จะพูดเรื่องเพศศึกษากับลูกยังไงดี ควรที่จะเริ่มเมื่อไหร่ เมื่อไหร่ลูกถึงจะพร้อม

ปกปิดเรื่องนี้ แทนที่จะพูดถึง การกระทำแบบนี้ทำให้เกิดปัญหามากมาย จากความไม่เข้าใจในหลายๆฝ่าย ต่างๆที่ตามมา พ่อ แม่ ควร จะพูดเรื่องเพศศึกษากับลูกยังไงดี

จะพูดเรื่องเพศศึกษากับลูกยังไงดี ควรที่จะเริ่มเมื่อไหร่ เมื่อไหร่ลูกถึงจะพร้อม

เรื่องเพศศึกษา หรือ เรื่อง เซ็กซ์ เป็นเรื่องที่ค่อนข้างอื้อฉาวในสังคมไทย ถึงแม้ว่าเรื่องราวเหล่านี้ จะเป็นเรื่องปกติก็ตาม แต่สังคมไทยมักปกปิดเรื่องนี้ แทนที่จะพูดถึง การกระทำแบบนี้ทำให้เกิดปัญหามากมาย จากความไม่เข้าใจในหลายๆฝ่าย ทำให้เกิดเรื่อง การไม่รู้จักป้องกันระหว่างมีเซ็กซ์ และ โรคร้ายต่างๆที่ตามมา พ่อ แม่ ควร จะพูดเรื่องเพศศึกษากับลูกยังไงดี

จะพูดเ รื่องเพศศึกษากับลูกยังไงดี

คุณควรจะเริ่มต้นอย่างไร เริ่มตอนอายุเท่าไหร่ เขาถึงจะพร้อมที่จะรับฟังและเข้าใจ คุณพ่อ คุณแม่ ผู้ปกครอง ควรจะต้องทำความเข้าใจกับตัวเองก่อนว่า การพูดเรื่องนี้ไม่ได้ผิดอะไร และ ไม่ได้เป็นการยุยงให้เด็กไปลิ้มลอง การที่เด็กมีความเข้าใจ เรื่องแบบนี้มากขึ้น จะทำให้เขาเข้าใจ และ รู้ตัวว่าควรรับมืออย่างไรกับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นกับตน เพื่อป้องกันตัวเองให้ปลอดภัยที่สุด

การสอนให้ลูกมีความรู้เรื่องนี้ติดตัวไว้ จะทำให้ลูกสามารถป้องกันตัวเองได้ ดูแลตัวเองได้

1. พูดเรื่องเพศสัมพันธ์กับเด็กวัยแบเบาะจนถึง 2 ขวบ

จะพูดเรื่องเพ ศศึกษากับลูกยังไงดี

ในช่วงนี้ที่เด็กยังไม่ค่อยจะรู้เรื่องอะไรมาก สิ่งที่พ่อแม่ ทำได้ก็คือ การสอนให้เขารู้จักอวัยะวะ ต่างๆในตัวของ เขาเอง เพื่อที่เขาจะได้บอก ได้ว่า ตัวเองมีแผล หรือ เจ็บอะไรตรงไหนรึเปล่า การที่เด็กช่วงประมาณสองขวบจะจับอวัยะวะเพศของตัวเองนั้นเป็นเรื่องที่ปกติมาก คุณควรจะสอนเขาว่า การจับส่วนบริเวณนั้น ควรทำในเวลาที่อยู่โดยลำพัง ในที่ที่ปลอดภัยเท่านั้น มันไม่ใช่เรื่องผิด แต่ควรที่จะรู้สถานที่ และ เวลา

2. พูดเรื่องเพศสัมพันธ์กับเด็กวัย 2 จนถึง 5 ขวบ

เด็กวัยนี้เรื่องที่คุณควรที่จะสอนคือ เด็กต้องเรียนรู้เกี่ยวกับ ขอบเขต เช่นการแตะตัวเอง แตะตัวคนอื่น หรือ การโดนแตะเนื้อต้องตัว อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ มันเป็นการสอนให้เขารู้จักถึงมารยาทว่า เวลาที่เราจะแตะตัว หรือ โดนตัวคนอื่นนั้น ต้องได้รับการอนุญาตจากฝ่ายตรงข้ามก่อน ไม่ใช่ว่าจู่ๆ จะไป แตะตัวใครก็ได้

