ใคร ๆ ก็เป็น introvert กันได้ ไม่เว้นแม้กระทั่งเด็ก ลูกเป็น introvert เลี้ยงยังไงดี วันนี้ theAsianparent Thailand จะพาคุณแม่มาทำความรู้จักกับเด็กกลุ่มนี้ เพื่อให้เข้าใจและเข้าหาเขาได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
Introvert คืออะไร
Introvert ไม่ใช่ภาวะความผิดปกติใด ๆ แต่เป็นหนึ่งในบุคลิกที่คนเรามีกันได้ ซึ่งคนที่เป็น introvert นั้น ก็มักจะชอบอยู่คนเดียว ไม่ชอบอยู่ในที่ ๆ มีคนเยอะ มักจะพูดน้อย มีเพื่อนไม่เยอะมาก ชอบเขียนมากกว่าพูด หรืออาจจะเก็บตัวบ้างเป็นบางเวลา ซึ่งพ่อแม่หลายคนก็คิดว่า เด็กทุกคนควรจะร่าเริงสดใส พูดเก่ง ส่วนเด็กที่เก็บตัว เงียบ ๆ หรือพูดน้อยนั้นเป็นเด็กที่แปลก และถือว่าเป็นความผิดปกติ ทั้งที่ความจริงแล้วไม่ใช่อย่างนั้น เพราะจากการศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่า คนในประเทศสหรัฐอเมริกามากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ เป็นคนที่มีนิสัย introvert ดังนั้น คนที่เป็น introvert จึงมีอยู่ทั่วไปในสังคม ไม่ใช่เรื่องที่แปลก เป็นเพียงแค่บุคลิกหนึ่ง ๆ ของคนเราเท่านั้น
บทความที่เกี่ยวข้อง : เคยได้ยินไหม? Introvert Extrovert คืออะไร ลูกคุณเป็นแบบไหน เช็คเลย!
ลูกเป็น Introvert เลี้ยงยังไงดี
แม้จะไม่ใช่เรื่องแปลก ที่เด็กจะเป็นคนประเภท introvert แต่เมื่อเขาโตขึ้น ก็ต้องเข้าโรงเรียนและพบปะกับคนข้างนอกอีกมากมาย ซึ่งการสอนให้เด็กปรับตัว และรู้จักเข้าหาคนอื่น จึงเป็นเรื่องที่ควรทำ หากพบว่าลูกเป็น introvert สามารถทำตามวิธีต่อไปนี้ได้ เพื่อช่วยให้เด็กปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ ที่เขาต้องพบเจอ
1. เคารพและไม่ก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวเด็ก
สิ่งแรกที่คุณแม่ควรทำ คือยอมรับในนิสัย introvert ของลูก ควรปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวเมื่อเขาต้องการ ไม่ควรบังคับให้เขาทำกิจกรรมร่วมกับคนอื่นถ้าเขาไม่อยากทำ เพราะเด็กที่เป็น introvert มักจะชอบอยู่คนเดียวเพื่อชาร์ตพลังตัวเอง หากอยากทำกิจกรรมครอบครัวร่วมกันทั้งบ้าน ก็อาจจะค่อย ๆ เริ่มทำกิจกรรมที่มีคนเข้าร่วมน้อยก่อน เพื่อให้เด็กค่อย ๆ ปรับตัว
2. เข้าหาเด็กโดยเริ่มจากความชอบและความถนัด
หากเด็กไม่อยากทำกิจกรรมครอบครัว ให้ลองหาว่าเด็กชอบสิ่งไหน หรือถนัดสิ่งไหนเป็นพิเศษ แล้วนำเอาสิ่งนั้นมาปรับเป็นกิจกรรมภายในบ้าน เพื่อให้ได้ทำร่วมกันทั้งครอบครัว และสร้างความสนิทสนมกับเด็กให้มากขึ้น ซึ่งนอกจากคุณแม่จะได้ใกล้ชิดกับลูกมากขึ้นแล้ว ก็ยังช่วยให้เด็กได้ฝึกทักษะ และเก่งในสิ่งที่ถนัดมากขึ้นด้วย
3. หางานอดิเรกให้ลูก
หากลูกเก็บตัวมากเกินไป อาจทำให้เด็กเป็นซึมเศร้า รู้สึกเหงา หรือมี self-esteem ต่ำได้ หากน้อง ๆ ไม่ได้มีงานอดิเรก หรือไม่ได้สนใจสิ่งไหนเป็นพิเศษ คุณแม่ก็ควรหากิจกรรมให้น้อง ๆ ทำ โดยอาจจะเริ่มหางานอดิเรกง่าย ๆ ให้น้อง ๆ หัดทำ หรืออาจจะพาน้อง ๆ ไปลงเรียนคอร์สง่าย ๆ เพื่อให้ได้เจอกับเพื่อนใหม่หรือหัดสร้างความสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ ไปด้วย
4. สอนให้ลูกยอมรับกับสิ่งที่ตัวเองเป็น
