วิธีเลือกซื้อทรีทเม้นท์ผมทำสี เลือกซื้ออย่างไรให้ได้คุณภาพ และตอบโจทย์ในการใช้งานสำหรับคนที่ทำสีผมอยู่บ่อยครั้ง รวมถึงวิธีการกัดสีผมอย่างไร ไม่ให้ผมเสีย วันนี้เรามีคำตอบมาฝากกันค่ะ เพื่อการบำรุงผมให้ล้ำลึกยิ่งขึ้น การรู้ทริคในการเลือกซื้อทรีทเม้นท์ที่จะช่วยในการบำรุงเส้นผมสำหรับผมที่ผ่านการทำสีโดยเฉพาะมาไว้ใช้งาน ก็ถือเป็นสิ่งที่คุณจะต้องใส่ใจเป็นพิเศษและไม่ควรพลาดเลยค่ะ ถ้าพร้อมแล้ว มาตามไปดูพร้อมกันเลยค่ะ
วิธีเลือกซื้อทรีทเม้นท์ผมทำสี
เลือกทรีทเม้นท์ผมให้เหมาะกับสภาพผม
การเลือกซื้อทรีทเม้นท์ให้เหมาะกับสภาพเส้น ถือเป็นสิ่งที่จะต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ดังนั้น ถ้าหากใครที่ทำสีผมเป็นประจำ อย่าลืมตรวจสอบทรีทเม้นท์ที่คุณจะเลือกซื้อด้วยนะคะ ว่าได้ถูกออกแบบมาสำหรับผมทำสีหรือไม่ เนื่องจากทรีทเม้นท์แต่ละยี่ห้อจะมีส่วนผสมของทรีทเม้นท์ที่แตกต่างกัน เพื่อให้ตอบโจทย์ปัญหาเส้นผมของที่ต่างกันออกไปของแต่ละคน เช่น คนที่มีผมแห้ง ชี้ฟู เส้นผมอ่อนแอผ่านการทำสี หรือเคมีต่าง ๆ เป็นประจำ
ก็อาจจะต้องเลือกซื้อทรีทเม้นท์ที่มีมอยส์เจอไรเซอร์สูง หรือถ้าหากใครมีปัญหาผมขาดหลุดร่วง หรือแตกปลาย ที่ผสมไปด้วยสารมีสาร Cell Membrane Complex, กรดไฮยาลูรอนิก หรือสาร Lipidure เพื่อที่จะได้ช่วยให้เส้นผมนั้นกลับมาแข็งแรง และเนียนเรียบดูสุขภาพดี เป็นต้น ดังนั้น ก่อนที่จะเลือกซื้อทรีทเม้นท์ผมมาใช้งาน จะต้องตรวจสอบลักษณะเส้นผมก่อนที่จะเลือกซื้อนะคะ เพื่อที่จะได้นำมาบำรุงเส้นผมได้อย่างตรงจุด
ประเภทของทรีทเม้นท์ผม
ในส่วนของการเลือกซื้อทรีทเม้นมาใช้งาน ประเภทของทรีทเม้นก็ถือเป็นปัจจัยที่จะต้องให้ความสำคัญก่อนที่จะเลือกซื้อเช่นเดียวกัน ซึ่งทรีทเม้นท์โดยทั่วไปแล้วจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ก็ประเภทแรกจะเป็นทรีทเม้นที่ใช้แล้วจะต้องล้างออก และอีกประเภทจะเป็นทรีทเม้นแบบที่ไม่ต้องล้างออก ซึ่งสำหรับทรีทเม้นท์แบบล้างออกก็จะให้ความรู้สึกคล้ายครีมนวดผม ซึ่งจะมีคุณสมบัติในการช่วยฟื้นฟูความเสียหายของเส้นผม
ส่วนทรีทเม้นท์แบบที่ไม่ต้องล้างออก คุณสมบัติของทรีทเม้นท์ประเภทนี้จะช่วยเคลือบเส้นผมชั้นนอก ป้องกันการสูญเสียน้ำของเส้นผม และป้องกันความแห้งกร้าน ซึ่งการเลือกซื้อทรีทเม้นท์ผมทำสีมาใช้งานนั้นก็ขึ้นอยู่กับความสะดวกของผู้ใช้แต่ละคนเลยค่ะสำหรับในส่วนของปัจจัยนี้ค่ะ
เลือกกลิ่นของทรีทเม้นท์ที่ชื่นชอบ
ในส่วนของกลิ่นทรีทเม้นท์ ก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยในการดึงดูดให้เลือกซื้อได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งทรีทเม้นท์แต่ละยี่ห้อก็จะผลิตกลิ่นออกมาหลากหลาย และแตกต่างกันออกไป เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานสำหรับคนในปัจจุบัน โดยทรีทเม้นท์ส่วนใหญ่ก็จะมีกลิ่นหอมที่มาจากส่วนผสมของผลไม้ และสมุนไพรเป็นหลัก ดังนั้น คุณสามารถเลือกซื้อทรีทเม้นท์กลิ่นที่ชื่นชอบ และจะทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายเวลาใช้งานได้ตามต้องการเลยค่ะ และถ้าหากใครที่มีอาการแพ้น้ำหอม แนะนำให้เลือกทรีทเม้นท์ที่มีเปอร์เซ็นต์น้ำหอมน้อย หรือไม่มีเลยนะคะ ดังนั้น คนที่แพ้น้ำหอมอย่าลืมตรวจสอบส่วนผสมในส่วนนี้ด้วยนะคะ
