นมพาสเจอไรซ์ ดีอย่างไร? ควรให้เด็กกินไหม อย่างที่รู้กันดีว่าทุกวันนี้ เต็มไปด้วยอาหารชนิดต่าง ๆ มากมายที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้อาจจะดีสำหรับเด็กบางคน และอาจจะไม่ได้ดีสำหรับเด็กบางคนก็ได้ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ก่อนที่จะให้ลูกกินหรือลองอะไร เราก็ควรที่จะศึกษารายละเอียดต่าง ๆ อย่างให้รอบคอบก่อน เพื่อความปลอดภัยของลูกเรานั่นเอง และถ้าคุณพ่อคุณแม่คนไหนที่กำลังสงสัยว่านมพาสเจอไรซ์คือนมอะไร แล้วลูกเราสามารถดื่มได้ไหมนั้น วันนี้แอดเลยถือโอกาสพาคุณพ่อคุณแม่มาทำความรู้จักกับ นมพาสเจอไรซ์ ไปพร้อม ๆ กัน ส่วนจะเป็นอย่างไรกันบ้างนั้น มาดูกันเลยดีกว่า
“นมพาสเจอไรซ์” คืออะไร
“นมพาสเจอไรซ์” เรียกได้ว่าเป็นนมอีกหนึ่งชนิดที่คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจกันเป็นอย่างมาก ไม่แพ้นมชนิดอื่น ๆ ซึ่งเป็นนมที่ผ่านขั้นตอนการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และผ่านการทำลายเชื้อจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรคในคนมาแล้ว จึงทำให้น้ำนมชนิดนี้มีความปลอดภัยต่อการบริโภคและช่วยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่อาจส่งผลทำให้น้ำนมเสื่อมนั่นเอง
ขั้นตอนการพาสเจอไรซ์
การพาสเจอไรซ์ เป็นอีกหนึ่งวิธีของการทำผลิตภัณฑ์นมที่ผ่านความร้อน โดยความร้อนเหล่านี้จะทำการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดโรค อีกทั้งยังทำลายเอนไซม์ต่าง ๆ ได้ด้วย ซึ่งความร้อนที่ใช้ในการฆ่าเชื้อนั้นจะใช้อุณหภูมิประมาณ 63 – 100 องศาเซลเซียส โดยความร้อนที่ใช้ในการฆ่าเชื้อนั้นจะใช้อุณหูมิคงที่และใช้เวลาประมาณ 30 นาที จากนั้นเมื่อทำการฆ่าเชื้อเสร็จแล้วก็จะทำการเปลี่ยนอุณหภูมิและปรับลงให้เหลือประมาณ 5 องศาเซลเซียส เพื่อยังยั้งการงอกของสปอร์และไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคนั่นเอง ซึ่งวิธีการพาสเจอไรซ์จะแบ่งออกเป็น 2 วิธี ดังนี้
- ใช้ความร้อนต่ำ – เวลานาน (LTLT : Low Temperature – Long Time)
ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นวิธีการทำพาสเจอไรซ์ที่ใช้เวลาในการทำนานประมาณหนึ่ง โดยวิธีนี้จะใช้ความร้อนในการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์และทำลายเอนไซม์ชนิดต่าง ๆ อยู่ที่อุณหภูมิ 62.8 – 65.6 องศาเซลเซียส และใช้เวลาประมาณ 30 นาทีนั่นเอง จากนั้นเราก็จะทำการเก็บผลิตภัณฑ์นม โดยจะเก็บไว้ในอุณหภูมิที่เย็นไม่ต่ำกว่า 7.2 องศาเซลเซียส เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้นมมีกลิ่นหืน รวมถึงยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ได้อีกด้วย
- ใช้ความร้อนสูง – เวลาสั้น (HTST : High Temperature – Short Time)