มีหลาย ๆ ครั้งที่เด็กต้องเข้าสังคมร่วมกับคนกลุ่ม extrovert ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว คนกลุ่ม extrovert มักจะเป็นคนที่พูดนำบทสนทนา หรือดึงความสนใจจากคนอื่น ๆ ได้เยอะกว่า ก็เลยอาจจะทำให้เด็กที่มีนิสัย introvert รู้สึกน้อยใจได้ ซึ่งคุณแม่ควรสอนให้น้อง ๆ ยอมรับในบุคลิกหรือสิ่งที่น้อง ๆ เป็นอยู่ เพื่อไม่ให้น้อง ๆ รู้สึกแตกแยก เพราะการเป็น introvert ไม่ใช่สิ่งที่แย่ รวมทั้งควรสอนให้เขาเข้าหาหรือพูดคุยกับคนอื่นในเบื้องต้นได้ เพื่อที่เด็กจะได้สร้างปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ และไม่รู้สึกเหงาเมื่อต้องอยู่ท่ามกลางกลุ่มคน
5. ค่อย ๆ แนะนำให้เด็กได้รู้จักกับเพื่อนใหม่
หากเด็ก ๆ ต้องเจอกับเพื่อนใหม่ ให้ค่อย ๆ พยายามให้เขาทำความรู้จักกับคนเหล่านั้นทีละน้อย ไม่ควรเร่งเด็กจนเกินไป เพราะเด็กที่เป็น introvert ส่วนใหญ่ จะรู้สึกเครียดและกดดัน หากต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ และเจอคนที่ไม่คุ้นหน้า หากเด็กต้องเข้าร่วมงานที่มีคนเยอะ ให้พูดคุยกับเด็กให้เข้าใจก่อน ว่างานนี้จะมีคนเข้าร่วมมากน้อยแค่ไหน มีใครไปบ้าง และมีกิจกรรมอะไรที่เด็กต้องทำ เพื่อให้เด็กได้เตรียมพร้อมและเข้าใจ ว่ากำลังจะพบเจอกับเหตุการณ์รูปแบบไหน และควรจะทำตัวยังไง
6. พูดชมลูกเมื่อลูกปรับตัวได้ดีขึ้น
เมื่อเด็ก ๆ กล้าที่จะพูดกับคนที่ไม่รู้จัก ปรับตัวได้ หรือมีพัฒนาการด้านการเข้าสังคมที่ดีขึ้น คุณแม่ควรกล่าวชมเด็ก ๆ เพื่อให้เขารู้สึกดีใจ และเห็นว่าสิ่งที่ทำเป็นเรื่องดี จนอยากทำอีกต่อไปเรื่อย ๆ
7. ขอความช่วยเหลือจากคุณครู
เมื่อถึงเวลาที่เด็กต้องเข้าโรงเรียน คุณแม่ควรพูดคุยกับครูประจำชั้นของเด็ก ๆ เกี่ยวนิสัย หรือความสนใจของเด็ก เพื่อที่คุณครูจะได้รู้ว่า ควรเข้าหาลูกของเรายังไง หรือจะมีวิธีสอนหรือดึงความสนใจจากเด็กได้ยังไงบ้าง ซึ่งคุณครูบางท่าน มักจะคิดว่าเด็กที่เงียบ ๆ นั้น ไม่ค่อยสนใจเรียน หรือไม่ได้อยากมีปฏิสัมพันธ์กับคุณครู ทั้งที่ความจริงแล้วไม่ใช่อย่างนั้นเสมอไป
8. สอนให้เด็กรู้จักปกป้องตัวเอง
เราไม่มีทางรู้ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับลูกตอนเขาอยู่ที่โรงเรียนบ้าง บางทีเขาอาจจะถูกเด็กคนอื่นรังแก หรือแย่งของเล่น ซึ่งคุณแม่ควรสอนให้น้อง ๆ กล้าที่จะตอบโต้กลับในทางที่เหมาะสม เช่น หากเด็กโดนแย่งของเล่น ก็ควรสอนให้เขารู้จักปฏิเสธที่จะไม่ให้ของเล่นใคร หรือหากเขาโดนรังแก ก็ต้องสอนให้เขากล้าที่จะบอกคุณครู เป็นต้น
สุดท้ายแล้ว การเป็น introvert ก็ไม่ใช่ความผิดปกติใด ๆ เพราะคนเราแต่ละคน ก็ล้วนมีบุคลิกที่แตกต่างกันออกไปอยู่แล้ว เราไม่สามารถเอาความคิดที่ว่า คนส่วนใหญ่ควรเข้าสังคมให้เก่ง หรือต้องกล้าแสดงออก มาตัดสินคุณค่าของเด็กคนหนึ่งได้ ซึ่งสิ่งที่เราควรทำ คือการยอมรับในสิ่งที่ลูกเป็น และค่อย ๆ สอนให้เขารู้จักปรับตัวเข้าสังคมเมื่อเขาที่จะต้องพบปะกับผู้คนใหม่ ๆ เพื่อที่เขาจะได้ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
บทความที่เกี่ยวข้อง :
แค่เศร้า หรือเข้าข่ายเป็น “โรคซึมเศร้า” โรคซึมเศร้าในวัยรุ่น
ลูกไม่กล้าแสดงออก ทำอย่างไรดีลูกขี้อาย มาเสริมสร้าง Self-Esteem ให้ลูกกัน
วิธีเสริมสร้าง Self-Esteem คืออะไร ควรปลูกฝังลูก ๆ ตอนไหนและประโยชน์ของมัน
ที่มา : heysigmund , quietrev