ลูกได้ช่วยเตรียมอาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อสุขภาพซึ่งไม่เติมน้ำตาล
  • อ่านฉลากอาหารและหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาล หรือน้ำเชื่อมสูง
  • จำกัดการบริโภคอาหารสำเร็จรูป เช่น ธัญพืชแท่ง คุ้กกี้ ขนมหวาน ลูกกวาด แยม น้ำเชื่อม และผลไม้กระป๋อง
  • มีอาหารหวานตามธรรมชาติติดบ้านไว้ เช่น ผลไม้สด เด็ก ๆ จะได้กินแต่อาหารที่ดีต่อสุขภาพ
  • อย่าใช้อาหารหรือขนมเป็นเครื่องล่อใจหรือรางวัล

หากคุณมีข้อสงสัยหรือปัญหาเกี่ยวกับอาหารการกินของลูก ลองปรึกษากุมารแพทย์เพื่อขอคำแนะนำ

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
img
บทความโดย

theAsianparent Editorial Team

  • หน้าแรก
  • /
  • พัฒนาการลูก
  • /
  • น้ำตาล: ภัยร้ายใกล้ตัวลูก
แชร์ :
  • อย่าชะล่าใจ 5 ภัยร้ายใกล้เปลนอนเจ้าตัวน้อย

    อย่าชะล่าใจ 5 ภัยร้ายใกล้เปลนอนเจ้าตัวน้อย

  • น้ำตาล ภัยร้ายทำลูกป่วย

    น้ำตาล ภัยร้ายทำลูกป่วย

  • ลูกเหงื่อออกตอนนอน สัญญาณโรคร้ายที่พ่อแม่ต้องระวัง

    ลูกเหงื่อออกตอนนอน สัญญาณโรคร้ายที่พ่อแม่ต้องระวัง

  • อย่าชะล่าใจ 5 ภัยร้ายใกล้เปลนอนเจ้าตัวน้อย

    อย่าชะล่าใจ 5 ภัยร้ายใกล้เปลนอนเจ้าตัวน้อย

  • น้ำตาล ภัยร้ายทำลูกป่วย

    น้ำตาล ภัยร้ายทำลูกป่วย

  • ลูกเหงื่อออกตอนนอน สัญญาณโรคร้ายที่พ่อแม่ต้องระวัง

    ลูกเหงื่อออกตอนนอน สัญญาณโรคร้ายที่พ่อแม่ต้องระวัง

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
    • ก่อนตั้งครรภ์
    • การคลอด
    • ระยะการตั้งครรภ์
    • การคลอด
  • พัฒนาการลูก
    • ทารก
    • เด็กก่อนเข้าเรียน
    • ช่วงวัยของเด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • การวางแผนการเงิน
    • การเลี้ยงลูก
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • นมแม่และนมผง
  • โภชนาการ
    • สินค้าเด็ก
    • นมผง
    • เมนูอาหาร
    • สินค้าแม่
  • เพิ่มเติม
    • TAP สังคมออนไลน์
    • ติดต่อโฆษณา
    • ติดต่อเรา
    • Influencer Marketing (KOL)
    • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Sri-Lanka flag Sri Lanka
  • India flag India
  • Vietnam flag Vietnam
  • Australia flag Australia
  • Japan flag Japan
  • Nigeria flag Nigeria
  • Kenya flag Kenya
© Copyright theAsianparent 2023. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

theAsianparent heart icon
เราต้องการส่งแจ้งเตือนข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดูแลทารกและสุขภาพไปให้กับคุณ