แม้ว่าระบบภูมิคุ้มกันของเบบี๋ จะมีการพัฒนามาตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา แต่เมื่อเจ้าตัวเล็กลืมตาสู่โลกภายนอก ก็ยังต้องเผชิญกับสารพัดเชื้อโรค โดยเฉพาะ 6 โรคอันตรายในเด็ก ที่พร้อมทำร้ายลูกรักของเราทันทีที่ร่างกายอ่อนแอ การฉีดวัคซีน จึงเป็นสิ่งจำเป็นมาก เพราะจะช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรง พร้อมต่อสู้กับโรคร้ายต่าง ๆ ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ทำความรู้จัก 6 โรคอันตรายในเด็ก ที่ป้องกันได้ด้วย “วัคซีน”
1.โรคคอตีบ เป็นโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ โดยมีต้นเหตุจากเชื้อแบคทีเรีย สามารถติดต่อผ่านการไอ จาม สัมผัส ทำให้มีอาการติดเชื้อภายในคอ และจมูก อวัยวะภายในคอจะบวม หายใจติดขัด กล้ามเนื้ออักเสบ เมื่อเกิดการอุดกั้นของระบบทางเดินหายใจ หรือกล้ามเนื้อหัวใจถูกทำลาย จะทำให้เสียชีวิตได้
2.โรคบาดทะยัก เมื่อร่างกายเกิดบาดแผล และมีเชื้อแบคทีเรียแทรกซึมเข้าสู่ร่างกาย เจ้าเชื้อตัวร้ายจะปล่อยสารพิษออกมาทำลายระบบประสาท ทำให้มีอาการชักกระตุก ขากรรไกรแข็ง ปวดร้าวกล้ามเนื้อ สำหรับเด็กแรกเกิด มักพบอาการของโรคจาก แผลอักเสบของสะดือที่ไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี ส่งผลให้ติดเชื้อและเสียชีวิตได้
3.โรคไอกรน มีอาการไออย่างรุนแรงจนหยุดหายใจ เนื่องจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ทั้งยังแพร่กระจายง่ายมาก ผ่านการสัมผัส ไอ จาม โดยภาวะแทรกซ้อนของไอกรนที่มักพบในเด็กทารก คือ ปอดบวม ชัก จนทำให้เกิดความเสียหายต่อสมอง และเสียชีวิตในที่สุด
4.โรคตับอักเสบบี เป็นโรคที่สามารถถ่ายทอดจากแม่สู่ลูก หรือติดต่อผ่านเลือด และสารคัดหลั่ง โดยโรคนี้จะก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรงต่อตับ สามารถพัฒนาสู่โรคตับอักเสบเรื้อรัง ตับแข็ง ตับวาย และมะเร็งตับ เด็กเล็กที่ติดเชื้อตับอักเสบบี มักไม่แสดงอาการใด ๆ แม้จะยังมีเชื้ออยู่ในร่างกายไปตลอดชีวิต ทำให้กลายเป็นพาหะของโรคโดยไม่รู้ตัว
5.โรคโปลิโอ เป็นเชื้อไวรัสที่เข้าสู่ร่างกาย ผ่านการรับประทานอาหาร ดื่มน้ำที่ปนเปื้อน ทำให้ประสาทไขสันหลังส่วนที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อสูญเสียหน้าที่ ทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง แขนขาลีบเล็กลง และเป็นอัมพาต หากรุนแรงมาก อาจทำลายประสาทส่วนที่มีผลต่อการหายใจ ทำให้เสียชีวิตได้
6.โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อฮิบ เป็นโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ จาก เชื้อแบคทีเรียฮีโมฟิลลัส อินฟลูเอนซ่า ชนิดบี (Haemophilus influenzae type b : HIB) ติดต่อผ่านการสัมผัส ไอ จาม พบในเด็กเล็กอายุ 2 เดือน – 5 ปี เมื่อติดเชื้อจะทำให้เกิดโรคสมองอักเสบ ติดเชื้อในกระแสเลือด ปอดอักเสบ ข้ออักเสบ และหูชั้นกลางอักเสบได้
