อุปกรณ์เครื่องนอนไม่ว่าจะเป็นหมอน ผ้าปูที่นอน หรือแม้กระทั่งผ้าห่ม ล้วนเป็นสิ่งของที่จำเป็นสำหรับเด็ก ๆ เพราะการห่มผ้าขณะที่นอนหลับจะช่วยรักษาความอบอุ่นของร่างกาย อีกทั้งยังช่วยป้องกันอาการเจ็บป่วย อาทิ เช่น เป็นหวัด น้ำมูกไหล ไอ หรือ เจ็บคอได้อีกด้วยค่ะ เพราะผ้าห่มจะช่วยป้องกันการสัมผัสกับอากาศไม่ว่าจะเป็นลมที่มาจากพัดลม หรือ แอร์ ซึ่งวันนี้ theAsianparent มี วิธีเลือกผ้าห่มสำหรับเด็ก มาแนะนำให้กับคุณพ่อ – คุณแม่ ว่าผ้าห่มสำหรับเด็กควรเลือกแบบไหนดีที่จะทำให้ลูกน้อยนอนหลับสบาย ห่มแล้วไม่อึดอัด ไม่ร้อนอบอ้าว และดีต่อร่างกาย
ผ้าห่มสำหรับเด็ก จำเป็นแค่ไหน ?
ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะเป็นประเทศที่มีอากาศร้อนและอบอ้าว แต่ในเวลากลางคืนเชื่อว่าหลาย ๆ บ้านก็มักจะเปิดเครื่องปรับอากาศ (แอร์) หรือ เปิดพัดลม เพื่อทำให้อากาศภายในห้องนอนมีความเย็นสบาย ไม่ร้อนอบอ้าว และการใช้อุปกรณ์ทำความเย็นต่าง ๆ ที่มีข้อดีคือจะช่วยให้ไม่ร้อน แต่ข้อเสียก็คือถ้าหากเปิดแอร์ หรือ เปิดพัดลมจ่อมาที่ตัวตลอดทั้งคืนเมื่อตื่นขึ้นมาจะรู้สึกไม่สบายตัว ร้อน ๆ หนาว ๆ มีอาการคอแห้ง เจ็บคอ น้ำมูกไหล หรืออาจมีอาการไข้หวัดได้ ซึ่งถ้าหากลูกน้อยไม่ได้ห่มผ้าในขณะที่กำลังนอนหลับจึงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีส่วนทำให้ลูกน้อยป่วยบ่อยได้ค่ะ
ดังนั้นคำถามที่ว่า.. ผ้าห่มสำหรับเด็ก จำเป็นแค่ไหน ? คำตอบคือมีความจำเป็นอย่างมาก เพราะจะช่วยให้ความอบอุ่นในขณะที่เด็ก ๆ กำลังนอนหลับ อีกทั้งยังช่วยทำให้เจ้าตัวน้อยรู้สึกปลอดภัยอีกด้วยค่ะ เพราะฉะนั้นคุณพ่อ – คุณแม่ควรฝึกให้เด็ก ๆ เคยชินกับการห่มผ้าให้เป็นนิสัยนั่นเองค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง : วิธีซักผ้าห่ม แต่ละประเภท ให้สะอาด หอมฟุ้งทั้งวัน ไร้กลิ่นอับ!
แนะนำ วิธีเลือกผ้าห่มสำหรับเด็ก by TAP
หลังจากที่ได้ทราบกันไปแล้วว่าผ้าห่มสำหรับเด็กมีความจำเป็นมาก ๆ สำหรับเด็ก ๆ วันนี้ theAsianparent จึงอยากมาแนะนำวิธีการเลือกผ้าห่มให้มีความเหมาะสมกับลูกน้อย เพื่อที่จะช่วยทำให้เจ้าตัวน้อยนอนหลับได้สบาย ห่มผ้าแล้วก็ยังไม่รู้สึกร้อนอบอ้าว สำหรับคุณพ่อ – คุณแม่คนไหนที่อยากทราบแล้วว่าผ้าห่มสำหรับเด็กที่ดีควรเลือกอย่างไร ตามไปดูวิธีการเลือกได้เลยค่ะ
1. วิธีเลือกผ้าห่มสำหรับเด็ก
เลือกจากจุดประสงค์ของการใช้งาน
ซึ่งจุดประสงค์การใช้งานสำหรับผ้าห่มสำหรับเด็กจะแบ่งเป็น 2 จุดประสงค์หลัก ๆ นั่นก็คือใช้เป็นผ้าสำหรับห่อตัวลูกน้อยเวลาออกไปข้างนอกบ้าน กับ ใช้สำหรับห่มร่างกายขณะที่กำลังนอนหลับ ซึ่งการเลือกผ้าห่มทั้ง 2 จุดประสงค์นี้จะมีความแตกต่างกันดังนี้..
