อะไรคือต้นเหตุของ “โรคหูติดเชื้อในเด็ก” และวิธีป้องกัน?
อะไรคือต้นเหตุของ “โรคหูติดเชื้อในเด็ก” และวิธีป้องกัน?
จากสถิติเผยว่า 3 ใน 4 ของเด็กอายุ 3 ขวบและต่ำกว่าต้องเคยติดเชื้อในหูมาแล้วอย่างน้อย 1 ครั้ง เหตุผลน่ะเหรอคะ?
1. เพราะท่อในหูของเด็กเล็กสั้นกว่าของเด็กโตและผู้ใหญ่
2. ภูมิคุ้มกันของเด็กจะลดลงเมื่อสัมผัสอากาศเย็น หรือเชื้อโรคตามที่สาธารณะ เช่นห้างสรรพสินค้า หรือโรงเรียน
3. ภูมิแพ้
พบว่า 3 ใน 4 ของเด็กอายุ 3 ขวบและต่ำกว่า ต้องเคยติดเชื้อในหูมาแล้วอย่างน้อย 1 ครั้ง
หูติดเชื้อคืออะไร?
อาการติดเชื้อในหูเกิดขึ้น เมื่อมีของเหลวขังอยู่รอบเยื่อแก้วหู ทำให้หูชั้นกลางเกิดอาการอักเสบหรือบวม ของเหลวนี้เกิดขึ้นจากแบคทีเรียที่อยู่ในหู
สาเหตุของอาการหูติดเชื้อ
หูติดเชื้อมักเกิดขึ้นเมื่อเจ้าตัวเล็กเป็นหวัด เจ็บคอ และไซนัสอักเสบ เชื้อโรคที่เป็นต้นเหตุของอาการป่วยเหล่านี้จะเข้าไปในหูชั้นใน ทำให้เกิดอาการอักเสบ แบคทีเรียเดินทางจากมือเข้าสู่หูจากการสัมผัส และทางปาก ร่างกายคนมีต่อมอะดินอยด์ ซึ่งมีเซลล์ภูมิคุ้มกัน จะคอยทำหน้าที่ดักจับเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายทางปากก่อนที่มันจะไปถึงหูชั้นใน แต่เมื่อภูมิคุ้มกันอ่อนแอ หูก็จะติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
เมื่อมีของเหลว ขังอยู่รอบ เยื่อแก้วหู ทำให้หูชั้นกลาง เกิดอาการอักเสบหรือบวม
อาการหูติดเชื้อ
เด็กจะมีอาการเจ็บปวดหูรุนแรง และจะไม่สามารถเก็บอาการได้ ถ้าคุณสังเกตเห็นอาการดังต่อไปนี้ ขอให้จัดการรักษาอย่างด่วนที่สุด (หมายเหตุ: อาการเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นตามลำดับ)
1. ดึงทึ้งหูข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง
2. เอียงหัวไปข้างหนึ่ง
3. เอามือป้องหูเพื่อบรรเทาความปวด
4. นอนไม่หลับ
5. ขยุกขยิกหรือร้องไห้ตลอดเวลา
6. มีไข้
7. ทรงตัวไม่ได้หรือเดินเอียงและหกล้ม
8. มีของเหลวไหลออกมาจากหู
9. ไม่ได้ยินเสียงหรือไม่ตอบโต้
10. ถาม “อะไรนะ?” ทุกครั้งที่คุณพูด
วิธีการรักษา สามารถบรรเทา ได้โดยให้ยาแก้ปวด และโปะถุงน้ำร้อน หรือผ้าอุ่น ๆ
วิธีรักษาหูติดเชื้อ
การติดเชื้อขั้นเบา (หมายถึงไม่มีของเหลวไหลออกมาจากหู ไม่มีไข้ ไม่ได้ร้องไห้ตลอดเวลา หรือเพิ่งเป็นไม่กี่วัน) สามารถบรรเทาได้โดยให้ยาแก้ปวด และโปะถุงน้ำร้อนหรือผ้าอุ่น ๆ สามารถใช้ยาหยอดหูไปควบคู่กันได้
สำหรับอาการติดเชื้อขั้นรุนแรง หรือที่เป็นนานกว่าวันหรือสองวัน คุณควรพาลูกไปหาหมอเพื่อตรวจอย่างละเอียด หมออาจสั่งยาฆ่าเชื้อ เช่นอะม็อกซิลลิน ซึ่งจำเป็นต้องกินให้หมดตามที่แพทย์สั่ง ไม่เช่นนั้นอาจกลับมาติดเชื้อรุนแรงอีกได้
ไม่อยากเป็นอีกแล้ว ทำไงดี?
