จากผลสำรวจของ theAsianparent insights ผ่านแอปพลิเคชัน theAsianparent บนกลุ่มคุณแม่กว่า 700 คน เผยให้เห็นถึง 5 เหตุผลหลักที่คุณแม่ไทยนิยมผ่าคลอด มากกว่าคลอดธรรมชาติ ซึ่งสอดคล้องกับอัตราการผ่าคลอดในประเทศไทยที่สูงถึง 37.95% สูงสุดเป็นอันดับ 2 ของเอเชีย รองลงมาจากประเทศจีน
5 เหตุผลหลักที่คุณแม่ไทยนิยมผ่าคลอด
-
กำหนดวันคลอดได้ (33%)
คุณแม่ 33% นิยมผ่าคลอด เนื่องจากสามารถกำหนดวันคลอดได้ คือข้อดีประการแรกและสำคัญที่สุดสำหรับการผ่าคลอด การที่คุณแม่สามารถกำหนดวันคลอดล่วงหน้าได้ ช่วยให้วางแผนเตรียมตัว เตรียมสถานที่ เตรียมคนดูแล และเตรียมต้อนรับสมาชิกใหม่ได้อย่างสะดวก รอบคอบ
-
มีภาวะเสี่ยง (23%)
ในบางกรณี การตั้งครรภ์มีความเสี่ยงสูง แพทย์อาจแนะนำให้ผ่าคลอดเพื่อความปลอดภัยของทั้งแม่และเด็ก โดยคุณแม่ 23% เลือกผ่าคลอดเนื่องจากมีภาวะเสี่ยง ทั้งนี้ตัวอย่างภาวะเสี่ยงที่พบได้บ่อย เช่น ทารกอยู่ในท่าขวาง สายสะดือพันคอ แม่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ
-
แพทย์แนะนำ (21%)
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสูติกรรมและนรีเวชกรรม เปรียบเสมือนเข็มทิศสำคัญในการตัดสินใจคลอดบุตร คำแนะนำของแพทย์มักขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น สุขภาพของแม่ สุขภาพของทารก ประวัติการคลอดบุตร และผลการตรวจต่างๆ แพทย์จะพิจารณาอย่างรอบคอบและแนะนำวิธีการคลอดที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล โดยคุณแม่ 21% เลือกผ่าคลอดตามคำแนะนำของแพทย์
-
ลดความเจ็บปวดขณะคลอด (16%)
การผ่าคลอดโดยทั่วไปจะใช้การบล็อกหลังหรือดมยาสลบ เพื่อช่วยลดความเจ็บปวดทรมานระหว่างการคลอด เหมาะสำหรับคุณแม่ที่กังวลหรือกลัวความเจ็บปวด โดยคุณแม่ 16% เลือกผ่าคลอด เพราะกลัวความเจ็บปวดขณะคลอด แต่อย่างไรก็ตาม การผ่าคลอดก็มีแผลผ่าตัดที่ต้องดูแลหลังคลอดเช่นกัน
-
ไม่ต้องรอคลอดนาน (7%)
7% ของคุณแม่เลือกผ่าคลอด เพราะไม่ต้องการรอคลอดนาน ในกรณีที่รอคลอดธรรมชาติตามกำหนดแล้ว แต่ไม่มีสัญญาณเตือนการคลอด แพทย์อาจพิจารณาผ่าคลอดเพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อสุขภาพของแม่และเด็ก การผ่าคลอดช่วยให้คุณแม่คลอดบุตรได้โดยไม่ต้องรอ
ปัจจัยอื่นๆ ที่มีผลต่อการตัดสินใจผ่าคลอด
นอกจาก 5 เหตุผลหลักที่คุณแม่ไทยนิยมผ่าคลอด ข้างต้น ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อการตัดสินใจผ่าคลอด เช่น
- ความเชื่อส่วนตัว: บางครอบครัวมีความเชื่อเรื่องฤกษ์ยาม ต้องการกำหนดฤกษ์คลอดให้ตรงกับวันมงคล
- ประสบการณ์การคลอด: คุณแม่ที่เคยผ่าคลอดมาก่อน มีแนวโน้มที่จะผ่าคลอดทารกในครรภ์ถัดไป
- ความกังวลเกี่ยวกับการคลอดธรรมชาติ: คุณแม่บางท่านอาจกังวลเกี่ยวกับกระบวนการคลอดธรรมชาติ กลัวความเจ็บปวด กลัวภาวะแทรกซ้อน
ข้อดีและข้อเสียของการผ่าคลอด
