นับว่าเป็นอีกหนึ่งความร่วมมือของคนทั่วโลก ที่มีเป้าหมายเดียวกัน คือการผลิตวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด 19 ออกมาให้ได้เร็วที่สุด และมีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งถือว่าเป็นการแข่งขันกับเวลา และชีวิตของพวกเรา ซึ่งในปัจจุบัน มีวัคซีนถูกผลิตออกมาหลายยี่ห้อมาก จนทำให้เราต้องทำการ รวมราคาวัคซีนโควิด-19 และเทียบประสิทธิภาพ ต่างกันอย่างไร?
แม้ว่าประเทศไทยของเรา จะยังไม่มีวัคซีนทางเลือกหลากหลายในเราได้เลือกมากนัก แต่การที่เราจะรับรู้ข้อมูลเบื้องต้นของวัคซีนแต่ละชนิด แต่ละยี่ห้อ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ก็ไม่ใช่เรื่องแย่ และอาจจะเป็นการดีสำหรับการศึกษาข้อมูลเบื้องต้นไว้อีกด้วย เราจึง รวมราคาวัคซีนโควิด-19 และเทียบประสิทธิภาพ ต่างกันอย่างไร? ให้ได้เปรียบเทียบกันอย่างตรงไปตรงมา
1. Sinopharm (ซิโนฟาร์ม)
เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อวัคซีน ที่มีโครงการ จะอนุมัตินำเข้ามาในไทยเพื่อให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือก สำหรับผู้ที่ต้องการรับวัคซีนยี่ห้อนี้
- ซิโนฟาร์ม (BBIBP-CorV) เป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย ผลิตโดยบริษัทซิโนฟาร์ม สัญชาติจีน
- จะต้องฉีด 2 เข็ม โดยมีระยะห่างกัน 21 วัน
- ราคาอยู่ที่ 1,776 บาท ต่อ 2 โดส
- ประสิทธิภาพการสร้างภูมิคุ้มกันโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 79 – 86%
- ผู้ที่สามารถรับวัคซีนนี้ได้ จะต้องมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขั้นไป
- สามารถเก็บไว้ได้ในอุณหภูมิตู้เย็นที่ 2 – 8 องศาเซลเซียส
โดยปัจจุบัน ประเทศที่เลือกใช้วัคซีนจากซิโนฟาร์มนี้ มีทั้งประเทศจีน กัมพูชา ลาว โมร็อคโก สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บาห์เรน เซเนกัล
2. Moderna (โมเดอร์นา)
เชื่อว่าหลายคนต่างก็รอคอยวัคซีนชนิดนี้ เพราะเนื่องจาก หลายประเทศทั่วโลก มีการยอมรับถึงประสิทธิภาพ โดยเฉพาะบางประเทศ ได้มีการบรรจุชื่อของวัคซีนโมเดอร์นาเอาไว้ในลิส ของวัคซีนสำหรับผู้ที่จะสามารถเข้าประเทศได้ จะต้องมีการฉีดวัคซีนตัวนี้แล้วเท่านั้น
- วัคซีนโมเดอร์นา (mRNA-1273) เป็นวัคซีนชนิด mRNA ผลิตโดยบริษัทโมเดอร์นา ประเทศสหรัฐอเมริกา
- จำนวนที่จะต้องฉีดคือ 2 เข็ม โดยจะต้องเว้นระยะห่างกัน 28 วัน
- ราคาอยู่ที่ 1,984 บาท – 2,294 บาท ต่อ 2 โดส
- ซึ่งประสิทธิภาพของวัคซีนตัวนี้อยู่ที่ 94.5% สำหรับการป้องกันทั่วไป และ 100% สำหรับการป้องกันอาการรุนแรง
- ผู้ที่สามารถรับวัคซีนยี่ห้อนี้ได้จะต้องมีอายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไป
- จะต้องเก็บรักษาในอุณหภูมิที่ต่ำกว่า -20 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิของช่องแช่แข็งตู้เย็นปกติ และสามารถเก็บในอุณหภูมิที่ 2 – 8 องศาเซลเซียส ได้ในช่วงเวลา 30 วัน
ปัจจุบันประเทศที่เลือกนำเข้า และใช้วัคซีนยี่ห้อนี้ได้แก่ สหรัฐอเมริกา แคนาดา กาตาร์ สิงคโปร์ เวียดนาม ไอซ์แลนด์ นอร์เวย์ ซึ่งอนาคต ประเทศไทย ก็จะเป็นอีกหนึ่งประเทศที่นำเข้ามาใช้ด้วยเช่นกัน
3. Pfizer/BioNTech (ไฟเซอร์)
ดูเหมือนคนไทย หลาย ๆ คนต่างจับจ้องกับวัคซีนตัวนี้เป็นพิเศษ เพราะเชื่อว่า ประสิทธิภาพการป้องกันนั้นน่าจะดีที่สุดในเวลานี้ และบางคนถึงกับยอมบินไปยังต่างประเทศ เพื่อเข้ารับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ เพราะไม่อยากรอการนำเข้าของประเทศไทย
- วัคซีนไฟเซอร์ (BNT162b2) เป็นวัคซีนชนิด mRNA ซึ่งเป็นชนิดเดียวกันกับ โมเดอร์นา เป็นการร่วมมือกันระหว่าง สหรัฐอเมริกา และเยอรมนี
- จะต้องฉีดจำนวน 2 เข็ม โดยมีระยะเวลาห่างกัน 21 วัน
- ราคาวัคซีนอยู่ที่ 1,096 – 1,208 ต่อ 2 โดส
- โดยเชื่อว่าสามารถป้องกันการติดเชื้อแบบมีอาการได้ถึง 95%
- ผู้ที่สามารถรับวัคซีนตัวนี้ได้ จำเป็นจะต้องมีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป (ทั้งนี้ทางสหรัฐอเมิรกา ได้อนุญาตให้ใช้ในเด็กอายุ 12 – 15 ปีได้แล้ว)
- จำเป็นจะต้องเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิต่ำกว่า -70 องศาเซลเซียส จึงทำให้เป็นอุปสรรคอย่างมากกับการขนส่ง เพราะหากเก็บในอุณหภูมิที่ 2-8 องศาเซลเซียส จะสามารถเก็บไว้ได้เพียง 120 ชั่วโมง หรือประมาณ 5 วันไม่เกิน
ประเทศที่ใช้วัคซีนไฟเซอร์แล้ว คือ สหรัฐอเมริกา แคนาดา อังกฤษ นอร์เวย์ เซอร์เบีย สวิตเซอร์แลนด์ สหรัฐอาหรับเอมิเตส์ ซาอุดีอาระเบีย อิสราเอล สิงคโปร์ เป็นต้น
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ : WHO องค์กรอนามัยโลกรองรับ วัคซีนซิโนแวค อนุมัติให้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน
4. Sinovac Biotech (ซิโนแวค)
เป็นวัคซีนตัวแรกที่ทางไทยได้ติดต่อนำเข้ามาเพื่อกู้วิกฤติจากการติดเชื้อไวรัสโควิด 19 ซึ่งวัคซีนนี้ ได้รับการจ่ายแจกให้กับทางเจ้าหน้าที่ หรือผู้ปฏิบัติงาน ที่มีความเสี่ยง รวมถึงผู้สูงอายุ และกลุ่มผู้ที่มีโรคอยู่ในกลุ่มเสี่ยงก่อนอันดับแรก
- วัคซีนซิโนแวค (Corona Vac) เป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย ผลิตจากประเทศจีน
- จะต้องได้รับการฉีด 2 เข็ม โดยมีระยะเวลาห่างกัน 2 – 4 สัปดาห์
- ราคาอยู่ที่ 1,054 บาท ต่อ 2 โดส
- โดยประสิทธิภาพของซิโนแวคสามารถป้องกันการติดเชื้อที่มีอาการได้ถึง 65.3 – 91.5% และป้องกันอาการรุนแรงได้ถึง 100%
