ลูกชอบเอาของเล่นชิ้นเล็กๆเข้าปาก ใส่หู ใส่จมูก พ่อแม่ต้องป้องกันยังไง
ลูกชอบเอาของเล่นชิ้นเล็กๆเข้าปาก ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ เนื่องจากสิ่งแปลกปลอมที่เกิดจากลูกน้อยวัยซนเอาของชิ้นเล็กๆ ยัดเข้าไปในหู จมูก หรือเอาเข้าปากและมีโอกาสหลุดเข้าไปในคอ พบได้ค่อนข้างบ่อย ซึ่งมักเกิดจากความซุกซนและอยากรู้อยากเห็นตามวัยของเด็ก บางครั้งแม้เด็กอยู่คลาดสายตาผู้ใหญ่เพียงแค่ไม่กี่นาทีก็อาจเกิดขึ้นได้ และในช่วงแรกอาจไม่มีอาการผิดปกติใด รวมถึงลูกก็ไม่ได้แจ้งให้คุณพ่อคุณแม่ทราบ เพราะอาจยังอยู่ในวัยที่พูดและสื่อสารได้ไม่ชัดเจน ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจ จนเกิดอันตรายได้ คุณพ่อคุณแม่ผู้ดูแลเด็ก จึงควรทราบถึงหลักในการดูแลเบื้องต้นเพื่อความปลอดภัยของเด็ก ดังนี้ค่ะ
1. สิ่งแปลกปลอมในหู
สิ่งแปลกปลอมที่พบบ่อยในหู สำหรับเด็กอายุน้อยกว่า 8 ปี ได้แก่ ลูกปัด เม็ดพลาสติก เม็ดถั่ว เศษก้อนยางลบ และอาจพบสิ่งแปลกปลอมที่เป็นแมลงได้บ่อยในเด็กอายุมากกว่า 10 ปี
อาการ:
สิ่งแปลกปลอมในหูช่วงแรกอาจไม่มีอาการใด แต่หากปล่อยทิ้งไว้นานอาจเกิดอาการปวดหู หูอักเสบ เยื่อแก้วหูทะลุ
การดูแลเบื้องต้น:
- หากพบเห็นสิ่งแปลกปลอมในหูด้วยตาเปล่าอย่างชัดเจน คุณพ่อคุณแม่อาจลองใช้อุปกรณ์ที่มีลักษณะเป็นปากคีบ คีบสิ่งนั้นออกมาอย่างช้าๆ และเบามือ
- เอียงหน้าให้หูข้างที่มีสิ่งแปลกปลอมอยู่ต่ำกว่าอีกข้างหนึ่งแล้วโยกศีรษะในแนวดิ่งเบาๆเพื่อให้หลุดออกมาได้เอง
- หากเป็นแมลง อาจหยอดยาหยอดหู หรือน้ำมันพืชเข้าไปในรูหู โดยดึงใบหูไปทางด้านหลังเพื่อให้รูหูอยู่ในแนวตรง หลังจากหยอดของเหลวเข้าไป แมลงจะลอยขึ้นมาทำให้สามารถเอาออกได้อย่างง่ายดาย
ข้อควรระวัง:
- ห้ามใช้น้ำหรือน้ำมันหรือของเหลวอื่นๆใส่เข้าไปในรูหูในกรณีที่สิ่งแปลกปลอมไม่ใช่แมลง หรือสงสัยว่ามีภาวะแก้วหูทะลุ เช่น มีน้ำ หนอง หรือมีเลือด ไหลออกมา
- หากมองไม่เห็นชัดเจนจากภายนอก หรือไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่น่าจะเอาออกได้อย่างง่ายดาย ก็ไม่ควรใช้วัสดุใดเขี่ยสิ่งแปลกปลอมนั้นออกมาเอง เพราะอาจยิ่งทำให้สิ่งแปลกปลอมเข้าไปลึกมากขึ้นและเกิดอันตรายต่อหูได้ ควรไปพบคุณหมอดีกว่าค่ะ
ความไร้เดียงสาของเด็กน้อย ก็จะหยิบจับสิ่งเล็กๆ ใส่ปากบ้าง หูบ้าง จมูกบ้าง
2. สิ่งแปลกปลอมในจมูก
สิ่งแปลกปลอมในจมูกที่พบบ่อยในเด็ก เช่น ลูกปัด กระดุม เม็ดพลาสติก เม็ดถั่ว ชิ้นส่วนของเล่น เศษดินน้ำมัน ถ่านก้อนกระดุม เป็นต้น
อาการ:
ผู้ป่วยเด็กมักจะมาด้วยอาการ มีน้ำมูกกลิ่นเหม็นจากโพรงจมูกข้างเดียว หรือมีน้ำมูกเรื้อรังเป็นเวลานาน บางครั้งคุณพ่อคุณแม่คิดว่าเป็นไซนัสอักเสบหรือเป็นหวัดไม่หายสักที และมีอาการเจ็บในโพรงจมูก คัดจมูกมากผิดปกติข้างเดียว มีน้ำมูกปนเลือดออกมา