“แม้ว่าทั้ง 6 โรค จะมีผลร้ายแรงต่อชีวิตของลูกรัก แต่เราสามารถป้องกันได้ด้วย การฉีดวัคซีน นอกจากจะลดอัตราการเกิดโรค ความพิการ การสูญเสียจากการเสียชีวิตของเจ้าตัวเล็กแล้ว เรายังลดการระบาดของโรคเหล่านั้นไม่ให้แพร่ระบาดสู่ผู้อื่นได้อีกด้วย โดยคุณหมอจะฉีดวัคซีนที่ผลิตขึ้นจากไวรัสหรือแบคทีเรียที่ถูกทำให้อ่อนแรงเข้าสู่ร่างกาย เพื่อกระตุ้นให้ภูมิคุ้มกันเรียนรู้และจดจำว่า สิ่งที่ร่างกายตรวจพบนี้คือ ‘ตัวอันตราย’ เมื่อเด็ก ๆ เผลอไปสัมผัสกับเชื้อโรคเหล่านั้นในภายหลัง ระบบภูมิคุ้มกันก็จะสามารถปราบเจ้าเชื้อร้ายได้ทันท่วงที”
ปกป้องลูกรักจากโรคร้าย ด้วย วัคซีนรวม 6 โรค
เมื่อการฉีดวัคซีน คือ การเสริมเกราะให้กับระบบภูมิคุ้มกันในช่วงวัยที่ลูกรักอ่อนแอและมีความเสี่ยงที่สุด พ่อแม่จึงควรพาลูกรักไปรับวัคซีนให้ครบตามคำแนะนำของ สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย แต่การต้องฉีดวัคซีนบ่อย ๆ จนลูกน้อยต้องเจ็บตัวซ้ำ ๆ คงเป็นภาพที่สร้างความเจ็บปวดให้พ่อแม่อย่างเราไม่น้อย และหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ คือการรับ วัคซีนรวม 6 โรค ใน 1 เข็ม ซึ่งมีผลดีต่อเจ้าตัวเล็ก ดังนี้
- ช่วยให้ลูกรักเจ็บตัวน้อยครั้ง จากเดิมที่ต้องรับวัคซีน 5-9 ครั้ง (ในขวบปีแรก) เหลือเพียง 3 ครั้ง และไม่ต้องหวาดกลัวการถูกฉีดยาบ่อย ๆ
- มีความปลอดภัยสูง เพราะวัคซีนอยู่ในรูปของเหลว พร้อมฉีด ลดการปนเปื้อนที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างขั้นตอนการผสมวัคซีนผงแห้ง กับตัวทำละลาย ได้เป็นอย่างดี
- ลูกน้อยได้รับวัคซีนครอบคลุมครบทุกโรคอันตราย และยังช่วยลดความสับสนของพ่อแม่ เพราะจดจำง่ายกว่าที่ต้องพาลูกมารับวัคซีนให้ครบตาม ตารางการให้วัคซีนในเด็กไทย
- เป็นไข้น้อยลง เนื่องจาก วัคซีนรวม 6 โรค ได้มีการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคไอกรนให้เป็นชนิดไม่มีตัวเชื้อ ทำให้หนูน้อยมีไข้สั้น ๆ เพียง 1-2 วัน ก็หายเป็นปกติ
- ช่วยลดค่าใช้จ่าย จากการเดินทางไปพบแพทย์ซ้ำ ๆ ช่วยประหยัดเวลาการใช้ชีวิตประจำวัน โดยที่พ่อแม่ไม่ต้องลางานบ่อย ๆ ได้อีกด้วย
ดังนั้น หากอยากให้ลูกรักมีระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง ไม่ป่วยง่าย มีพัฒนาการที่ดีสมวัย ไม่ต้องเจ็บตัวบ่อยครั้ง และได้รับวัคซีนครบถ้วนตามกำหนด คุณพ่อคุณแม่สามารถขอคำปรึกษาการรับ วัคซีนรวม 6 โรค ได้จากคุณหมอประจำตัวค่ะ
SPTH.CORP.19.08.0256 (08/19)
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!