- ผู้ที่สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนนี้ได้ จะต้องมีอายุระหว่าง 18 – 59 ปี ซึ่งล่าสุดคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อแห่งชาติ ได้อนุมัติให้ฉีดในคนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปได้แล้ว
- สามารถเก็บรักษาไว้ในอุณหภูมิตู้เย็นที่ 2 – 8 องศาเซลเซียส และเก็บได้นานถึง 3 ปี
ประเทศที่ใช้วัคซีนตัวนี้ได้แก่ จีน ตุรกี ไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย บราซิล ชิลี
5. Novavax (โนวาแวกซ์)
เป็นอีกหนึ่งวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ แม้ว่าเราจะไม่ค่อยคุ้นชื่อเจ้าวัคซีนยี่ห้อนี้มากสักเท่าไหร่ แต่ถ้าให้กล่าวถึงประสิทธิภาพการป้องกันนั้นไม่เป็นสองรองจากวัคซีนตัวอื่น ๆ เลยทีเดียว
- วัคซีนโนวาแวกซ์ (NVX-CoV2373) เป็นวัคซีนที่ผลิตจากโปรตีนส่วนหนึ่งของเชื้อ ผลิตโดยประเทศสหรัฐอเมริกา
- จะต้องฉีดทั้งหมด 2 เข็ม โดยมีระยะเวลาห่างกัน 21 วัน
- ราคาอยู่ที่ 1,054 บาท ต่อ 2 โดส
- โดยประสิทธิภาพเฉลี่ย จะอยู่ที่ 96.4% และสามารถป้องกันอาการรุนแรงได้ถึง 100%
- สามารถเก็บรักษาไว้ได้ในอุณหภูมิที่ 2 – 8 องศาเซลเซียส
ประเทศที่ใช้อยู่ ณ ปัจจุบัน ได้แก่ สหรัฐอเมริกา แคนาดา สหราชอาณาจักรออสเตรเลีย
6. Johnson & Johnson (จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน)
เป็นอีกหนึ่งวัคซีนที่มีความน่าสนใจ เพราะในขณะที่วัคซีนอื่น ๆ จำเป็นจะต้องฉีดที่ 2 โดสขั้นต่ำ แต่ทาง Johnson & Johnson นั้น สามารถฉีดเพียงแค่ โดสเดียวก็สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ทันที
- วัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (Ad26.COV2.S หรือ JNJ-78436735) เป็นวัคซีนชนิดไวรัสเวกเตอร์ ผลิตจากสหรัฐอเมริกา
- จำนวนที่ต้องฉีดเพียงแค่ 1 โดส เท่านั้น
- ราคาอยู่ที่ 310 บาท ต่อ 1 โดส
- สำหรับประสิทธิภาพนั้นสามารถป้องกันในระดับปานกลาง ถึงรุนแรงได้ 66 – 72% และป้องกันอาการป่วยหนักได้ถึง 85% โดยมีบางกระแสอ้างอิงว่า วัคซีนตัวนี้สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ที่พบในแอฟริกาได้อีกด้วย
- สามารถเก็บไว้ได้ในอุณหภูมิที่ 2 – 8 องศาเซลเซียส
ประเทศที่ใช้วัคซีนตัวนี้ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา แคนาดา บาห์เรน
7. Gamaleya or Sputnik V (วัคซีนสปุตนิก 5)
หากจะพูดชื่อกามาเลยา คงไม่มีใครรู้จัก แต่ถ้าบอกว่ามันคือชื่อหนึ่งของวัคซีน สปุตนิก 5 หลายคนจะต้องร้องอ๋อขึ้นมาทันที เพราะเป็นวัคซีนเชื้อสายรัสเซีย ที่น่าสนใจอีกตัวหนึ่ง
- วัคซีนสปุตนิก 5 (Gam-COVID-Vac) เป็นวัคซีนชนิดไวรัสเวกเตอร์ ที่ถูกพัฒนาโดยสถาบันวิจัย และพัฒนากามาเลยา ประเทศรัสเซีย