การดูแลเบื้องต้น:
หากพบเห็นสิ่งแปลกปลอมในโพรงจมูกเด็ก คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรพยายามดึงหรือคีบออกมาด้วยตนเอง แต่ควรรีบไปพบคุณหมอ เพราะสิ่งแปลกปลอมนั้นอาจหลุดลึกเข้าไปมากขึ้นในโพรงจมูกและอาจหล่นลงไปในหลอดลมได้ ซึ่งจะทำให้เกิดอันตรายจากภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจ หากมีอาการรุนแรงอาจเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
ข้อควรระวัง:
หากสิ่งแปลกปลอมเป็นถ่านก้อนกระดุม คุณพ่อคุณแม่ควรรีบไปพบคุณหมอเพื่อเอาออกให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้จะเกิดอันตรายร้ายแรงต่อเนื้อเยื่อในโพรงจมูก
คุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องตรวจดูของเล่นอยู่บ่อยๆ เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อย
3. สิ่งแปลกปลอมในช่องปากและคอ
สิ่งแปลกปลอมในช่องปากและคอ มีทั้งลักษณะไม่แหลมคม เช่น เหรียญ ถ่านก้อนกระดุม เม็ดถั่ว หรือสิ่งแปลกปลอมที่มีลักษณะแหลม เช่น ก้างปลา ไม้จิ้มฟัน เข็มกลัด เป็นต้น
อาการ:
สิ่งแปลกปลอมในช่องปากที่หล่นเข้าไปในทางเดินอาหารหรือหลอดลมในเด็กมักจะมีอาการขณะที่ทานอาหารหรืออมสิ่งใดสิ่งหนึ่งอยู่ในปาก แล้วมีอาการสำลัก ไอ มีเสียงแหบ หายใจเสียงดัง หายใจผิดปกติ หอบเหนื่อย ปากเขียว กลืนลำบาก เจ็บขณะกลืน อาเจียน ซึ่งอาการอาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับการอุดกั้นของสิ่งแปลกปลอมนั้นว่าอยู่ในระบบทางเดินหายใจหรือทางเดินอาหาร และอยู่ที่ตําแหน่งใด
การดูแลเบื้องต้น:
- หากพบว่าเด็กกำลังอมหรือเอาวัสดุสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในปาก ผู้ปกครองควรจะตักเตือนอย่างนุ่มนวล และให้นำสิ่งนั้นออกมาอย่างช้าๆ โดยไม่ควรทักเสียงดังหรือทำให้ตกใจ เพราะเด็กอาจสำลักและทำให้สิ่งแปลกปลอมนั้นหลุดเข้าไปในระบบทางเดินหายใจหรือทางเดินอาหารจนเกิดอันตรายได้
- หากทราบชัดเจนว่าสิ่งแปลกปลอมติดคอเด็กเล็กวัยทารก เช่น มีอาการหายใจไม่ออก ริมฝีปากเขียว สามารถช่วยเหลือเบื้องต้นโดยให้เด็กนอนคว่ำพาดที่ตักศีรษะต่ำ โดยให้อกของเด็กอยู่บนมือและท้องแขนของผู้ปกครอง แล้วใช้สันฝ่ามืออีกข้างหนึ่งตบที่กลางหลังตรงบริเวณระหว่างสะบักทั้ง 2 ข้างแรงๆจนสิ่งแปลกปลอมกระเด็นหลุดออกมา หรือเด็กไอเอาสิ่งแปลกปลอมออกมา
- หากเป็นเด็กโต ผู้ปกครองควรช่วยโดยยืนหรือคุกเข่าจากด้านหลังเด็ก แล้วใช้มือทั้งสองของโอบจากด้านหลัง มือด้านหนึ่งกำเป็นกำปั้นอยู่ใต้ลิ้นปี่เหนือสะดือ แล้ววางมืออีกด้านทับบนกำปั้น ออกแรงกดมือทั้งสองเข้าไปในท้อง โดยดันมือขึ้นมาด้านบนเหนือลิ้นปี่ กดซ้ำๆ จนสิ่งแปลกปลอมหยุดออกมาจากปาก