โชคร้ายที่หูติดเชื้อเป็นอาการป่วยที่เกิดขึ้นบ่อยในเด็กเล็ก อันที่จริง เด็กเล็กส่วนใหญ่ที่ไปหาหมอก็เพราะเป็นโรคนี้ คุณสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้เพื่อป้องกันหูติดเชื้อ
1. อย่าให้ลูกโดนควันบุหรี่ มีงานวิจัยออกมาเป็นระยะ ๆ ว่าเด็กที่โดนควันบุหรี่เป็นประจำเสี่ยงเป็นหูติดเชื้อมากกว่าเด็กทั่วไป (หมายเหตุ: นี่ยังรวมถึงการสูบบุหรี่และการสูดดมควันบุหรี่ระหว่างตั้งครรภ์อีกด้วย)
2. พยายามให้ลูกหลีกเลี่ยงเด็กที่เป็นหวัดหรือไซนัสอักเสบ แม้ว่าไซนัสอักเสบจะไม่ใช่โรคติดต่อ แต่เด็กชอบเอามือไปสัมผัสจมูก น้ำมูก แล้วไปจับของเล่นที่เล่นร่วมกับเด็กคนอื่น ๆ
3. พาลูกไปฉีดยาป้องกันโรคหวัด ยิ่งป่วยน้อยเท่าไหร่ ยิ่งมีโอกาสติดเชื้อน้อยเท่านั้น
4. สอนให้ลูกล้างมือสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันเชื้อโรคติดต่อจากมือ
การติดเชื้อในหูเป็นโรคที่พ่อแม่และเด็กเล็กแทบทุกคนต้องเจอ แต่เราป้องกันได้ แค่ทำตามขั้นตอนง่าย ๆ เท่านี้เองค่ะ
เป็นโรคที่เด็ก ๆ แทบทุกคนต้องเจอ แต่เราป้องกันได้ แค่ทำตาม ขั้นตอนง่าย ๆ เท่านี้เองค่ะ
The Asianparent Thailand เว็บไซต์ข้อมูลคุณภาพและสังคมคุณแม่ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และในเอเชีย เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารแพทย์ แหล่งความรู้แม่และเด็ก รวมถึงแอพพลิเคชั่น The Asianparent ที่ติดตามการตั้งครรภ์ ให้คุณแม่ได้ลงทะเบียนใช้งานฟรี เพื่อติดตามพัฒนาการของทารก ตั้งแต่ตั้งครรภ์ จนถึงติดตามหลังคลอดที่ครอบคลุมที่สุด และผู้ใช้งานสูงสุดในประเทศไทย นอกจากความรู้ยังมีไลฟ์สไตล์ และสื่อมัลติมีเดียหลากหลาย ไม่ว่าสุขภาพแม่และเด็ก โภชนาการแม่และเด็ก กิจกรรมสำหรับครอบครัว การวางแผนครอบครัวไปจนถึง การดูแลลูก การศึกษา และจิตวิทยาเด็ก The Asianparent เราพร้อมสนับสนุนพ่อแม่ทุกท่าน ให้มีความรู้และมีสุขภาพกายใจเข้มแข็ง เพื่อเสริมสร้างครอบครัวอย่างแข็งแรง
เพราะเราเชื่อว่า “พ่อแม่เข้มแข็ง ครอบครัวแข็งแรง”
บทความที่เกี่ยวข้อง :
Nicklaus Children’s Hospital – Labyrinthitis
บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง :
ลูกไม่สบาย ทำไงดี? เป็นไข้ น้ำมูกไหล ทำยังไงดี ลูกร้องไห้ไม่หยุด
เด็กเป็นโควิด-19 เด็กเล็กป่วยเยอ ะขึ้นทุกวัน ป่วยหนักเข้า ICU พ่อแม่อย่าประมาท!
เคล็ดลับบำรุงสมอง และเตรียมร่างกาย ลูกรักให้แข็งแรง พร้อมสำหรับ การเรียนรู้อยู่เสมอ
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!