เรียกได้ว่าเป็นที่พูดถึงเป็นอย่างมากในแพลตฟอร์ม Dcard เมื่อหญิงชาวจีนรายหนึ่งออกมาโพสต์ระบายความในใจ เมื่อเธอไปกินชาบูอยู่ดี ๆ ก็โดนแม่โต๊ะข้าง ๆ หันมาด่าว่าทำไมไม่ช่วยดูลูก ทั้งที่ในความเป็นจริง แม่ปล่อยลูกเล่นซนจนน้ำร้อนลวก เพราะต้องพาลูกอีกคนไปเข้าห้องน้ำ
หญิงสาวได้เล่าเหตุการณ์ในวันนั้นว่า ตนได้เดินทางไปร้านหม้อไฟ-ชาบู ก่อนที่จะมีแม่-ลูก มาขอร่วมโต๊ะ โดยประกอบด้วย แม่ และลูกอีก 2 คน ในระหว่างที่ตนกำลังรับประทานอาหาร แม่ก็ได้พาลูกสาวคนเล็กไปเข้าห้องน้ำ โดยทิ้งลูกคนโตไว้ที่โต๊ะกับเธอ ซึ่งลูกคนโตนั้นค่อนข้างซนมาก และขยับหม้อจากแผ่นฉนวนที่วางบนโต๊ะอยู่ตลอดเวลา สุดท้ายก็เกิดเหตุไม่คาดฝัน จนทำให้หม้อคว่ำ ซุปร้อน ๆ ทั้งหม้อหกราด และกระเด็นใส่ตัวเด็ก ทำให้เด็กคนดังกล่าวร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด พนักงานจึงรีบเข้ามาดูทันที แต่ก็เข้าใจผิดคิดว่าเจ้าของโพสต์เป็นแม่เด็ก เธอจึงปฏิเสธทันทีว่าไม่ได้รู้จักเด็กคนนี้เลย ฝ่ายผู้เป็นแม่ที่กลับเข้ามาที่ร้านและเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ก็ด่ากราดพนักงานทันที รวมทั้งหันมาตำหนิหญิงเจ้าของโพสต์อีกด้วยว่า ทำไมไม่ช่วยดูลูกระหว่างที่เธอไม่อยู่ แถมยังจวกต่อว่า เห็นลูกเธอโดนน้ำร้อนลวก ไม่คิดจะช่วยอะไรหน่อยหรอ หญิงสาวเจ้าของโพสต์จึงตอบกลับไปว่า “นี่ลูกคุณ คุณก็ต้องดูเอง” จึงเป็นเหตุให้ทั้ง 2 ปะทะคารมกัน ก่อนที่เจ้าของโพสต์จะตัดสินใจจ่ายเงินและเดินออจากร้านไป
ซึ่งจากโพสต์นี้ได้ถูกเผยแพร่ไปก็ได้มีชาวเน็ตชาวจีนออกมาถกเถียงกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งเสียงก็แตกออกเป็นสองฝ่าย
โดยชาวเน็ตที่เห็นใจเจ้าของโพสต์คอมเมนต์ว่า “ช่วยไม่ได้นะ ก็ไม่ได้รู้จักกัน จะให้ช่วยดูได้ยังไง”
บางส่วนเสริมว่า “ใครจะรู้ ถ้าช่วยดูลูกเธอ เธออาจจะมองในแง่ร้ายว่าจะลักพาตัวลูกเธอก็ได้”
บางรายก็บอกว่า “แม้จะไม่ชอบความคิดของแม่ แต่ถ้าเจอแบบนั้น ฉันก็คงจะเตือนเด็กไม่ให้เล่นซน”
ท้ายที่สุดแล้ว เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น หากคุณเป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์แบบนี้ จะทำอย่างไร และในฐานะผู้ปกครอง คุณมีวิธีใดบ้างในการดูแลบุตรหลานให้ปลอดภัยในที่สาธารณะ
ขอขอบคุณที่มา : ctwant.com, khaosod.co.th, kapook.com
ความรับผิดชอบในฐานะผู้ปกครอง ที่ แม่ปล่อยลูกเล่นซนจนน้ำร้อนลวก
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของความรับผิดชอบของผู้ปกครองเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่เด็กเล็กอาจได้รับอันตรายจากสิ่งรอบตัว การที่เด็กเล็กซนจนเกิดเหตุการณ์น้ำร้อนลวกนั้น ผู้ปกครองควรตระหนักถึงความรับผิดชอบในหลายประเด็นดังนี้ค่ะ
- การดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด: ผู้ปกครองมีหน้าที่ในการดูแลบุตรหลานให้ปลอดภัย โดยเฉพาะในสถานที่ที่มีความเสี่ยง เช่น ร้านอาหารที่มีของร้อน
- การสอนให้เด็กตระหนักถึงอันตราย: การสอนให้เด็กเล็กเข้าใจถึงอันตรายของน้ำร้อนและไฟ สามารถช่วยป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย
- การควบคุมพฤติกรรมของเด็ก: เมื่ออยู่ในที่สาธารณะ ผู้ปกครองควรคอยสังเกตพฤติกรรมของเด็ก และคอยเตือนหากเด็กมีท่าทีที่จะทำอันตรายต่อตนเองหรือผู้อื่น
- การขอโทษและรับผิดชอบ: ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ผู้ปกครองควรแสดงความรับผิดชอบด้วยการขอโทษผู้ที่เกี่ยวข้อง และดูแลรักษาบาดแผลของบุตรหลานให้หายเป็นปกติ
เหตุการณ์นี้เป็นบทเรียนสำคัญสำหรับผู้ปกครองทุกคน การเลี้ยงลูกให้เติบโตมาอย่างปลอดภัยนั้นต้องอาศัยความใส่ใจและความรับผิดชอบจากผู้ปกครองเป็นหลัก นอกจากนี้ สังคมโดยรอบก็มีส่วนช่วยในการดูแลเด็กได้เช่นกัน เช่น การมีป้ายเตือนอันตรายในร้านอาหาร หรือการที่ผู้ใหญ่คนอื่น ๆ ในร้านคอยสังเกตพฤติกรรมของเด็กก็สามารถช่วยป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้เช่นกัน
หากลูกโดนน้ำร้อนลวก ควรทำยังไง
หากลูกน้อยโดนน้ำร้อนลวก ควรทำตามขั้นตอนเหล่านี้โดยด่วน:
ระงับความร้อน: ขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุดคือการระงับความร้อนที่ทำอันตรายต่อผิวหนังของลูกน้อยทันที ให้รีบล้างบริเวณที่โดนน้ำร้อนลวกด้วยน้ำเย็นสะอาดนานอย่างน้อย 15-20 นาที หรือจนกว่าอาการปวดจะทุเลาลง ห้ามใช้ น้ำแข็ง น้ำปลา ยาสีฟัน หรือวัตถุอื่น ๆ มาประคบ เพราะอาจทำให้ผิวหนังเสียหายมากขึ้นได้
ถอดเสื้อผ้า: ถอดเสื้อผ้าที่ติดอยู่บริเวณที่โดนลวกออกอย่างระมัดระวัง หากเสื้อผ้าติดแน่นให้ตัดออกโดยรอบแทนการดึงออก
ตรวจสอบความรุนแรง: สังเกตอาการบาดเจ็บ หากมีแผลพุพองขนาดใหญ่ หรือมีอาการอื่น ๆ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียน หรือมีไข้สูง ควรรีบพาลูกน้อยไปพบแพทย์ทันที
ห้ามทายาหรือเจาะแผลพุพอง: อย่าทายาหรือเจาะแผลพุพองเอง เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้
ห่อแผลเบา ๆ: ห่อแผลด้วยผ้าสะอาด ป้องกันการเสียดสีและการติดเชื้อ
พาไปพบแพทย์: แม้ว่าอาการจะดูไม่รุนแรงมาก ควรพาลูกน้อยไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจและรักษาอย่างถูกต้อง แพทย์จะทำการประเมินความรุนแรงของแผล และให้การรักษาที่เหมาะสม
สิ่งที่ควรระวัง:
- อย่าตกใจ: การรักษาสติจะช่วยให้คุณสามารถช่วยเหลือลูกน้อยได้อย่างถูกต้อง
