ผู้ชายกับการเซ็ตผมนั้นเป็นของคู่กัน แต่การ เซ็ตผมผู้ชาย สำหรับในผู้ชายบางคนก็อาจไม่ได้ให้ความสนใจในเรื่องของการเซ็ตผมมากเท่าไหร่ พอเมื่อถึงเวลาที่ต้องเซ็ตผมแล้วก็ไม่มีความรู้ว่าควรเริ่มต้นจากตรงไหน วันนี้เราได้รวบรวมอุปกรณ์ เซ็ตผมผู้ชาย มาแนะนำให้กับเพื่อน ๆ ได้รู้ว่าควรมีอะไรบ้าง ที่จะช่วยเซ็ตผมให้คุณหล่อยาวนานได้ตลอดทั้งวัน
อุปกรณ์ เซ็ตผมผู้ชาย ที่ต้องมี
1. ไดร์เป่าผม
เริ่มต้นกันที่อุปกรณ์แรก นั้นคือ ไดร์เป่าผม ซึ่งผู้ชายบางคนนั้นไม่ได้ให้ความสำคัญกับการเป่าผมมากเท่าไหร่ เมื่ออาบน้ำเสร็จแล้วก็ปล่อยให้ผมแห้งตามธรรมชาติ หรือบางคนอาจใช้ผ้าขนหนูเช็ดหัว พร้อมกับผึ่งพัดลมตามไปด้วย ข้อดีของไดร์เป่าผมที่นอกจากจะทำให้ผมแห้งแล้ว ยังมีส่วนสำคัญต่อการเซ็ตผมอีกด้วย เช่น สำหรับคนที่มีเส้นผมหยักศก การใช้ไดร์เป่าผมจะช่วยทำให้ผมดูมีมิติ ช่วยให้ผมตรงและเซ็ตได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม หรือการเซ็ตผมแบบปาดเรียบเสยขึ้นไป การใช้ไดร์เป่าผมก็จะช่วยทำให้เส้นผมเรียงตัว ดูมีน้ำหนัก เป็นธรรมชาติ และอยู่ทรงได้เป็นอย่างดี
2. แวกซ์
มาต่อกันที่ แวกซ์ (Wax) ผลิตภัณฑ์ที่ผู้ชายหลายคนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี และสามารถหาซื้อได้ง่ายตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป ด้วยเนื้อครีมที่ไม่มีความแข็ง ไม่แห้ง และไม่เหนียวเหนอะหนะ จึงเหมาะสำหรับผมที่มีลักษณะเส้นเล็ก สามารถจัดทรงได้ง่าย มีความพลิ้วไหว และดูเป็นธรรมชาติ สำหรับแวกซ์ นั้นใช้ได้กับผมทุกแบบและทุกทรง ไม่ว่าจะเป็นการจัดทรงแบบผมเป็นลอนธรรมชาติ แต่สำหรับคนที่มีเส้นผมหยักศกควรใช้ไดร์เป่าผมให้แห้งดีก่อน แล้วค่อยนำแวกซ์มาเกลี่ยให้ทั่วฝ่ามือ เพื่อไม่ให้จับตัวกันเป็นก้อนสีขาวบนศีรษะ จากนั้นใช้สองมือขยำเส้นผมและจัดทรงได้ตามที่ต้องการ อาจจะเพิ่มเติมเทคนิคเล็กน้อย ด้วยการใช้นิ้วมือม้วนปลายเส้นผมเพื่อให้ดูมีมิติเพิ่มขึ้นมา
3. Pomade
Pomade เริ่มเป็นที่รู้จักในหมู่ผู้ชาย หลังจากที่ทรงผม Wet Look นั้นกลายเป็นทรงผมยอดฮิตที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในช่วงหนึ่ง หลังจากนั้น Pomade ก็ได้ถูกนำมาขายในประเทศไทยหลากหลายแบรนด์
โดย Pomade เริ่มเป็นที่รู้จักในหมู่ผู้ชายไทย หลังจากที่ทรงผม Wet Look ปาดเรียบสไตล์วินเทจกลายเป็นที่นิยมกันจำนวนมาก ในช่วงนี้นก็ได้มีผลิตภัณฑ์ Pomade ออกมาขายมากมายหลายยี่ห้อ ซึ่งลักษณะเฉพาะตัวของ Pomade ที่แตกต่างจาก แวกซ์หรือเจล นั่นก็คือ ความมันเงา ที่อาจไม่ได้ให้ความแข็งแรงและอยู่ทรงได้นานเหมือนเจลกับแวกซ์ แต่ก็ทำให้สามารถจัดแต่งทรงผมให้ดูเป็นธรรมชาติ และเหมาะกับสไตล์ของ Wet Look ได้อย่างดีที่สุด
