หนึ่งในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว ที่ไม่ว่าจะเป็นสาว ๆ หรือ หนุ่ม ๆ ก็ควรมีติดบ้านไว้เลยนั่นคือ โทนเนอร์ เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่า ในแต่ละวันผิวหน้าของเราต้องเจอกับอะไรมาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอางที่แต่งมาตลอดทั้งวัน ฝุ่น หรือมลภาวะต่าง ๆ แล้วจะรู้ได้อย่างไร ? ว่าเราทำความสะอาดหน้าสะอาดหมดจดแล้ว ? วันนี้ theAsianparent Thailand มีเกร็ดความรู้ดี ๆ และวิธี เลือกโทนเนอร์ มาฝาก พร้อมแจกพิกัดให้ไปตำตามกัน ตามไปอ่านกันได้เลย
มาทำความรู้จักโทนเนอร์กัน
โทนเนอร์ คือ อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับทำความสะอาดผิวหน้า มีลักษณะคล้ายน้ำ แต่อาจมีผิวสัมผัสที่ต่างกันออกไปใสบางยี่ห้อ จะใช้ในขั้นตอนก่อนที่จะลงสกินแคร์ตัวอื่น ๆ เพื่อเป็นการเตรียมผิวให้พร้อมรับกับสกินแคร์ที่กำลังจะลงในขั้นตอนต่อไป และเพื่อเป็นการเช็กให้ชัวร์อีกหนึ่งรอบ ว่าเราได้ทำการล้างหน้าอย่างสะอาดหมดจดไม่มีสิ่งสกปรกตกค้างเหลืออยู่ จะได้ไม่ไปอุดตันผิว สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เราเป็นสิวนั่นเอง
โทนเนอร์มีกี่แบบ ?
โทนเนอร์มีด้วยกันทั้งหมด 2 แบบด้วยกัน
แบบที่ใช้ทำความสะอาดผิวหน้า โทนเนอร์ประเภทนี้จะช่วยทำหน้าที่ในการนำสิ่งสกปรกที่ยังตกค้างอยู่บนใบหน้าออก ทำความสะอาดรูขุมขนไม่ให้เหลือสิ่งตกค้าง ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นละออง หรือเครื่องสำอางที่ยังหลงเหลืออยู่
แบบที่ใช้บำรุง โทนเนอร์ประเภทนี้จะเน้นในการช่วยบำรุงผิว สามารถใช้ทำความสะอาดผิวหน้าได้เหมือนกัน แต่จะเน้นบำรุงผิวมากกว่า เพราะจะอัดแน่นไปด้วยสารบำรุงผิวหลากหลายชนิด
โทนเนอร์มีประโยชน์อะไรบ้าง
- ช่วยทำความสะอาดผิว กำจัดเครื่องสำอาง หรือฝุ่นละอองที่ตกค้าง
- เตรียมพร้อมให้ผิวพร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนต่อไป
- กระชับ และช่วยทำความสะอาดรูขุมขน ลดสาเหตุของการเป็นสิวอุดตัน
- เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหน้า แบบบางเบา
- ปรับสมดุล และ ปรับสภาพผิว
- ช่วยผลัดเซลล์ผิวเบา ๆ ไปในตัว เผยผิวสว่าง สดใส ไร้สิว
- เติมความชุ่มชื้นให้ผิวหน้าเป็นขั้นตอนแรก
บทความที่เกี่ยวข้อง : HOW-TO รูขุมขนกระชับ ปรับผิวหน้าให้เรียบเนียนด้วยตัวเอง !
เลือกโทนเนอร์ อย่างไรให้เหมาะกับสภาพผิว
โดยปกติแล้ว เราจะแบ่งผิวออกเป็น 4 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่ ผิวแห้ง ผิวมัน ผิวผสม และผิวแพ้ง่าย ซึ่งเราก็ควรที่จะใช้สกินแคร์ให้เหมาะกับสภาพผิวของเราด้วย ดังนี้
ผิวแห้ง (Dry Skin)
เป็นผิวที่มีความมันบนผิวน้อยกว่าปกติ สาเหตุมากจากขาดกรดไขมันในผิว ที่จะทำหน้าที่รักษาความชุ่มชื้นทำให้ต่อมไขมันใต้ผิวหนังผลิตน้ำมันออกมาได้น้อยกว่าปกติ สำหรับใครที่มีผิวแห้ง ผิวจะดูเหมือนขาดน้ำ มีแนวโน้มที่จะมีความหยาบกร้าน เป็นผื่นแพ้ หรือแสบคันได้ง่าย ดังนั้นควรเลือกโทนเนอร์ที่ปราศจากแอลกอฮอล์ จะได้ไม่ดูดซับเอาความมันบนผิวหน้าออกมากจนเกินไป หรือเน้นโทนเนอร์ประเภทที่มีสารเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวก็ได้ค่ะ
ผิวมัน (Oily Skin)
ผิวมัน เป็นผิวที่ต่อมไขมันใต้ชั้นผิวผลิตน้ำมันออกมามากกว่าปกติ ทำให้ผิวดูมีความมันวาว เหนอะหนะ ต้องคอยซับหน้าอยู่ตลอดเวลา หน้าดูหมองคล้ำ รูขุมขนกว้าง ผิวอุดตันและเป็นสิวง่าย สาเหตุเกิดจากมลภาวะรอบข้างหรือฮอร์โมนนั่นเอง การเลือกโทนเนอร์ที่เหมาะสำหรับคนที่ผิวมัน ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ช่วยควบคุมความมัน กระชับรูขุมขน หรือมีความเป็นกรดเล็กน้อยเพื่อช่วยขจัดความมัน หรือเลือกประเภทที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว จะสามารถช่วยทำความสะอาดรูขุมขนได้เป็นอย่างดี และไม่ควรเลือกโทเนอร์ที่มีเนื้อหนักมากจนเกินไป เพราะอาจจะทำให้หน้ามันเพิ่มขึ้นได้