- จะต้องฉีดจำนวน 2 โดส โดยจำเป็นจะต้องเว้นระยะห่างที่ 14 – 21 วัน
- ราคาค่าวัคซีนอยู่ที่ 620 บาท ต่อ 2 โดส
- สามารถป้องกันได้ถึง 91.6% และป้องกันอาการรุนแรงได้ถึง 100%
- ผู้ที่รับวัคซีนชนิดนี้ได้ จำเป็นจะต้องมีอายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไป
- สามารถเก็บไว้ที่อุณหภูมิ 2 – 8 องศาเซลเซียส
ประเทศที่เลือกใช้วัคซีนตัวนี้ ได้แก่ รัสเซีย เบลารุส อาร์เจนตินา ซีเรีย อุซเบกิสถาน และ ฮังการี
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ : ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์ สรุปผลการใช้ยาคุมกำเนิดกับการรับวัคซีนโควิด-19
8. AstraZeneca (แอสตราเซเนกา)
เป็นวัคซีนทางเลือกที่ทางรัฐบาลไทย ได้นำเข้ามาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับคนไทย นอกจาก ซิโนแวค ทำให้คนไทยหลาย ๆ คน หันมาสนใจ ในวัคซีนตัวนี้ไม่ใช่น้อย
- วัคซีนแอสตราเซเนกา (ChAdOx1 nCoV-19 vaccine (AZD1222)) เป็นวัคซีนชนิดไวรัสเวกเตอร์ที่แบ่งตัวไม่ได้ ได้รับการพัฒนาจากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ร่วมกับบริษัทแอสตราเซเนกา
- จำเป็นจะต้องฉีดจำนวน 2 โดส โดยแต่ละโดสจะต้องเว้นห่างกันประมาณ 4 – 12 สัปดาห์ (และมีการศึกษาพบว่า วัคซีนจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อฉีดห่างกัน 8 สัปดาห์ขึ้นไป – 12 สัปดาห์)
- ราคาของวัคซีนอยู่ที่ 186 – 310 ต่อ 2 โดส
- ประสิทธิภาพในการป้องกันโดยรวมอยู่ที่ 70.4% และสามารถป้องกันอาการรุนแรงได้ถึง 100%
- ผู้ที่เข้ารับการฉีดวัคซีน จะต้องมีอายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไป
- สามารถเก็บรักษาไว้ได้ในอุณหภูมิที่ 2 – 8 องศาเซลเซียส
ประเทศที่ใช้วัคซีนนี้ได้แก่ สหราชอาณาจักร บราซิล ไทย เวียดนาม ไต้หวัน มาเลเซีย เกาหลีใต้
การที่เราศึกษาข้อมูลพื้นฐานของวัคซีนแต่ละตัว จะทำให้เราสามารถเข้าใจในประสิทธิภาพได้เป็นอย่างดี ทำให้เราไม่วิตกกังวล หรือกังวลตามข่าวเล่าลือต่าง ๆ ในโซเชียล ซึ่งก่อนเข้ารับการฉีดวัคซีนแต่ละชนิดนั้น ผู้ที่เข้ารับการฉีด จำเป็นจะต้องดูแลตัวเองให้ดี พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำเยอะ ๆ ทำใจให้สบาย และทางเพจ TheAsianparentThailand ก็เชื่อและหวังว่า พวกเราจะผ่านพ้นวิกฤติโควิดนี้ไปด้วยกันได้เร็ววันค่ะ
ที่มา : dailynews
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
วัคซีนโควิด-19 แบบสูดดม นวัตกรรมใหม่จากจีน ได้ผลกว่าแบบเดิม
แพ้วัคซีน Astrazeneca ขั้นรุนแรง ตั้งแต่เข็มแรก
“ยาไมเกรน” กินก่อนฉีดวัคซีนได้ ไม่จำเป็นต้องหยุดกิน