เรื่องนี้ผ่านมา 6 เดือนแล้ว เราฝากท้องกับรพ.รัฐใช้สิทธิบัตรทอง ครบกำหนดคลอด วันที่ 25 ก.พ. 58 ตลอดเวลาที่ท้อง ลูกเราดิ้นเก่งมาก วันที่ 17 ก.พ. เรามีน้ำใหลออกมาเป็นสีเหมือนน้ำมะพร้าวแต่ไม่ปวดท้อง เราก็นึกว่าน้ำคร่ำจึงรีบไปโรงพยาบาล แต่พยาบาลตรวจแล้วบอกไม่ใช่น้ำคร่ำ ก็นอนฟังเสียงหัวใจลูกครึ่ง ชม. แล้วให้กลับบ้าน จนครบกำหนด คลอด 40 สัปดาห์วันที่ 25 ก.พ. น้องก็ยังไม่ออก พยาบาลบอกน้องยังไม่ออกให้รอก่อน ตรวจเสียงหัวใจแล้วให้กลับบ้านเหมือนทุกๆครั้ง (ตอนท้องตั้งใจว่าจะคลอดเอง)
วันที่ 5 มี.ค. พยาบาลนัดมาตรวจอีกครบ 41 สัปดาห์ เราคิดว่าคงออกวันนี้เพราะครั้งที่แล้วมาพยาบาลบอกต้องคลอดแล้วส่งตัวเรามาบอกแอดมิทเตรียมคลอด แต่หมอที่อยู่เวรวันนั้นบอกว่าเราเป็นคนไข้ของหมออีกคน ซึ่งหมอคนนี้ไม่ได้เข้าเวร เราบอกท้องนานแล้วเลยกำหนดแล้วด้วย เร่งคลอดได้มั้ย หรือ ไม่ก็ผ่าเลยเราอยากเจอลูกแล้ว แต่เค้าบอกว่าไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้เราไม่ใช่คนไข้ของเค้า และบอกเราว่า ถ้าเร่งคลอดก็อันตรายจะปวดมากเค้าให้เรากลับบ้านก่อนให้รอจนปวดค่อยมาและนัดตรวจอีกครั้งวันที่ 10 มี.ค.
เรากับแฟนก็พากันกลับบ้าน นัดอีกทีวันที่ 10 มี.ค. ต่อมา วันที่ 7 มี.ค. เรามีมูกเลือดออกมา จึงรีบไปโรงพยาบาล ตรวจปากมดลูก พยาบาลบอกเปิด 1 ซ.ม.จึงให้กลับบ้านก่อน กลับบ้านมาได้ 3 วัน วันที่ 10 มี.ค. เราปวดท้องตอนช่วงสี่ทุ่ม เราก็รอให้ปวดถี่ๆ มาปวดหนักเรือย ทุก 5 นาทีตอน ตี 3 บอกแฟนไม่ใหวแล้วพาไปโรงบาลที พอไปถึงเค้าตรวจปากมดลูก เปิด 2 ซม. ให้เรานอนรอคลอด เราปวดท้องมากปวดถี่ทุก 3-5 นาที เรานอนปวดจน 7 โมงเช้า พยาบาลมาตรวจภายใน ควานถุงน้ำคร่ำเราแตกมั้งเพราะมีเสียงดังปึดแล้วก็มีเลือดใหลออกมาเยอะมากและบอกว่าปากมดลูกเปิด 4 ซม. เค้าก็ให้เรานอนรอจนเก้าโมง พาเข้าห้องคลอดแต่ปากมดลูกเราก็ไม่เปิดเพิ่มอีกเค้าเลยเร่งคลอดให้เรา
นักเรียนพยาบาลใส่ที่วัดเสียงหัวใจตัวเล็กตั่งแต่ตอนเราเข้ามานอนที่โรงบาล เสียงหัวใจลูกเราเต้นดีตลอดไม่มีอาการผิดปกติเลย พอ 11 โมง เราบอกนักเรียนพยาบาลว่าไม่ใหวแล้วเราปวดมาก ขอผ่าได้มั้ย เค้าบอกว่า “คุณแม่ค่ะ คลอดเองแผลหายไวกว่าผ่านะคะ อดทนนะคะ” พอ 11 โมงกว่าพยาบาลมาตรวจปากมดลูกบอกเปิดแล้วให้เตรียมทำคลอด ก็เริ่มเข้าสู่กระบวนการทำคลอด
เราเบ่งน้องตั้งแต่ 11.00 น. ลมเบ่งก็นานๆ มาที แต่ปวดมาก เบ่งตั้งไม่รู้กี่เที่ยว น้องก็ไม่ออก หมอก็เอาที่ดูดมาดูดน้อง ระหว่างดูดก็สอนนักเรียนแพทย์ไปด้วย ว่าต้องดูดอย่างไร ทำอย่างไร เราก็ปวดท้องมาก พอเที่ยงกว่าๆ พยาบาลคนนึงเพิ่งเข้ามาก็มาช่วยกดท้องให้กดท้อง พยาบาลคุยกันเสียงหัวใจน้องหายไปบอกเสียงดร็อปไป หาไปหามาก็เจอ พยาบาลบอกน้องก็ใกล้ออกแล้ว หมอก็กรีดช่องคลอด ให้เราเบ่งสุดแรงยาวๆ แล้วหมอก็ใช้ที่ดูดๆ สักพักน้องก็ออกมา คลอดตอน 12.32 น.
