ย้อนกลับไปเมื่อปลายปีที่ 2563 ที่ผ่านมา มีข่าวสะเทือนขวัญที่ทำให้หลาย ๆ คนต้องถึงกับหลั่งน้ำตากันออกมา เมื่อมีหญิงสาวญี่ปุ่นวัย 25 ปี ได้ถูกจับกุมข้อหา “ทอดทิ้ง และละเลย ทายาทโดยสายเลือด จนถึงขั้นเสียชีวิต” โดยการ ทิ้งลูกวัย 3 ขวบ ให้อดตายคาห้องพัก
แม่… ทิ้งลูกวัย 3 ขวบ ให้อดตายคาห้องพัก กลายเป็นเรื่องราวไวรัลที่ถูกตีแผ่โดย สำนักพิมพ์ใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น ที่กล่าวถึงเรื่องราวปัญหาเกี่ยวกับสถาบันครอบครัว ที่จำเป็นจะต้องได้รับการสนใจ ใส่ใจ และดูแลให้มากยิ่งขึ้น
ซากิ ผู้ละทิ้งลูกน้อย
โดยเรื่องราวเกิดขึ้นจากหญิงสาววัยเพียง 25 ปี ที่ชื่อ ซากิ คาเคฮาชิ (Saki Kakehashi) ถูกตั้งข้อหา ทอดทิ้งละเลยบุตรโดยสายเลือด จนถึงแก่ชีวิต ด้วยวัยเพียง 3 ขวบ
ซากิ อาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์ขนาดพื้นที่ 6 เสื่อ (ทางประเทศญี่ปุ่นจะวัดพื้นที่ห้องด้วยขนาดของเสื่อทาทามิ โดยมีขนาดมาตรฐานที่ 91 x 182 เซนติเมตรต่อผืน) ในเขตโอตะคุ จังหวัดโตเกียว กับลูกน้อยวัย 3 ขวบที่ชื่อ โนอา หรือตัวคุณซากิเอง มักจะเรียกชื่อเล่นว่าน้อง “นนทัน” ซึ่งเป็นลูกที่เกิดจากสามีที่เพิ่งหย่ากันไปได้เพียงไม่นาน
เธอประกอบอาชีพเป็นพนักงานเสริฟในร้าน อิซากายะ (Izakaya) หรือร้านกินดื่ม สไตล์ญี่ปุ่น โดยเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ซากิ ได้ให้ลูกน้อย นนทันของเธอออกจากโรงเรียนเนอสเซอรี่ ด้วยเหตุผลว่าเธอไม่มีเวลาเพียงพอที่จะไปรับ-ส่ง และให้นนทัน อาศัยอยู่ในห้องเพียงลำพัง ในขณะที่เธอออกไปทำงานที่ร้านอิซากายะ ตามปกติทุก ๆ วัน
และเพื่อนร่วมงานของเธอไม่มีใครรู้เรื่องราวเกี่ยวนนทันลูกน้อยของซากิ เลยแม้ซักคน และคิดว่า ซากินั้นเป็นคนโสด ยกเว้นนายจ้างของเธอ แต่เธอก็มักจะอ้างว่า มีคนที่คอยดูแลให้อยู่เสมอ และด้วยความสดใส ร่าเริง มีเสน่ห์ จึงทำให้ซากิ กลายเป็นที่รักของเพื่อน ๆ และมักจะชวนกันไปดื่มกิน เล่นปาจิงโกะหลังเลิกงานอยู่เสมอ จนไม่มีใครสังเกตุเลยว่า ที่แท้ซากิ นั้นเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่ยังมีลูกน้อยน่ารักรอคอยอยู่ที่บ้านเพียงลำพัง
เมื่อนนทัน อายุ 1 ขวบครึ่ง เธอได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ กับแม่ของเธอ ที่มา : asahi.com
จุดเริ่มของเหตุการณ์สลด