สำหรับวิธีการใช้ Pomade ก็มีขั้นตอนง่าย ๆ เพียงแค่ ละเลงให้ทั่วฝ่ามือ แล้วจัดทรงผมให้ได้ตามที่ต้องการ แต่อาจต้องระวังการใช้ในจำนวนที่มากเกินไป เพราะ Pomade มีส่วนผสมของน้ำมันเยอะมาก หากใส่ลงบนผมแล้วออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งที่ทำให้เหงื่อออก ก็อาจจะสร้างความเหนียวเหนอะหนะกับเส้นผมไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว เพราะถ้าผู้ใช้รู้ตัวว่าวันนี้ต้องออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งเยอะก็ควรเลี่ยงไปใช้แวกซ์แทนก็ได้ แต่ข้อดีของ Pomade ที่ชนะใจหลาย ๆ คนได้นั้นก็คือ สามารถหวีจัดทรงซ้ำได้ตลอดทั้งวัน
4. เจล
เชื่อว่านี่คือผลิตภัณฑ์ที่ผู้ชายหลายคนจะนึกถึงเป็นอันดับในเวลาที่ต้องเซ็ตผม โดยเจลเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยทำให้ผมมีความอยู่ทรงสูงมาก ๆ เหมาะสำหรับการใช้เซ็ตผมที่ต้องการให้อยู่ตัวนาน ๆ หรือการทำผมตั้ง ๆ เป็นทรงสูงขึ้นไป หรือสามารถใช้กับทรง Wet Look ก็ได้เช่นเดียวกัน แต่ข้อเสียของเจล ควรเซ็ตผมในเฉพาะตอนผมเปียกหมาด ๆ เท่านั้น และเมื่อผมแห้งแล้วห้ามหวีซ้ำเด็ดขาด เพราะจะทำให้ผมแตกตัวไม่เป็นทรงได้ และหากใช้เจลมากเกินไปก็จะทำให้ผมจับตัวเป็นก้อน
สำหรับวิธีการใช้เจลตกแต่งทรงผม ควรใช้ในตอนที่ผมเปียกหมาด ๆ บีบเจลลงฝ่ามือเล็กน้อย หรือจะใช้หวีจัดทรงเพื่อให้เส้นผมเรียงตัวเป็นแนวเดียวกัน สามารถใช้ไดร์เป่าผมเข้ามาช่วยให้ผมแห้งเร็ว หรือจะปล่อยให้แห้งตามธรรมชาติก็ได้ ทั้งนี้ เจลยังสามารถใช้ได้กับผมยาวได้เช่นเดียวกัน เพราะเจลในสมัยนี้มีหลากหลายสูตร และก็มีสูตรสำหรับใช้กับผมยาวได้ เพื่อจัดแต่งทรงผมและปลายเส้นผมให้เป็นลอน ด้วยการบีบเจลลงฝ่ามือ ขยำปลายเส้นผมเพื่อให้ผมอยู่ตัวและดูเป็นธรรมชาติ
5. มูส
เรียกได้ว่ามีมูสติดไว้เมื่อไหร่ ทำให้เหล่าผู้ชายอุ่นใจได้เสมอ เพราะมูสมีผิวสัมผัสและลักษณะเป็นโฟมเนื้อบางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ ช่วยทำให้ผมดูมีสุขภาพดี ไม่ชี้ฟูและดูเป็นธรรมชาติมาก ๆ เหมาะสำหรับคนที่มีเส้นผมเล็กและตรง สามารถใช้มูสเพื่อจัดทรงผมได้ตามต้องการ และการใช้ไดร์เป่าผมเซ็ตผมก็จะเป็นตัวช่วยที่ทำให้ทรงผมดูมีความเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
สำหรับการเลือกซื้อมูสให้ได้ตามความต้องการ เพราะในปัจจุบันมูสมีสูตรมากมายที่ออกแบบขึ้นมาเพื่อลักษณะของเส้นผมที่แตกต่างกันโดยเฉพาะ เช่น สูตรสำหรับผมหยิก สูตรเพื่อผมอยู่ทรงนาน หรือสูตรจัดทรงแบบธรรมชาติ ก็สามารถเลือกได้ให้เหมาะกับเส้นผมและความต้องการของผู้ใช้
6. สเปรย์