- หากทำการช่วยเหลือเบื้องต้นดังกล่าวแล้ว สิ่งแปลกปลอมยังไม่ออก หรือเด็กเริ่มมีอาการหายใจติดขัด ควรรีบนำส่งโรงพยาบาลโดยด่วน
ข้อควรระวัง:
- ผู้ปกครองไม่เอามือล้วงช่องปากของเด็ก โดยที่ยังมองไม่เห็นสิ่งแปลกปลอม หรือเห็นไม่ชัดเจน หรือจับเด็กห้อยศีรษะและตบหลัง เพราะจะทำให้สิ่งแปลกปลอมมีโอกาสที่จะลงไปได้ลึกขึ้นเกิดภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจได้มากขึ้น ควรรีบมาไปคุณหมอดีกว่า
ของเล่นบางชนิด ชิ้นส่วนอาจจะหลุดหรือสึกจากการกัดของลูกน้อยได้ง่าย ฉะนั้น พ่อแม่ควรดูแลอย่างใกล้ชิด หรือตรวจดูของเล่นว่า มีส่วนไหนที่อาจจะหลุดเข้าปากของลูกได้หรือไม่
หากเด็กมีสิ่งแปลกปลอมในบริเวณอวัยวะใดอวัยวะหนึ่งดังที่กล่าวมา ผู้ปกครองควรร่วมมือกับคุณหมอในการที่จะช่วยสังเกตว่ามีสิ่งแปลกปลอมในอวัยวะหรือไม่ เช่น ในบางครั้งเด็กเอาสิ่งแปลกปลอมขนาดเล็ก เช่น ลูกปัดยัดเข้าไปในหู ก็อาจจะแอบยัดเข้าไปในโพรงจมูกด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์และความซุกซน นอกจากนี้ควรป้องกันการเกิดสิ่งแปลกปลอมในอวัยวะต่างๆของเด็ก โดยระมัดระวังในการเลี้ยงดูเด็กเล็ก ไม่ให้คลาดสายตา ควรเก็บเศษของชิ้นเล็กๆ ทิ้ง เพื่อไม่ให้เด็กสามารถหยิบออกมาเล่นได้นะคะ
The Asianparent Thailand เว็บไซต์ และ คอมมูนิตี้อันดับหนึ่งที่คุณแม่เลือก นอกจากสาระความรู้ที่เรามอบให้คุณแม่ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ การวางแผนมีลูกแล้ว เรายังมีแอพพลิเคชั่น รวมถึงสื่อมัลติมีเดียหลากหลายที่ช่วยตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณแม่ยุคใหม่ ที่ต้องทำงาน และ ดูแลลูกไปพร้อมกัน ให้มีความมั่นใจ และ พร้อมในการดูแลลูกทุกช่วงเวลา ตั้งแต่การให้นมบุตร การดูแลตนเองหลังคลอด ท่าออกกำลังกายหลังคลอด เพื่อให้หุ่นของแม่หลังคลอดกลับมาฟิตแอนเฟิร์มอีกครั้ง The Asianparent Thailand ขอเป็นส่วนหนึ่งที่จะสนับสนุนคุณพ่อคุณแม่ในเรื่องการดูแลลูก ความรู้แม่ และ เด็กที่เต็มเปี่ยม และตอบทุกข้อสงสัยในแอพพลิเคชั่นที่เป็นสื่อกลาง และ กิจกรรมส่งเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัวไทย
source หรือ บทความอ้างอิง : parenting.firstcry.com
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ:
ทำไมลูกถึงชอบกัด เดี๋ยวกัดแม่ กัดของเล่น เป็นเพราะอะไร โตไปลูกจะก้าวร้าวไหม
สิ่งของ ของเล่นอันตราย ถ้าไม่อยากเสียใจ อย่าปล่อยให้ลูกเล่นลำพัง
เทคนิคเลือกของเล่นให้สมกับวัย เลือกแบบไหนให้ลูกฉลาด
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!