จนกระทั่งวันที่เกิดเหตุ ซากิ ได้ตัดสินใจไปเที่ยวต่างจังหวัดกับแฟนหนุ่ม ในช่วงวันที่ 5 – 13 มิถุนายน เป็นเวลาเกือบ 9 วัน ที่ซากิ ได้ละทิ้งลูกของเธอวัย 3 ขวบไว้เพียงลำพังในห้องพัก และทำการกั้นประตูห้องนั่งเล่นด้วยโซฟา พร้อมทั้งปิดล็อคหน้าต่างที่ระเบียงเพื่อไม่ให้ นนทัน หนีออกไปด้านนอกได้ และเธอได้วางชา และขนม พร้อมกับเปิดไฟเล็ก ๆ ไว้ให้ แล้วจึงจากไป
แล้วเมื่อกลับมาถึงห้อง ซากิก็ได้พบว่า ลูกน้อยของเธอ ได้จากโลกนี้ไปอย่างสงบ เพียงลำพังในห้องพัก และปราศจากการรับรู้การมีอยู่ของเธอบนโลกใบนี้
เหลือเพียงความทรงจำจากรูปถ่าย ที่อย่างน้อยนนทันได้มีช่วงเวลาที่สามารถยิ้มร่วมกันกับแม่ของเธอได้ ที่มา : asahi.com
ผลชันสูตรพลิกศพ
เจ้าหน้าที่ทำการทดสอบถึงการได้ยินเสียงจากภายในห้อง ว่าเพราะเหตุใด ทำไมไม่มีใครได้ยินเสียงร้องไห้ หรือเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากเด็กเลย และพบว่าห้องของซากิเมื่อทำการปิดล็อคประตูทุกด้านแล้ว จะทำให้แทบจะไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมาจนทำให้เพื่อนบ้าน ไม่สามารถรับรู้ความเป็นอยู่ของ นนทัน ได้เลย อีกทั้งจากการสอบถามเพื่อนบ้านที่อาศัยอยู่ในตึกเดียวกัน ต่างก็ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่เคยรับรู้เลยว่า ริกะ มีลูกน้อยอีกคน เนื่องจากพวกเขาไม่เคยได้พบเห็นเธอเลยซักครั้งเดียว
แพทย์ ได้เปิดเผยผลชันสูตรพลิกศพของ นนทันว่า เป็นการเสียชีวิตจากการขาดอาหาร และเกิดภาวะการขาดน้ำอย่างรุนแรง ส่งผลให้ถึงแก่ชีวิต อีกทั้งสภาพช่วงล่างของร่างกาย ยังมีการติดเชื้อ และแผลผื่นที่เกิดขึ้นจากการหมักหมมของผ้าอ้อมที่สกปรกเป็นเวลานาน
ซากิกล่าวว่า “ฉันรู้สึกเหนื่อยกับการเลี้ยงลูก และอยากที่จะพักผ่อนบ้าง และฉันก็ไม่คิดว่าลูกฉันจะตาย” ที่มา : asahi.com
ทำการจับกุม ซากิ
ซากิได้ถูกจับกุมด้วยข้อหาทอดทิ้ง และละเลยบุตรในสายเลือด จนถึงแก่ชีวิต โดยเธอได้กล่าวว่า “เธอรู้สึกเหนื่อยกับการเลี้ยงลูก และอยากที่จะพักผ่อนบ้าง และฉันก็ไม่คิดว่าลูกฉันจะตาย”
นั่นเป็นเพราะ ซากิ ได้ปล่อยให้ นนทัน อยู่เพียงลำพังอยู่บ่อยครั้ง และได้ทำการขัง และให้อาหารด้วยวิธีเดิม ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยมักจะพูดอยู่เสมอว่า “ครั้งที่แล้วไม่เป็นไร คราวนี้ก็จะไม่เป็นไรเช่นกัน” เพียงแต่ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อน ๆ ที่ผ่านมา เพราะร่างกายของ นนทัน ลูกน้อยของเธอนั้น ไม่สามารถทนต่อความอดอยาก ที่เผชิญอยู่ต่อไปได้อีก จึงเป็นเหตุให้เกิดการสูญเสียที่น่าสลดหดหู่ใจยิ่งนัก