แต่เราไม่ได้ยินเสียงน้องร้องเลยใจไม่ดีเลย พยาบาลเอามาวางบนหน้าอกเราแป็ปนึง แล้วรีบเอาไป เห็นแวบนึง น้องตัวเขียว ไม่ร้อง เราเพลียมากแล้วก็เบลอๆ เป็นห่วงน้อง หมอทำคลอดรกต่อและก็เย็บแผลที่กรีดและเย็บมดลูก(ผนังมดลูกน่าจะฉีก เพราะเรารู้สึกเวลาหมอเย็บผนังทางด้านซ้ายเจ็บมากก) พยาบาลบอกเราตกเลือดให้นอนนึ่งๆแล้วเอาเจลมาประคบท้อง
สักพักหมอเด็กเดินมาบอกเราว่า น้องตัวเขียว ไม่ร้อง เพราะขาดออกซิเจน อาการ 50/50 เราก็งงๆ ตั้งสติได้ก็ร้องให้ นึกถึงคุณพระคุณเจ้าให้คุ้มครองลูก บนบาลศาลกล่าว ขอให้น้องปลอดภัย 2 ชม.ต่อมาเค้าก็พาเราไปห้องพักฟื้น เราได้แต่ร้องให้ แฟนเราไปดูลูก เห็นหมอรุมกันช่วย แฟนเราถามว่าลูกเราเป็นไงบ้าง หมอบอกน้องขาดออกซิเจนปอดทะลุ แฟนเราถามว่าเกิดจากอะไร เค้าก็บอกไม่รู้ เรานอนอยู่คืนนึงได้แต่ภาวนาให้ตัวเล็กปลอดภัย
จนเช้าเค้าให้เราไปเยี่ยมลูกได้ พอเห็นลูกเท่านั้นแหละ ใจแทบขาด สายอะไรก็ไม่รู้เต็มตัวน้องไปหมด อาการก็ไม่ดีขึ้น ต้องใช้เครื่องกระตุ้นปอดเพราะปอดรั่ว ใส่ออกซิเจนเพราะน้องหายใจเองไม่ได้ ตัวสั่นตลอดเวลาเพราะเครื่องต่างๆ เราน้ำตาไหลเดินไปจับมือลูกจับแขนลูกขอให้เค้าเข้มแข็ง ให้เค้าสู้ๆแล้วกลับมาหาเรา มาอยู่กับเรา ถามหมอว่าน้องเป็นอะไรทำใมเป็นแบบนี้เค้าก็บอกแต่ไม่รู้ เราก็ไม่รู้จะทำไง เค้าถามเราว่าถ้าหัวใจน้องหยุดเต้นจะให้ปั๊มหัวใจน้องมั้ย เราคิดอยู่สักพัก ก็บอกว่าไม่ต้องก็ได้ เพราะน้องปอดรั่วถ้าปั๊มไปปอดอาจฉีกเยอะกว่านี้ หมอบอกใช่ เราเลยบอกไม่ปั๊มปล่อยให้น้องหลับไปเลย
ดูลูกอยู่สักพักเราก็กลับมาที่ห้องพัก(ห้องรวม) ใจก็ภาวนาว่าอย่าให้อะไรก็แล้วแต่เอาลูกเราไป ขอให้ลูกเราหาย อธิษฐานต่างๆนาๆ จนแฟนเรามาหา หมอบอกแฟนเราตอน 11 โมงกว่า บอกว่าน้องเสียแล้ว เท่านั้นแหละเราใจสลาย ได้แต่ร้องให้ ลงไปดูร่างน้อง น้องหนัก 3,520 กรัม ตัวยาวแก้มยุ้ย น้องน่ารักมาก ผิวขาว หน้าตาสวย เหมืนนางฟ้าเลย ในใจได้แต่คิดปากก็เพ้อได้แต่ถามว่า ทำใมต้องทิ้งแม่ไปๆ ทำไมไม่อยู่กับแม่ไม่รักแม่หรือ ได้แต่ร้องให้แฟนเราก็ร้องกอดลูกกอดคอกันร้อง นั่งกอดนั่งหอมลูกเกือบ 2ชม. พยาบาลถามเราว่า ร่างน้องจะทำอย่างไร จะนำกลับไปทำพิธีเอง หรือ ฝากโรงพยาบาลทำ เราปรึกษากันสักพัก ก็เลยบอกฝากโรงบาล เพราะ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับโรงบาลถ้าเค้านำไปศึกษาต่อ
