รกลอกตัวก่อนกำหนด เกิดจากอะไร มีอันตรายต่อคุณแม่ตั้งครรภ์อย่างไร

ในช่วงตั้งครรภ์ตลอด 9 เดือนนั้น แน่นอนว่าคุณแม่ต้องพยายามดูแลสุขภาพตนเองให้ดีที่สุด ทั้งเรื่องโภชนาการ การออกกำลังกาย หรือการทำจิตใจให้สบายปลอดโปร่ง ล้วนแล้วแต่มีผลถึงลูกน้อยในครรภ์ทั้งสิ้น แต่บางครั้งภาวะต่าง ๆ ที่ไม่พึงปรารถนาอาจเกิดขึ้น เช่น รกลอกตัวก่อนกำหนด เป็นอาการอีกอย่างหนึ่งที่แม้จะพบได้ไม่บ่อยก็ตาม มาดูกันว่า รกลอกตัวก่อนกำหนดคืออะไร

รกลอกตัวก่อนกำหนด เป็นภาวการณ์ที่ผู้หญิงตั้งครรภ์ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับตนเอง เพราะส่วนใหญ่จะเกิดอาการนี้ในช่วงตั้งครรภ์ได้ 20 สัปดาห์ นั่นหมายความว่า ท้องของคุณแม่ตั้งครรภ์เริ่มใหญ่และพร้อมกับการต้อนรับลูกตัวน้อยๆ ในเร็ววัน

ภาวะ รกลอกตัวก่อนกำหนด คืออะไร

รกลอกตัวก่อนกำหนด  (Abruption Placental )  หมายถึง  ภาวะที่มีการลอกตัวของรกบางส่วนหรือทั้งหมดลอกตัวออกจากมดลูกของสตรีมีครรภ์ก่อนทารกคลอด  ทำให้ผู้ป่วยมีเลือดออกจากช่องคลอดและมีอาการเจ็บครรภ์ ส่วนทารกในครรภ์ก็อาจขาดออกซิเจนและสารอาหารได้   มีการคลอดตัวก่อนการคลอด  หลังอายุครรภ์  20  สัปดาห์จนถึงก่อนทารกคลอด รกอาจลอกตัวเพียงบางส่วนหรือลอกตัวทั้งหมดก็ได้ ภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด พบได้ 1 ใน 200 คน มักเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน และอาจเป็นอันตรายต่อทั้งมารดาและทารกในครรภ์หากไม่ได้รับการรักษาทันที

 

 

 

 

รกลอกตัวก่อนกําหนด มี 3 แบบคือ

1. ภาวะรกลอกตัวแบบไม่เปิดเผย (Concealed type หรือ Internal hemorrhage)

อาการนี้คือ เลือดออกมาแล้วคั่งอยู่หลังรก ไม่ไหลออกมาทางช่องคลอดให้เห็นอย่างชัดเจน ซึ่งจะพบได้น้อยกว่าชนิดแบบเปิดเผย ประมาณ 20-35%

2. ภาวะรกลอกตัวแบบเปิดเผย (Revealed type หรือ external hemorrhage)

อาการที่ปรากฏอย่างชัดเจน โดยภาวะที่รกลอกตัวแล้วเลือดไหลเซาะระหว่างเยื่อถุงน้ำคร่ำกับผนังมดลูก ออกมาทางปากมดลูกและช่องคลอด คุณแม่ตั้งครรภ์จะเห็นเลือดออก ทำให้แพทย์วินิจฉัยโรคได้ง่ายขึ้น และพบได้บ่อยที่สุดประมาณ 65-80% ของผู้ป่วย

3. ภาวะรกลอกตัวแบบผสม (Mixed type หรือ Combined hemorrhage)