ปัจจุบัน การผ่าคลอดได้รับความนิยมมากขึ้น แต่การผ่าคลอดเหมาะกับทุกคนหรือไม่? อะไรคือข้อดีและข้อเสียของการผ่าคลอดเมื่อเทียบกับการคลอดธรรมชาติ? เราจะพาคุณแม่ไปเจาะลึกข้อมูลเกี่ยวกับการผ่าคลอด เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกวิธีการคลอดที่เหมาะสมกับคุณและลูกน้อยมากที่สุด
ข้อดี:
- กำหนดวันคลอดได้:
ช่วยให้คุณแม่สามารถวางแผนล่วงหน้า เตรียมตัว เตรียมสถานที่ เตรียมต้อนรับสมาชิกใหม่ ลดความกังวล จัดการเวลาได้ง่าย แต่ทั้งนี้ คุณแม่ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อพิจารณาว่าวิธีการคลอดแบบไหนเหมาะสมกับตนเองมากที่สุด - ลดความเจ็บปวดขณะคลอด:
การผ่าคลอดช่วยให้คุณแม่ลดความเจ็บปวดระหว่างคลอดบุตร โดยใช้ยาชาหรือยาสลบ เหมาะสำหรับคุณแม่ที่กังวลกลัวความเจ็บปวด กลัวภาวะแทรกซ้อน - แพทย์สามารถควบคุมสถานการณ์ได้:
เหมาะสำหรับกรณีที่มีภาวะเสี่ยง ทารกอยู่ในท่าขวาง สายสะดือพันคอ แม่มีโรคประจำตัว หรือภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ แพทย์สามารถควบคุมสถานการณ์ระหว่างคลอดบุตรได้อย่างใกล้ชิด และช่วยลดความเสี่ยงต่ออันตรายของแม่และทารก
ข้อเสีย:
- ใช้เวลาในการผ่าตัดและพักฟื้นนานกว่าการคลอดธรรมชาติ:
คุณแม่ต้องใช้เวลาในโรงพยาบาลนานกว่าคลอดธรรมชาติ เนื่องจาก ร่างกายต้องใช้เวลาฟื้นฟูจากการผ่าตัด อาจรู้สึกเจ็บแผล อ่อนเพลีย มากกว่าคลอดธรรมชาติ
- มีแผลผ่าตัดที่ต้องดูแล:
อาจรู้สึกเจ็บแผล อักเสบ ติดเชื้อ มีแผลเป็น ต้องใช้เวลานานกว่าแผลจะหายสนิท และต้องดูแลแผลผ่าตัดอย่างเคร่งครัด
- มีความเสี่ยงจากการผ่าตัด:
การผ่าคลอดยังมีความเสี่ยงอื่นๆ เช่น มีความเสี่ยงจากการผ่าตัด ติดเชื้อ เสียเลือดมาก เป็นต้น - ทารกอาจมีโอกาสระบบทางเดินหายใจติดเชื้อ:
การผ่าคลอด ทารกอาจมีโอกาส ติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ ปอดอักเสบ เนื่องจากไม่ได้สัมผัสกับแบคทีเรียดีจากช่องคลอด ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน
การตัดสินใจผ่าคลอด
การตัดสินใจผ่าคลอดเป็นการตัดสินใจสำคัญที่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ คุณแม่ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับข้อมูลที่ถูกต้อง คำแนะนำที่เหมาะสม และเพื่อประเมินความเสี่ยงและประโยชน์ของการผ่าคลอด
คำถามที่ควรสอบถามแพทย์
- สาเหตุที่แนะนำให้ผ่าคลอด
- ความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากการผ่าคลอด
- วิธีการผ่าคลอด
- ระยะเวลาในการพักฟื้นหลังคลอด
- การดูแลแผลผ่าคลอด
- ผลกระทบต่อการให้นมบุตร
- การตั้งครรภ์ในอนาคต
การเตรียมตัวสำหรับการผ่าคลอด
เมื่อตัดสินใจผ่าคลอดแล้ว การเตรียมตัวให้พร้อมก่อนผ่าคลอด จะช่วยให้คุณแม่รู้สึกมั่นใจ ผ่อนคลาย และพร้อมรับมือกับการผ่าตัด
1. ปรึกษาแพทย์