เสียงสะท้อนจากเหตุสลด
จากเหตุการณ์นี้ ทำให้หลาย ๆ ฝ่ายต้องกลับมามองย้อนถึงปัญหาที่เกิดจากสถาบันครอบครัวภายในประเทศ เนื่องจากเมื่อมีการมองย้อนไปถึง เบื้องหลังชีวิตของซากิในวัยประถม เธอได้ถูกทำร้ายร่างกาย และทอดทิ้งเธอ จากผู้เป็นแม่และพ่อเลี้ยง ของเธอเอง จนทำให้เธอต้องไปใช้ชีวิตอยู่ใน ศูนย์ดูแลเด็ก ของจังหวัดมิยาซากิ จนกระทั่งอายุ 18 ปี และเธอก็ทำแบบเดียวกัน กับลูกของเธอ เราจึงสามารถกล่าวได้ว่า “มันคือห่วงโซ่ ของความโหดร้าย จากสถาบันครอบครัวที่ไม่พร้อม” นั่นเอง
อีกทั้งยังเป็นเสียงเรียกร้องให้ภาครัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หันมาสนใจ ใส่ใจมากยิ่งขึ้น เพราะการที่ นนทัน ไม่ได้ไปเรียนเนอสเซอรี่นั้น ทางสถาบัน หรือทางเขต จะต้องมีการติดตาม และตรวจสอบอยู่เสมอว่า เด็กย้ายไปเรียนต่อที่เนอสเซอรี่ไหน และได้รับการเลี้ยงดูอย่างไร เพราะข้อกฎหมายของทางประเทศญี่ปุ่นนั้น มีการกำหนดเอาไว้อย่างชัดเจนถึงสวัสดิภาพของเด็ก และเยาวชน
ความโดดเดี่ยว เป็นปัญหาใหญ่ในสังคมเมือง
จากเรื่องราวของ นนทัน สาวน้อยผู้โชคร้าย ทำให้หลายคนเริ่มเห็นถึงความสำคัญกับการผูกมิตร หรือการทำความรู้จักกับคนรอบข้างมากยิ่งขึ้น เพราะหากมีใครที่รู้ว่ามีนนทัน เด็กน้อยอยู่อาศัยภายในห้องพัก เพียงลำพัง ก็จะทำให้เกิดการช่วยกันดูแล และคอยสอดส่อง ช่วยเหลือ กันได้บ้าง
เพราะหลายคน อาศัยอยู่เพียงลำพังอย่างโดดเดี่ยว และไม่รู้จักใคร เมื่อเกิดเหตุอะไร จึงไม่มีการสังเกตุ และใส่ใจจากคนรอบข้าง เป็นเหตุให้มีผู้จะต้องจากไปภายในห้องพักอย่างโดดเดี่ยวเป็นจำนวนมาก และไม่มีใครรับรู้จากการจากไป จนหลายครั้งที่มักจะพบกับเคสที่ศพแห้งตาย จนเหลือเพียงซากกระดูกภายในห้องพัก เป็นที่น่าเศร้า และหดหู่เป็นอย่างมาก สำหรับผู้ที่ได้พบเห็น
ที่มา : sukusuku.tokyo , asahi.com
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
เด็กโดนทำร้ายร่างกาย สังเกตอย่างไร? ทำอย่างไรถึงจะรู้ว่าลูกโดนทำร้ายร่างกาย
เจอกันตรงกลาง ไม่ปล่อยปะละเลย กับพ่อแม่ยุคใหม่ที่หนีเทคโนโลยีไม่พ้น
แม่สมัยนี้ โดดเดี่ยวขึ้น แถมมีปัญหาการเลี้ยงลูกมากกว่าแม่ยุคก่อน
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!