ภาวะนี้แบ่งเป็น 2 ระยะ และเป็นชนิดที่พบได้มากที่สุดในผู้ป่วยอาการรกลอกตัว โดยเริ่มแรกเป็นชนิดภาวะรกลอกตัวแบบไม่เปิดเผย เพราะเลือดที่ออกจะแทรกอยู่ระหว่างรกกับผนังมดลูก ครั้งพอเลือดออกมากขึ้นจึงสามารถเซาะแทรกถุงน้ำคร่ำกับผนังมดลูกแล้วผ่านออกมาทางปากมดลูก กลายเป็นภาวะแบบเปิดเผยได้

 

สาเหตุของภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนดมีอะไรบ้าง 

  • ภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ เป็นสาเหตุที่ชัดเจนและพบบ่อยที่สุด
  • ขาดสารอาหาร อย่างการขาดกรดโฟลิก
  • มดลูกมีขนาดเล็กลงอย่างฉับพลัน เช่น ในแม่ที่เป็นครรภ์แฝดน้ำ  ที่ถุงน้ำคร่ำแตกแล้วน้ำคร่ำไหลออกมาอย่างรวดเร็ว
  • ถุงน้ำคร่ำแตกในครรภ์ก่อนครบกำหนด  หรือในครรภ์แฝดที่คลอดแฝดพี่อย่างรวดเร็ว
  • มีอาการน้ำเดินก่อนกำหนดจะเพิ่มความเสี่ยงของรกลอกตัวก่อนกำหนดถึง 3  เท่า
  • สายสะดือสั้น เมื่อทารกเคลื่อนต่ำลงมาตามกลไกของการคลอดอาจดึงรกจนลอกตัวได้
  • สำหรับผู้ที่ตั้งครรภ์ลูกมากกว่า 5 คน จะมีโอกาสรกลอกตัวก่อนกำหนดได้ถึง ร้อยละ 10-17
  • มีเนื้องอกในมดลูก (Myoma uteri)  โดยเฉพาะในกรณีที่รกเกาะบริเวณเนื้องอกมดลูกทำให้เกิดภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนดได้
  • การหมุนกลับตัวเด็กทางหน้าท้อง (External Cephalic Version) อาจทำให้สายสะดือพันคอหรือแขนขาได้ จนสายสะดือสั้นลงหรือถูกดึงรั้งไว้จนเกิดการลอกตัว
  • การเจาะเลือดสายสะดือทารก อาจทำให้เกิดรกลอกตัวก่อนกำหนดได้เช่นกัน โดยมักจะเกิดขึ้นภายใน 24 ชั่วโมง และส่วนใหญ่จะมีอาการรุนแรง
  • คุณแม่ได้รับการกระทบกระเทือนบริเวณหน้าท้องแม้จะไม่รุนแรงนัก แต่อาจมีผลทำให้รกลอกตัวก่อนกำหนดได้

 

บทความที่เกี่ยวข้อง:  ภาวะรกเกาะต่ำขณะตั้งครรภ์ คืออะไร อันตรายแค่ไหน

อาการทั่วไปเป็นอย่างไร

  • เลือดออกทางช่องคลอด หรือน้ำคร่ำมีเลือดปนออกมา แต่ขณะที่มดลูกหดรัดตัวเลือดจะไม่ค่อยออก
  • มีอาการของภาวะครรภ์เป็นพิษระยะแรกร่วมด้วย
  • มดลูกหดรัดตัวมากขึ้น หรือแข็งตัวตลอดเวลา กดเจ็บ อาจจะเจ็บจุดใดจุดหนึ่งหรือกดเจ็บโดยทั่วไป และมักจะมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง
  • ทารกในครรภ์อยู่ในท่าปกติ อาจคลำได้ศีรษะที่ขอบเชิงกราน หรือมีบางส่วนเข้าไปในอุ้งเชิงกรานแล้ว แต่การเต้นของหัวใจผิดปกติ หรืออาจฟังเสียงหัวใจทารกไม่ได้
  • มีอาการซีด ความดันโลหิตต่ำ ชีพจรเต้นเร็ว กระสับกระส่าย หมดสติและช็อกได้