อีกหนึ่งอุปกรณ์ชิ้นสำคัญในการปิดท้ายขั้นตอนของการเซ็ตผม นั่นก็คือ สเปรย์ เมื่อผู้ใช้ได้ทำการเซ็ตผมด้วยเจล แวกซ์ หรือมูสมาก่อนแล้วก็ตาม การฉีดสเปรย์เป็นขั้นตอนสุดท้ายจะช่วยทำให้ทรงผมอยู่ทรงได้ตามที่ต้องการ โดยวิธีการฉีดควรเว้นระยะจากการฉีดประมาณ 8-10 นิ้ว เพื่อไม่ให้น้ำยาในสเปรย์ไปโดนหนังศีรษะมากจนเกินไป เพราะจะทำให้ผมดูแห้งเสียและเกิดกลิ่นฉุนได้ และสำหรับวิธีการเลือกซื้อควรเลือกจากความต้องการที่อยากให้ผมอยู่ทรงที่แข็งมากหรือแข็งน้อย
ควรเช็กว่าเส้นผมของตัวเองเป็นแบบไหน
เมื่อเรารู้กันไปแล้วว่า การเซ็ตผมนั้นต้องมีอุปกรณ์อะไรบ้าง ต่อมาเราก็ต้องควรรู้ว่าเส้นผมของเรามีลักษณะเป็นแบบไหน เช่น ผมตรง ผมบาง ผมหยิก ผมหยักศก หรือผมเส้นใหญ่ เพราะผลิตภัณฑ์บางตัวนั้นไม่ได้ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อใช้กับทุกสภาพเส้นผม ดังนั้น ผู้ใช้ควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์สำหรับการเซ็ตผมให้เข้ากับสภาพเส้นผมของตัวเองจะดีที่สุด เพราะหลาย ๆ คนอาจมองข้ามในเรื่องของสภาพเส้นผมของตัวเอง คิดว่าซื้ออะไรแบบไหนมาก็คงจะสามารถใช้ร่วมกันได้ แต่แท้จริงแล้วไม่ได้ให้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ และที่มากไปกว่านั้นอาจทำให้สุขภาพของเส้นผมเสียได้อีกด้วย
บทความที่น่าสนใจ : ทรงผมเสริมเสน่ห์ ทรงผมถูกโฉลก ทรงผมตามปีนักษัตร ประจำปี 2565
สำหรับบทความนี้คงจะเป็นตัวช่วยให้เหล่าผู้ชายได้มีตัวเลือกในใจแล้วว่า เมื่อเดินเข้าไปร้านอุปกรณ์หรือผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการเซ็ตผมนั้นต้องซื้ออะไรบ้าง หรือถ้าหากว่ายังไม่มั่นใจ และไม่มีความรู้ที่มากพอ สามารถขอคำปรึกษาจากพนักงานขายได้ เชื่อว่าคงมีคำตอบที่คลายสงสัยให้กับคุณได้ไม่มากก็น้อยเลยทีเดียว เพราะการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพเส้นผมของตัวเอง จะส่งผลให้ดูเป็นธรรมชาติและได้ทรงตามที่ต้องการ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ใช้ไม่ตรงกับลักษณะของเส้นผมแล้ว นอกจากจะไม่ได้ทรงตามที่ต้องการ แถมยังเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้สุขภาพเส้นผมเสียได้อีกด้วย
หากยังสนใจเกี่ยวกับทรงผมผู้ชายในวัยต่าง ๆ สามารถอ่านบทความอื่น ๆ ได้ที่นี่ คลิก
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
อัปเดต 30 ไอเดีย ทรงผมชายเกาหลี 2023 ทรงผมสั้นชาย ตัดได้เลยไม่ตกเทรนด์
ไอเดีย! ตัดหน้าม้าให้ลูก ทำอย่างไรดี? ทรงผมที่ใครต่อใครก็มักจะหลงรัก
10 ทรงผม เที่ยวทะเล ทำผมยังไงให้สวยปัง มั่นใจไม่กลัวลมทะเล !!
ที่มา : mover, Wongnai
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!