- อย่าปล่อยลูกน้อยไว้ตามลำพัง: ควรมีผู้ใหญ่คอยดูแลลูกน้อยอย่างใกล้ชิด
- อย่าใช้ยาสมุนไพร: ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาสมุนไพรใด ๆ
พาลูกไปที่สาธารณะควรเตรียมตัวยังไงดี
การพาลูกน้อยไปเที่ยวที่สาธารณะนั้นเป็นช่วงเวลาดี ๆ ที่ได้ใช้เวลาร่วมกัน แต่ก็ต้องมีการเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย
สิ่งที่ควรเตรียมก่อนพาลูกน้อยออกไปข้างนอก:
- เสื้อผ้า: เตรียมเสื้อผ้าให้เพียงพอสำหรับการเปลี่ยนหลาย ๆ ชุด โดยเฉพาะหากลูกน้อยอายุยังน้อย อาจมีโอกาสเปื้อนหรือเลอะเทอะได้ง่าย
- ผ้าอ้อม: เตรียมผ้าอ้อมให้เพียงพอกับระยะเวลาที่ออกไปข้างนอก และอย่าลืมทิชชู่เปียกสำหรับทำความสะอาด
- อาหารและเครื่องดื่ม: เตรียมนม อาหารว่าง หรือน้ำดื่มสำหรับลูกน้อยให้เพียงพอ โดยเฉพาะหากลูกน้อยยังกินนมแม่ ควรเตรียมอุปกรณ์ปั๊มนมและเก็บรักษานมไว้ในภาชนะที่สะอาด
- ยาและเวชภัณฑ์: เตรียมยาประจำตัวของลูกน้อย และเวชภัณฑ์เบื้องต้น เช่น พาราเซตามอล ยาแก้แพ้ ป้ายกันยุง
- ของเล่น: เตรียมของเล่นชิ้นโปรดของลูกน้อยไปด้วย เพื่อให้ลูกน้อยได้เล่นระหว่างเดินทาง
- รถเข็นเด็ก: หากลูกน้อยยังเล็ก รถเข็นเด็กจะช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางและปกป้องลูกน้อยจากอันตราย
- กระเป๋าเป้สะพายหลัง: ใช้สำหรับใส่ของใช้ต่าง ๆ ของลูกน้อย เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่สะดวกในการเคลื่อนไหว
- โทรศัพท์มือถือ: เพื่อติดต่อสื่อสารในกรณีฉุกเฉิน
- เงินสด: เตรียมเงินสดติดตัวไปด้วย เพื่อใช้จ่ายในกรณีที่จำเป็น
สิ่งที่ควรระวัง:
- สภาพอากาศ: ตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทาง เพื่อเตรียมเสื้อผ้าให้เหมาะสมกับอุณหภูมิ
- ความปลอดภัย: คอยดูแลลูกน้อยอย่างใกล้ชิด ไม่ปล่อยให้ลูกน้อยวิ่งเล่นเพียงลำพัง
- สุขอนามัย: สอนให้ลูกน้อยล้างมือบ่อย ๆ หลังจากสัมผัสสิ่งของต่าง ๆ
- การเดินทาง: หากเดินทางด้วยรถยนต์ ควรใช้ที่นั่งสำหรับเด็กเล็ก เพื่อความปลอดภัย
การเตรียมตัวที่ดีจะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่และลูกน้อยมีความสุขกับการเดินทางไปยังที่สาธารณะได้อย่างแน่นอน
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
น้ำร้อนลวกลูก วัย 11 เดือน วิธีปฐมพยาบาล น้ําร้อนลวก โดนของร้อน ปฐมพยาบาล อย่างไร
น้ำร้อนลวก ไฟไหม้อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นได้ง่ายสำหรับเด็กๆ ภายในบ้าน คุณแม่ควรระวัง
เตรียมอุปกรณ์ก่อนพาลูกออกนอกบ้าน ขั้นตอนง่าย ๆ ที่แม่ลูกอ่อนต้องรู้ !
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!