เรากลับขึ้นมาห้องพักฟื้น ในใจคิด ข้างเตียงมีแต่เด็กอ่อน ร้องบ้างหลับบ้าง นี้ลูกเราก็ไม่มีแล้วเราจะทำไง ยังต้องนอนอีกคืน ขอกลับบ้านเค้าก็ไม่ให้กลับ ทรมานมาก คิดถึงแต่ลูก เห็นเด็กแล้วใจจะขาด มาเจอหมอทำคลอดเอาตอนสายๆ(ของวันที่สามหลังคลอด) หมอบอกว่าเค้าเสียใจด้วย เค้าเป็นหมอ มาเป็น 10 ปี ไม่เคยเจอแบบเครสเรา เค้าบอกเค้าก็ไม่รู้ว่าทำใมน้องถึงไม่ยอมหายใจ
เราได้แต่ฟัง จึงบอกเค้าว่าขอออกจากโรงบาลเลยได้มั้ยเราไม่อยากอยู่แล้ว เด็กอ่อนเยอะเราทำใจไม่ได้ เค้าจึงเซ็นออกให้เรา เราเลยได้กลับบ้าน กลับมาก็ร้องให้ตลอด น้ำนมไหลเยอะมาก แต่ไม่มีลูกมาดูด นั่งบีบน้ำนมทิ้งไป ร้องให้ไป เศร้าสุดๆ เราอุ้มท้องมาเกือบ 10 เดือน แต่ไม่ได้เลี้ยงเลย ดีว่ามีสามีคอยให้กำลังใจกันตลอด แม่ก็คอยบอกให้เข้มแข็ง ดูแลร่างกายให้แข็งแรง แล้วค่อยมีใหม่ รอให้เค้ามาเกิดใหม่ เราก็ทำใจ และรอเค้ากลับมาใหม่ ของที่ซื้อไว้เราก็เอาไปบริจาค ทำสังฆทานให้เค้า และก็ไปบวชให้เค้าอีก 7 วัน (มารู้ตอนหลัง น้องหนัก 3,520 กรัม)
น้องอยู่ในท้องเรา จนวันสุดท้ายของวีคที่ 42 ค่ะ
##สุดท้ายมาทราบที่หลังจากหมอสาธารณะสุขของจังหวัด เค้าบอกน้องเสียเพราะสายรกเสื่อม ทำให้สายฉีกขาดขณะคลอด อ๊อกซิเจ่นไปเลี้ยงน้องไม่พอ ทำให้น้องเสียชีวิต
##เราอุ้มท้องมาเกือบ 10 เดือน แต่น้องต้องมาตายเพราะมาตราฐานของโรงพยาบาล ที่บอกอยู่ได้ถึง 42 สัปดาห์
##เราก็ยังเห็นเค้าใช้มาตราฐานเดิมอยู่ คือ เลยได้จนถึง 42 สัปดาห์ ลูกข้างบ้านเค้าก็สำลักน้ำคร่ำและขี้เทา ต้องอยู่โรงพยาบาลเป็นเดือนๆ และใครๆอีกหลายๆ คนล่ะ ที่เค้าไม่ค่อยมีเงินเลยต้องฝากแบบธรรมดากันน่ะ
**1.เราอยากรู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ผิดพลาดจากเราหรือโรงพยาบาล
**2.และถ้าผิดพลาดจากทางโรงพยาบาลเราสามารถเรียกร้องความรับผิดชอบจากทางโรงพยาบาลได้มั้ย และต้องทำอย่างไรบ้างคะ
หลังจากคุณแม่ตั้งกระทู้เพื่อขอความเห็นจากผู้คนบนโลกโซเชี่ยลก็มีคนมาให้กำลังใจคุณแม่มากมาย การสูญเสียครั้งนี้เป็นเรื่องใหญ่มากและดิเอเชี่ยนพาเร้นท์ขอแสดงความเสียใจและขอเป็นกำลังใจให้คุณแม่ด้วยค่ะ
ที่มา: pantip
บทความที่น่าสนใจ
นานาประสบการณ์การคลอดลูกจากแฟน ๆ theAsianparent
6 อาการที่เกิดขึ้นในช่วงตั้งครรภ์
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!