 

บทความที่เกี่ยวข้อง:  ครรภ์เป็นพิษ ภัยร้ายใกล้ตัวแม่ท้อง

ระดับความรุนแรงของอาการ

  • ระดับที่ไม่แสดงอาการ ไม่มีอาการปวด หรือเจ็บท้อง ไม่มีเลือดออก
  • รกลอกตัวเล็กน้อย มีอาการปวดท้องเล็กน้อย มีเลือดออกจากช่องคลอดร่วมด้วย การรักษาคือการพักผ่อนให้มาก ๆ การตรวจอัลตราซาวด์จะบ่งบอกความรุนแรงได้
  • รกลอกตัวปานกลาง มีเลือดออกประมาณ 0.5 – 1 ลิตร มีอาการปวดท้องรุนแรงมากขึ้น กดแล้วเจ็บ ทารกมีจังหวะการเต้นของหัวใจที่เร็วผิดปกติ
  • รกลอกตัวรุนแรง ฉุกเฉินรุนแรง อันตรายทั้งแม่และลูก เลือดออกได้มากถึง 2 ลิตร มีอาการปวดท้องรุนแรงมาก เสียเลือดมากจนมีอาการหมดสติ ช็อก ต้องได้รับการผ่าตัดเร่งด่วน

รกลอกตัวก่อนกำหนด มีการรักษาอย่างไร

 

การรักษาภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด

การรักษาจะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ปริมาณเลือดที่ไหลออกมาจากช่องคลอด อายุครรภ์ รวมถึงสุขภาพของหญิงตั้งครรภ์และทารก

  • หากอายุครรภ์ยังน้อย ประกอบกับทารกในครรภ์ยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ แพทย์อาจตรวจอัตราการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์ก่อน
  • หากอัตราการเต้นของหัวใจยังเป็นปกติและการลอกตัวของรกไม่รุนแรงนัก อาจไม่จำเป็นต้องทำคลอดก่อนกำหนด
  • ควรได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากแพทย์ จนกว่าอาการเลือดออกรุนแรงจะหยุดลง
  • หากทารกมีอาการคงที่และไม่มีเลือดออกแล้ว แพทย์สามารถอนุญาตให้ผู้ป่วยกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้
  • การรักษาทั่วไป แพทย์อาจใช้ยาในกลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ เพื่อช่วยเร่งให้ปอดของทารกเจริญเต็มที่ หากจำเป็นต้องคลอดก่อนกำหนด
  • หากอาการไม่รุนแรง แพทย์อาจให้ใช้วิธีคลอดธรรมชาติ โดยดูแลให้เด็กคลอดผ่านทางช่องคลอดอย่างระมัดระวัง
  • ในคุณแม่ตั้งครรภ์ที่มีอาการค่อนข้างรุนแรงและเสี่ยงต่อสุขภาพของมารดาหรือทารก อาจต้องผ่าคลอดทันที
  • เพื่อป้องกันมารดาเสียเลือดมาก แพทย์อาจจำเป็นต้องทำการให้เลือดด้วย
  • หากรกลอกตัวจากมดลูกจนหมดทุกส่วนหรือใกล้หมดทุกส่วน คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องเข้ารับการผ่าคลอดทางหน้าท้องทันที เพื่อปกป้องชีวิตคุณแม่และทารกในครรภ์

 

บทความที่เกี่ยวข้อง:   จำเป็นหรือไม่? คนท้องต้องอัลตราซาวด์

 

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

เนื่องจากรกลอกก่อนกำหนดเป็นภาวะที่มักเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน จึงอาจส่งผลต่อทั้งมารดาและทารกในครรภ์ได้ ดังนี้