สิ่งแรกที่ควรทำคือปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลครรภ์ แพทย์จะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการผ่าคลอด ประเมินความเสี่ยง ตอบคำถาม และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเตรียมตัวทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการผ่าตัด
2. เรียนรู้เกี่ยวกับการผ่าคลอด
หาข้อมูลเกี่ยวกับการผ่าคลอด อ่านบทความ ดูวิดีโอ หรือเข้าร่วมอบรมคุณแม่ตั้งครรภ์ การเรียนรู้เกี่ยวกับขั้นตอน วิธีการ และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น จะช่วยให้คุณแม่รู้สึกผ่อนคลายและพร้อมรับมือกับสถานการณ์ได้ดีขึ้น
3. เตรียมร่างกายให้พร้อม
พักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายเบาๆ หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ และสารเสพติด แจ้งแพทย์เกี่ยวกับยาที่ทานประจำ แพทย์อาจแนะนำให้หยุดยาบางชนิดก่อนการผ่าตัด เพื่อร่างกายจะได้พร้อมรับมือกับการผ่าตัด
4. เตรียมสิ่งของที่จำเป็น
โรงพยาบาลจะมีรายการสิ่งของที่ต้องเตรียมไปก่อนผ่าคลอด เตรียมเอกสารสำคัญ บัตรประชาชน บัตรประกันสุขภาพ สมุดฝากครรภ์ เสื้อผ้าที่ใส่สบาย ผ้าอ้อมสำหรับเด็ก ของใช้ส่วนตัว และอุปกรณ์ให้นมบุตร
5. เตรียมใจ
การผ่าคลอดเป็นประสบการณ์ที่อาจสร้างความกังวล คุณแม่ควรพูดคุยกับคนรอบข้าง ครอบครัว เพื่อน หรือกลุ่มคุณแม่ การพูดคุยและแบ่งปันความรู้สึกจะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย การผ่าคลอดอาจไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้เสมอไป คุณแม่ควรปรับความคาดหวัง เตรียมใจให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน
6. เตรียมความพร้อมสำหรับการดูแลทารกหลังคลอด
หาข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลทารก เตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็น ฝึกให้นมบุตร หาคนช่วยดูแลทารกในช่วงที่คุณแม่พักฟื้น จัดบ้านให้สะอาด เตรียมอาหารว่าง เตรียมเสื้อผ้าสำหรับทารก หาคนช่วยทำธุระในบ้าน
7. ขอความช่วยเหลือ:
หากรู้สึกกังวล เครียด หรือมีคำถาม อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือจากแพทย์ พยาบาล หรือคนรอบข้าง
การดูแลหลังคลอด
หลังผ่าคลอด คุณแม่ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด พักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ ดูแลแผลผ่าคลอดให้สะอาด สังเกตสัญญาณผิดปกติ เช่น เลือดออกมาก มีไข้ และแจ้งแพทย์หากพบอาการผิดปกติ
การผ่าคลอดเป็นทางเลือกหนึ่งในการคลอดบุตร คุณแม่ควรตัดสินใจเลือกวิธีการคลอดที่เหมาะสมกับตนเอง คำนึงถึงสุขภาพของทั้งแม่และเด็ก ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อการคลอดบุตรที่ปลอดภัยและมีความสุข
เรายังมี Insights ที่น่าสนใจอีกมากมาย หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อที่ salesth@tickledmedia.com
ที่มา : theAsianparent insights , โรงพยาบาลเปาโล