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจและใช้เวลาในการทำไม่นานมาก โดยวิธีนี้จะใช้ความร้อนมากกว่าวิธีแรก ซึ่งความร้อนที่ใช้ในการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์และทำลายเอนไซม์นั้น จะใช้อุณหภูมิประมาณ 71.1 องศาเซลเซียส ในระยะเวลาเพียง 15 วินาทีเท่านั้น และเมื่อเราทำการฆ่าเชื้อเสร็จแล้ว เราก็สามารถนำผลิตภัณฑ์นมมาบรรจุใส่ขวดหรือภาชนะ แล้วนำไปแช่ที่อุณหภูมิที่ 7.2 องศาเซลเซียสได้เลย
ผลิตภัณฑ์นมที่นำมาทำพาสเจอไรซ์
ส่วนใหญ่นมที่นำมาทำการพาสเจอไรซ์จะเป็นนมที่รีดมาจากสัตว์โดยตรง อาทิเช่น นมวัว เป็นต้น เพราะนอกจากความอร่อยแล้ว ยังเป็นนมอีกหนึ่งชนิดที่มากด้วยสารอาหารสำคัญและไขมันต่าง ๆ ที่ส่งผลดีต่อร่างกาย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนส่วนใหญ่จะนำนมวัวมาทำเป็นนมพาสเจอไรซ์ และสำหรับใครที่ลูกโตขึ้นมาหน่อย และอยากให้ลูกได้กินนมที่ดีและมีประโยชน์ นมวัวก็เรียกได้ว่าเป็นนมที่ดีและมีประโยชน์ต่อร่างกายได้เช่นกัน
สารอาหารสำคัญที่ได้จากนม
- ฟอสฟอรัส 84 มิลลิกรัม
- โพแทสเซี่ยม 132 มิลลิกรัม
- โซเดี่ยม 43 มิลลิกรัม
- ธาตุสังกะสี 0.37 มิลลิกรัม
- แคลเซี่ยม 113 มิลลิกรัม
- แมกนีเซี่ยม 10 มิลลิกรัม
- ธาตุเหล็ก 0.03 มิลลิกรัม
ไขมัน
- ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน 0.195 g
- คอเลสเตอรอล 10 มิลลิกรัม
- ไขมันอิ่มตัว 1.865 g
- ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว 0.812 g
วิตามิน
- โฟเลต 5 ไมโครกรัม
- วิตามิน B12 0.45 ไมโครกรัม
- วิตามิน A 162 IU
- วิตามินดี 51 IU
- วิตามิน K 0.3 ไมโครกรัม
- แคลเซี่ยม 113 มิลลิกรัม
- วิตามิน B2 (Riboflavin) 0.169 มิลลิกรัม
- วิตามิน B3 (Niacin) 0.089 มิลลิกรัม
- วิตามิน B6 0.036 มิลลิกรัม
- วิตามิน B1 (Thiamine) 0.046 มิลลิกรัม
นมพาสเจอไรซ์กินแล้วดีอย่างไร?
หลายคนอาจจะสงสัยว่าการที่เรานำผลิตภัณฑ์นมมาทำกระบวนการต่าง ๆ ผ่านความร้อน แล้วออกมาเป็นนมพาสเจอไรซ์นั้น มันจะมีประโยชน์หรือเมื่อเราให้ลูกกินดื่มเข้าไปแล้วจะเป็นอันตรายต่อลูกเราหรือเปล่า บอกเลยว่าเราสามารถให้ลูกดื่มได้ เพราะนอกจากรสชาติที่อร่อยแล้ว นมพาสเจอไรซ์ยังอุดมไปสารอาหารและคุณค่าทางโภชนาการต่าง ๆ ไม่แพ้นมชนิดอื่น ๆ อีกด้วย ซึ่งถ้าคุณพ่อคุณแม่คนไหนที่อยากจะให้ลูกลองดื่มนมพาสเจอไรซ์ก็อาจจะให้ลูกดื่มตั้งแต่อายุ 1 ขวบขึ้นไปนั่นเอง
เมนูง่ายๆ ที่ทำจากนม
สำหรับใครที่อยู่บ้านว่าง ๆ แล้วอยากลองทำเมนูที่เกี่ยวกับนมให้ลูกกินบ้าง บอกเลยว่าเมนูต่าง ๆ เหล่านี้ทำง่าย และตอบโจทย์ลูก ๆ เราได้อย่างแน่นอน
1. ไอศครีมนมสด