- ผ้าห่มสำหรับห่อตัว : โดยผ้าห่อตัวสำหรับเด็กทารกจะเป็นผ้าผืนแรกที่คุณพ่อ – คุณแม่จำเป็นต้องใช้ ตั้งแต่ลูกน้อยคลอดออกมาจนกระทั่งอายุ 1 เดือน หรือ เมื่อทารกขยับพลิกตัวมากขึ้น ซึ่งผ้าห่อตัวจะมีลักษณะเป็นทรงสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน มีส่วนคลุมหัวเพื่อป้องกันศีรษะที่บอบบาง โดยที่บางรุ่นจะมีการออกแบบให้คล้ายกับถุงนอนเพื่อให้สะดวกต่อการใช้งาน ซึ่งการเลือกผ้าห่อตัวทารกควรเลือกผ้าห่อตัวที่มีเนื้อผ้าที่นุ่มสบาย ไม่หนา หรือ บางจนเกินไป และไม่ควรเป็นผ้าที่มีเนื้อสาก เพราะถึงแม้จะเป็นผ้าที่ใช้เพียงระยะเวลาสั้น ๆ แต่ก็ต้องใส่ใจในการเลือกมากเป็นพิเศษ
- ผ้าห่มสำหรับใช้ทั่วไป : จะเป็นผ้าห่มสำหรับเด็กที่จะมีความคล้ายกับผ้าห่มของผู้ใหญ่ แต่จะมีขนาดที่เล็กกว่า อีกทั้งเนื้อผ้าของผ้าห่มสำหรับเด็กจะมีความนุ่ม และ มีความอ่อนโยนมากกว่า เพื่อให้สัมผัสที่สบายไม่เสียดสีกับผิวของเด็ก ๆเพราะเด็ก ๆ ยังเป็นวัยที่มีผิวหนังค่อนข้างบอบบาง และในส่วนของการเลือกผ้าห่มสำหรับเด็กนอกจากดีไซน์ สีสัน ก็ควรเลือกผ้าห่มที่มีเนื้อผ้าที่ไม่หนา หรือ บางจนเกินไป และควรเป็นผ้าห่มที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันไรฝุ่น เพื่อลดปัญหาการเกิดภูมิแพ้ หรือ อาการทางเดินหายใจที่มาจากไรฝุ่น หรือ สิ่งสกปรกที่เกาะอยู่ที่ผ้าห่ม และควรมีขนาดที่เหมาะสมพอดีกับขนาดของร่างกายเด็ก ๆ อีกด้วยค่ะ
2. วิธีเลือกผ้าห่มสำหรับเด็ก
ผ้าห่มสำหรับเด็กที่ดีควรทำมาจากใยธรรมชาติ
ต้องบอกว่าผ้าห่มสำหรับเด็กก็จะเหมือนกับผ้าห่มสำหรับผู้ใหญ่ที่จะมีมากมายหลากหลายรูปแบบ ซึ่งจะมีความแตกต่างในเรื่องของวัสดุที่ใช้ผลิต โดยที่จะมีทั้งผ้าห่มที่ผลิตจากเส้นใยธรรมชาติ ผ้าห่มที่ผลิตจากใยสังเคราะห์ หรือ ผ้าห่มที่เป็นแบบผสมทั้งใยธรรมชาติรวมกับใยสังเคราะห์ แต่.. ผ้าห่มที่เหมาะสมสำหรับเด็ก ๆ ควรเป็นผ้าห่มที่ทำมาจากเส้นใยธรรมชาติโดยเฉพาะที่ทำมาจากคอตตอน (COTTON) เพราะจะเป็นเส้นใยที่มีเนื้อสัมผัสนุ่ม บางเบา ระบายความร้อนรวมถึงความอับชื้นได้ดี อีกทั้งยังไม่ค่อยเป็นขุยหลังจากซักจึงช่วยลดปัจจัยในการก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้กับเด็ก ๆ รวมถึงลดอาการระคายเคืองผิวไม่ทำให้ลูกน้อยรู้สึกคันยุบยิบได้อีกด้วยค่ะ
3. วิธีเลือกผ้าห่มสำหรับเด็ก
ไม่ควรใช้ผ้าห่มเด็กที่มีดีไซน์ปลายลุ่ย หรือ ชิ้นส่วนเล็ก ๆ ยื่นออกมา