  • คุณแม่ตั้งครรภ์ จะส่งผลให้การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ หากถุงน้ำคร่ำที่ห่อหุ้มตัวทารกแตกหรือรั่ว จะทำให้เกิดภาวะน้ำเดินร่วมด้วย แต่บางกรณีอาจมีเลือดออกจากมดลูกจนต้องผ่าตัดมดลูกออก ที่น่ากลัวคือเสี่ยงเกิดภาวะตกเลือด ภาวะไตวาย หรืออวัยวะอื่นๆ ทำงานล้มเหลว จนเกิดาวะช็อกเนื่องจากเสียเลือดมากจนเสี่ยงเสียชีวิตได้
  • ทารกในครรภ์ อาจมีการเจริญเติบโตไม่เต็มที่ เนื่องจากได้รับสารอาหารและออกซิเจนไม่เพียงพอ หากทารกคลอดก่อนกำหนดอาจมีน้ำหนักตัวน้อยกว่าปกติและมีสุขภาพไม่แข็งแรง ในบางกรณีทารกสามารถเสียชีวิตตั้งแต่ในครรภ์

 

 

 

คุณแม่ตั้งครรภ์ที่เสี่ยงต่อภาวะรกลอกก่อนกำหนด

  • คุณแม่ได้รับอุบัติเหตุ หรือกระทบกระเทือนบริเวณท้องขณะตั้งครรภ์
  • มีภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์
  • แม่ที่มีอายุมากกว่า 35 ปี
  • เคยมีภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนดในครรภ์ก่อน
  • แม่ที่สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า
  • การตั้งครรภ์แฝด
  • ภาวะถุงน้ำคร่ำแตก
  • สายสะดือสั้น เมื่อทารกเคลื่อนต่ำลงมาตามกลไกของการคลอด สายสะดืออาจไปดึงรกจนเกิดการลอกตัวได้

 

การป้องกันภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด

แม้ในปัจจุบันจะยังไม่มีวิธีป้องกันอาการดังกล่าว แต่อาจลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะนี้ได้ โดยปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้ในขณะตั้งครรภ์

  • คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ และไม่ใช้สารเสพติดต่างๆ
  • หมั่นดูแลสุขภาพตนเองและครรภ์ให้แข็งแรง พยายามตรวจเช็คและควบคุมระดับความดันโลหิตให้เป็นปกติอยู่เสมอ
  • หากพบว่าตนเองนั้นมีระดับความดันโลหิตสูงก็ควรได้รับการดูแลจากแพทย์และทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
  • คุณแม่ต้องคอยระมัดระวังการเกิดอุบัติเหตุ ที่อาจทำให้บาดเจ็บหรือเป็นอันตรายต่อครรภ์ หากเมื่อใดเกิดอุบัติเหตุกระทบกระเทือน ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
  • คุณแม่ที่เคยเกิดภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนดมาก่อน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนตั้งครรภ์ครั้งต่อไป เพื่อหาวิธีลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะนี้อีกครั้ง

 

การตั้งครรภ์อย่างปลอดภัยตลอด 9 เดือน คุณแม่ต้องระมัดระวังอย่าให้เกิดอุบัติเหตุใด ๆ โดยเฉพาะการกระทบกระเทือนบริเวณท้องเพราะอาจเกิดอันตรายได้  หากมีอาการผิดปกติเกิดขึ้น เช่น มีเลือดออกทางช่องคลอด  มีอาการปวดท้องรุนแรง ควรรีบปรึกษาคุณหมอโดยด่วนนะคะ  เพื่อความปลอดภัยของแม่และทารกน้อยในครรภ์

 

บทความที่น่าสนใจ

ข้อเท็จจริงและอันตรายจากภาวะรกค้างในมดลูก

ใจสลาย หมอบอกว่าลูกเสียเพราะเกินกำหนดคลอด สายรกเสื่อม

สัญญาณเตือนการเป็น มะเร็งปากมดลูก

 

 

ที่มา: 1, si.mahidol, dek-d, haamor