ผิวผสม (Combination Skin)
ผิวผสมเป็นผิวที่ผสมระหว่างผิวมัน และ ผิวแห้งโดยอาจจะมัน หรือแห้งเป็นบางส่วนของใบหน้า โดยส่วนใหญ่ ผิวมันบริเวณ t-zone แต่แห้งบริเวณหน้าแก้ม เป็นต้น สาเหตุมาจากที่ต่อมไขมันบริเวณ t-zone มีขนาดใหญ่กว่าบริเวณอื่น ประกอบกับฮอร์โมนและสภาวะรอบข้าง ทำให้ผลิตน้ำมันได้มากกว่านั่นเอง โทเนอร์ที่เหมาะสำหรับผิวผสมนั้น ก็จะคล้ายๆ กับของผิวแห้ง ต้องการการปรับสมดุลของผิวให้พอดีกัน อาจใช้โทนเนอร์ที่มีสารที่ผลัดเซลล์ผิวอ่อน ๆ ไม่มากจนเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวบริเวณหน้าแก้มแห้งกว่าเดิม
ผิวแพ้ง่าย (Sensitive Skin)
สำหรับผิวประเภทสุดท้าย เป็นผิวที่เกิดการระคายเคืองได้ง่ายมาก ๆ ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่จะใช้บนผิวหน้าให้ดี เพราะอาจจะเกิดอาการแดง แสบ อักเสบได้ง่ายกว่าปกติ โทนเนอร์สำหรับผิวประเภทนี้ควรเป็นโทนเนอร์ที่ปราศจากน้ำหอม และ แอลกอฮอล์ และสารที่อาจก่อการระคายเคืองอื่น ๆ และควรเลือกใช้โทนเนอร์ที่มีการทดสอบว่าไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ด้วยค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง : ป้ายยา 10 โทนเนอร์ลดสิว ควบคุมความมัน บอกลาปัญหาสิว ในราคาหลักร้อย
วิธีใช้โทนเนอร์ ใช้อย่างไรให้ถูกต้อง
โทนเนอร์ควรใช้วันละ 2 ครั้ง คือหลังอาบน้ำตอนเช้าและเย็น ก่อนที่จะลงสกินแคร์ตัวอื่น ๆ เพื่อปรับสภาพผิว ให้ผิวเตรียมพร้อมที่จะรับการบำรุงในขั้นต่อไป และในเวลาเย็นก็สามารถช่วยขจัดสิ่งสกปรก ที่ตกค้างอยู่บนใบหน้าได้ด้วย
- ก่อนที่จะลงสกินแคร์ใด ๆ ให้จำไว้เลยว่ามือต้องสะอาด ดังนั้นอย่าลืมล้างมือให้สะอาดก่อน
- นำโทนเนอร์เหยาะลงบนสำลีแผ่น (ควรเลือกสำลีประเภทที่ใช้กับโทนเนอร์โดยเฉพาะ เป็นการประหยัดโทนเนอร์ไปในตัว)
- เช็ดให้ทั่วผิวหน้า โดยเช็ดตามแนวโพรงขน เพื่อไม่ให้เกิดการอุดตัน สาเหตุหนึ่งของสิวอุดตัน และป้องกันการเกิดริ้วรอย
- ทิ้งไว้ให้แห้งแล้ว ลงสกินแคร์ตัวต่อไปได้เลย
ข้อควรระวัง !
ก่อนที่เราจะเลือกซื้อโทนเนอร์ หรือผลิตภัณฑ์สำหรับผิวหน้าอื่นใดเลย ให้คำนึงถึงสภาพผิว ของเราเป็นอันดับแรกเสมอ เพราะหากเราเลือกซื้อโทนเนอร์ที่ไม่เหมาะกับสภาพของผิวของเรา ประสิทธิภาพของการใช้โทนเนอร์อาจลดลง หรือไม่ค่อยเห็นผลลัพธ์ที่ดีหรือแตกต่างออกไป และที่สำคัญเลยคืออย่าลืมทดสอบการแพ้ก่อนใช้เสมอ เพื่อป้องกันการระคายเคืองที่อาจจะตามมา และปัญหาผิวอื่น ๆ ด้วยนะ
เห็นไหมคะว่าการใช้โทนเนอร์นั้นสำคัญมากแค่ไหน ผิวหน้าของเราจะดีได้ก็ขึ้นอยู่กับขั้นตอนของการทำความสะอาด และการบำรุงนี่แหละค่ะ อีกหนึ่งเคล็ดลับ คือ เราสามารถใช้โทนเนอร์ที่มีสารบำรุง เป็นน้ำตบ ตบเบา ๆ เข้าที่ใบหน้าเพื่อกระตุ้นให้ซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างดีอีกด้วย หรือใครจะนำโทนเนอร์ หยดใส่สำลีแล้ว แปะไว้ตามบริเวณต่าง ๆ ของใบหน้าเพื่อเป็นการมาส์ก ก็ได้นะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
10 โทนเนอร์คนท้อง ที่ดีที่สุด เพื่อการดูแลสุขภาพผิวหน้าที่ดีของคุณแม่
7 น้ำตบ สกินแคร์บำรุงหน้า ให้ผิวกระจ่างใส หน้านุ่มฟู ผิวอิ่มน้ำ
วิธีเลือกครีม เลือกสกินแคร์ยังไงให้แก้ปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด !
ที่มา : aquaplus, sistacafe
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!