จะพูดเรื่องเพศศึก ษากับลูกยังไงดี

นอกจากนั้น ผู้ปกครองควรสอนให้เด็กระวังตัว การที่จะให้คนอื่น ผู้ใหญ่ หรือ เด็กที่มีอายุมากกว่า มาแตะตัว แบบไม่เหมาะสมเป็น อย่างไร ในช่วงนี้ เด็กทุกคนจะมีความสนใจ ในร่างกายตัวเองมาก ผู้ปกครองต้องสอนให้เขารู้วา การแก้ผ้าในที่สาธารณะ หรือ ภายในบานเวลามีคนอื่นอยู่เป็นสิ่งที่ไม่ควร และการจับอวัยะวะของคนอื่น ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรเช่นเดียวกัน

จะพูดเรื่องเพศ ศึกษากับลูกยังไงดี

ถ้าลูกคุณในวัยนี้ถามว่าเด็กเกิดมาได้ยังไง ให้คุณตอบไปกว้างๆก่อนว่ามันมีหลายวิธี เพราะเด็กเองก็ไมสามารถเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดได้ คุณอาจจะใช้เวลานี้ สอนลูกให้ลูกจักถึงความแตกต่างระหว่างครอบครัว แต่ละครอบครัว ทุกครอบครัวนั้น ไม่เหมือนกัน แต่ครอบครัว ก็คือกลุ่มคนที่อยู่ร่วมกันด้วยความรัก การเล่านิทาน ที่เกี่ยวข้องกับครอบครับหลายๆแบบให้ลูกฟังจะ ทำให้เขา ทำความเข้าใจได้ดีขึ้น

3. พูดเรื่องเพศสัมพันธ์กับเด็กวัย 6 จนถึง 8 ขวบ

สำหรับเด็กช่วงนี้ สิ่งที่ควรจะสอนลูกก็คือ เรื่องการใช้อินเตอร์เน็ท แม้ว่าเด็กบางคนอาจจะยังเข้าไม่ถึงสื่อต่างๆในอินเตอร์ สอนเขาให้รู้เรื่องราว การป้องกันตัว และ การระวังภัยที่มากับอินเตอร์เน็ท เช่น  การพูดคุยกับคนแปลกหน้าทางออนไลน์ การแชร์ภาพคนตัวเอง

จะพูดเรื่องเพศศึก ษากับลูกยังไงดี

ถ้าลูกเริ่มมีความเข้าใจมากขึ้น คุณอาจจะต้องพูดถึงเรื่องภัยของการคุมคามทางเพศ ที่อาจจะพบเจอได้หลายรูปแบบ ลูกพูดคุยดูเพื่อให้ลูกมีความรู้เพียงพอที่จะป้องกันตัวเองได้ แต่ถ้าลูกไม่พร้อมให้หลุด และรอตอนที่เขาโตกว่านี้ก็ได้

เมื่อลูกโตพอประมาณนี้และ คุณอาจจะอธิบายเรื่องเกี่ยวกับเพศสัมพันธ์แบบง่ายๆให้เขาฟัง พูดถึงการป้องกัน ผลกระทบ การตัดสินใจให้รอบคอบ

เช่นเดียวกับเรื่องเซ็กซ์ เด็กในวัยนี้ใกล้จะถึงวัยที่เขาจะเจริญเติบโต ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงแล้ว คุณอาจจะบอกเล่า หรือ สอนเรื่องราวเกี่ยวกับวา ร่างกายของลูกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ให้ลูกฟังก็ได้ คอยเป็นผู้รับฟังที่ดีในบางครั้ง เพราะเราเชื่อว่ามีหลายอย่างที่ลูกอยากจะถามคุณ แต่เขาอาย หรือ ไม่กล้าพูด อย่าตำหนิ หรือ ดุลูก ไม่อย่างนั้นลูกอาจจะหนีเตลิด ไม่กล้าพูดเรื่องนี้กับเราเลยก็เป็นได้

Source :  todaysparent

บทความอื่นๆที่น่าสนใจ :

ทายเพศลูกในครรภ์ ลูกในท้องเพศอะไร ชายหรือหญิง มาทำนายกัน!

เซ็กส์บ่อยแค่ไหนถึงท้อง มีเพศสัมพันธ์ทุกวันท้องไหม มีเซ็กส์ช่วงไหนท้องง่ายสุด

เพศสัมพันธ์ ประจำเดือนและการคุมกำเนิดหลังคลอด ปัญหาคาใจที่คุณต้องรู้

บทความโดย

Jitawat Jansuwan