ผ้าห่มสำหรับเด็กที่ดีควรมีการออกแบบให้มีสัมผัสที่เรียบเนียน ไม่ถูกตกแต่งให้มีชิ้นส่วนเล็ก ๆ ห้อยออกมา เพราะว่าชิ้นส่วนเหล่านี้อาจเป็นที่สะสมของสารก่อภูมิแพ้ อาทิ เช่น ไรฝุ่น ฝุ่นละออง สิ่งสกปรกต่าง ๆ และยังสามารถอุดกั้นทางเดินหายใจของเด็ก ๆ ได้อีกด้วยค่ะ รวมถึงเด็ก ๆ อาจจะเผลอเอาเข้าปาก ซึ่งจะทำให้เกิดอันตรายต่อลูกน้อยได้ เพราะฉะนั้นผ้าห่มสำหรับเด็กที่ดีไม่จำเป็นต้องมีดีไซน์ที่แปลกแหวกแนว แนะนำให้เลือกผ้าห่มที่มีดีไซน์เรียบ ๆ แต่เน้นไปที่คุณภาพให้มีความห่มสบาย ระบายอากาศได้ดี เนื้อผ้านุ่มจะเหมาะสมกว่าค่ะ
4. วิธีเลือกผ้าห่มสำหรับเด็ก
เลือกผ้าห่มสำหรับเด็กที่มีขนาดเหมาะสมกับรูปร่าง
และสำหรับวิธีสุดท้ายในการเลือกซื้อผ้าห่มสำหรับเด็กแนะนำให้คุณพ่อ – คุณแม่เลือกซื้อผ้าห่มที่มีขนาดเหมาะสมกับเด็ก ๆ นั่นก็คือเมื่อห่มแล้วสามารถปกปิดตัวของลูก ๆ ได้มิดชิด ไม่มีส่วนไหนของร่างกายที่ยื่นเกินออกมาจากผ้าห่ม เพราะผ้าห่มที่สั้นจนเกินไปอาจจะทำให้เด็ก ๆ รู้สึกไม่ปลอดภัย ไม่ได้รับความอบอุ่น รวมถึงอาจจะทำให้ป่วยจากอากาศที่มาสัมผัสร่างกายได้ด้วยค่ะ และไม่ควรเลือกผ้าห่มที่มีขนาดใหญ่จนเกินไป ไม่ควรใช้ผ้าห่มสำหรับผู้ใหญ่มาห่มให้กับเด็ก ๆ เพราะผ้าห่มที่มีขนาดผื่นใหญ่จนเกินไปมีโอกาสที่จะเลื่อนมาคลุมหน้าของเด็ก ๆ จนทำให้หายใจไม่ออก รวมถึงยังมีน้ำหนักที่เยอะอาจจะทำให้เด็ก ๆ หายใจไม่สะดวกและไม่สบายตัวขณะนอนหลับนั่นเองค่ะ
TIPS by TAP : เพราะฉะนั้นเทคนิคการเลือกผ้าห่มสำหรับเด็กที่ดีควรมีความพอดีกับขนาดรูปร่างของเด็ก ๆ ยาว หรือ ใหญ่กว่ารูปร่างเล็กน้อย เพื่อให้ผ้าห่มสามารถปกคลุมได้ทั่วทั้งร่างกาย
และทั้งหมดนี้ก็เป็นวิธีเลือกผ้าห่มสำหรับเด็กที่ theAsianparent ได้รวบรวมมาฝาก บอกเลยว่าดูเหมือนจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ แต่บอกเลยว่าไม่สามารถมองข้ามได้ เพราะผ้าห่มเป็นสิ่งที่ต้องอยู่กับเด็ก ๆ ในขณะที่กำลังนอนหลับ ดังนั้นถ้าอยากให้ลูกน้อยรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย หลับสบาย แนะนำให้คุณพ่อ – คุณแม่เลือกผ้าห่มที่เหมาะสมกับลูกน้อยตามวิธีเรานำมาฝากได้เลยค่ะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
10 ผ้าห่มสำหรับเด็ก แบบไหนดีที่สุด? เลือกอย่างไรให้เหมาะสม
ชี้เป้า! 10 ผ้าห่มนาโน ยี่ห้อไหนดี นุ่มนิ่ม ห่มสบาย ให้ความอบอุ่นเป็นอย่างดี
10 ที่นอนกันกรดไหลย้อน สำหรับทารกน้อย ช่วยให้ลูกน้อยไม่สะดุ้งตื่นหรือแหวะนม
ที่มา : theasianparent
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!