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเมนูที่ใครเห็นแล้วเป็นต้องชอบ เพราะด้วยรสชาติที่อร่อย หวาน กลมกล่อม จึงทำให้ใครหลาย ๆ คนติดใจและหลงใหลในรสชาติ ดังนั้น สำหรับคุณพ่อคุณแม่คนไหนที่ยังไม่รู้ว่าจะทำเมนูไหนให้ลูกกินนั้นเราก็อาจจะลองทำไอติมนมสดให้ลูกกินได้ เพราะเป็นเมนูที่ทำงานง่าย และใช้เวลาไม่นานมาก นอกจากลูกของเราจะได้กินของที่อร่อยแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งเมนูที่เป็นประโยชน์ต่อลูกเราได้อีกด้วย
2. เต้าฮวยนมสด
เป็นเมนูยอดฮิตสำหรับใครหลาย ๆ คนเป็นอย่างที่ เพราะถ้าเอ่ยถึงชื่อนี้ละก็ไม่มีใครที่ไม่รู้จัก เพราะด้วยรสชาติของเต้าฮวยนมสดที่อร่อยเป็นเกลักษณ์ จึงทำให้คนส่วนใหญ่นิยมกินกันเป็นอย่างมาก และเป็นอีกหนึ่งเมนูที่ทำตามกันได้ง่าย ประกอบกับวัตถุต่าง ๆ ที่นำมาทำนั้นก็ซื้อได้ไม่ยาก สำหรับคุณพ่อคุณแม่คนไหนที่อยากจะทำให้ลูกกินบ้าง บอกเลยว่าเมนูนี้เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ตอบโจทย์เด็กๆ ได้อย่างแน่นอน
3. นมสดทอด
บางคนอาจจะยังเคยคุ้นชื่อมาบ้าง แต่อาจจะไม่รู้ว่าเมนูนี้ทำมาจากอะไร หรือมีรสชาติยังไง บอกเลยว่า เมนูนมสดทอดนี้ เป็นเมนูใหม่ที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก โดยจุดเด่นของเมนูนี้จะอยู่ที่ความกรอบของแป้งที่เรานำไปทอดประกอบกับนมสดที่สอดไส้เข้าไป เรียกได้ว่าเป็นเมนูที่อร่อยและน่าลิ้มลองกันแบบสุด ดังนั้นสำหรับใครที่อยากจะลองทำขนมให้ลูกกินบ้าง ก็สามารถนำเมนูนี้ไปทำตามกันได้เลย
4. วุ้นนมสดมะพร้าวอ่อน
เป็นเมนูที่กินง่ายและมากด้วยความอร่อยไม่แพ้เมนูอื่น ๆ เพราะด้วยความที่เป็นนมสดมาผสมเข้าด้วยกันกับเนื้อมะพร้าว จึงทำให้คนส่วนใหญ่ติดใจและอยากจะกินอยู่บ่อย ๆ ซึ่งเมนูนี้สามารถกินได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ สำหรับคุณพ่อคุณแม่คนไหนที่กลัวลูกจะเบื่อของคาว และอยากลองทำของหวานให้ลูกกินบ้าง การทำวุ้นมะพร้าวนมสดก็เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเมนูที่จะทำให้ลูกของเราติดใจในรสชาติและอาจจะเป็นเมนูโปรดสำหรับเขาเลยทีเดียว
ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่คนไหนที่กำลังลังเลในเรื่องอาหารการกินของลูก เราจึงควรที่จะต้องศึกษาสิ่งต่าง ๆ อย่างละเอียดก่อนที่จะให้เขาได้ลองอะไรใหม่ ๆ โดยเฉพาะใครที่กำลังสงสัยว่าเราให้ลูกกินนมพาสเจอไรซ์ได้ไหม บอกเลยว่า นมพาสเจอไรซ์นั้น เด็กสามารถกินได้ แต่อาจจะต้องให้ลูกอายุ 1 ขวบขึ้นไปก่อน และอย่างที่รู้กันดีว่าเด็กแต่ละมีภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกัน ถ้าเรามีความกังวลใจก็อาจจะลองปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะให้ลูกดื่มได้เช่นกัน
บทความที่น่าสนใจ : นมจากพืช ดีอย่างไร? เด็กสามารถเริ่มทานได้ตั้งแต่กี่ขวบ?
นม หรือ น้ำนม ประโยชน์ของนมมีอะไรบ้าง นมแพะมีประโยชน์อย่างไร