หลีกเลี่ยงทรีทเม้นท์ผมสีที่มีส่วนผสมของสารเคมี
ทรีทเม้นท์สำหรับผมทำสีที่ดี และมีคุณภาพ จะต้องปราศจากสารเคมีที่เป็นอันตราย และเลือกส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติจะดีที่สุดค่ะ เพราะโดยทั่วไปแล้วผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมส่วนใหญ่แล้วจะส่วนประกอบไปด้วย ซิลิโคน, ปิโตรเลียม และพอลิเมอร์ ที่จะทำหน้าที่ในการเคลือบผมให้เส้นผมเงางาม และทำให้เส้นผมนุ่มลื่น และถ้าหากใช้ทรีทเม้นท์ที่มีส่วนประกอบเหล่านี้อยู่ และถ้าหากล้างออกไม่สะอาด ก็อาจจะก่อให้เกิดการอุดตันบนหนังศีรษะ ส่งผลทำให้เกิดสิว เกิดรังแค และทำให้ผมขาดหลุดร่วงได้ ดังนั้น ทางที่ดีถ้าหากจะเลือกซื้อทรีทเม้นท์สำหรับบำรุงผมที่ผ่านการทำสีมาใช้งาน ควรหลีกเลี่ยงทรีทเม้นท์ที่มีส่วนผสมเหล่านี้อยู่จะดีที่สุดนะคะ
ผมทำสี แห้งเสีย ใช้ทรีทเม้นท์แล้วสุขภาพเส้นผมจะดีขึ้นจริงไหม?
สำหรับคนที่มีปัญหาผมแห้งเสีย แตกปลาย เพราะผ่านการทำสีผมที่มีความสว่าง และจะต้องผ่านการกัดสีผมหลาย ๆ ครั้ง จนเกิดปัญหาผมเสียขึ้น และได้เกิดความสงสัยขึ้นว่า ถ้าหากเลือกใช้ทรีทเม้นท์สำหรับผมทำสีมาใช้งาน จะช่วยฟื้นบำรุงสุขภาพเส้นผมให้ดีขึ้นได้จริงไหม คำตอบคือ ทรีทเม้นท์ผมทำสีสามารถช่วยฟื้นบำรุงของสุขภาพเส้นผมให้กลับมาแข็งแรง นุ่ม และเงางามได้จริงนะคะ เนื่องจากทรีทเม้นท์นั้นถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้นสูงมาก ทำให้มีประสิทธิภาพในการช่วยบำรุงผมเส้นผมได้อย่างดีเยี่ยม และสามารถจัดการปัญหาเส้นผมเฉพาะจุดได้อย่างดี
กัดสีผมอย่างไรไม่ให้ผมเสีย ทำอย่างไร?
- เลือกผลิตภัณฑ์กัดสีที่มีคุณภาพ ก่อนที่จะเลือกซื้อน้ำยากัดสีผมมาใช้งานแนะนำให้ตรวจสอบความน่าเชื่อถือก่อนนะคะ ว่าผลิตภัณฑ์ที่คุณจะเลือกมาใช้งานนั้นมีคุณภาพ และมีมาตรฐานรองรับเพื่อความปลอดภัยของสุขภาพเส้นผม
- เลือกใช้ Developer 6-9% จะดีที่สุด Developer หรือไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ มักจะถูกใช้ผสมลงในน้ำยากัดสีผม ซึ่งจะมีให้เลือกตั้งแต่ 3%, 6%, 9% และ 12% ซึ่งการเลือกเปอร์เซ็นต์จะต้องเลือกมาใช้งานจะต้องเลือกให้เหมาะกับสภาพเส้นผม เพื่อการใช้งานให้ได้ประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ถ้าหากใครที่มีเส้นผมเล็ก แนะนำให้เลือกเป็น 6% นะคะ และสำหรับคนที่มีเส้นผมใหญ่ แนะนำให้เลือกเป็น 9% แต่ถ้าหากรู้สึกว่าผมเส้นไม่เล็กไม่ใหญ่แนะนำให้เริ่มที่ 6% นะคะ เพื่อที่จะได้ไม่ทำให้ผมแห้งเสียและพังได้ง่ายค่ะ
- เพื่อไม่ให้ผมแห้งเสียจนเกินไป แนะนำให้ทำการกัดสีผมแค่รอบเดียว เพราะถ้าหากกัดสีผมในหลาย ๆ รอบ ก็จะเป็นการทำร้ายเส้นผม และหนังศีรษะจนเกินไป และขั้นรุนแรงอาจจะทำให้ผมเสียจนเป็นวุ้นได้เลยค่ะ
- สำหรับการกัดสี และยังไม่ได้สีที่ต้องการ ควรเว้นระยะการกัดสีผมไว้ก่อนนะคะ อย่างน้อย 4 สัปดาห์ เพราะถ้าหากพยายามทำให้สีผมอ่อนภายในการทำครั้งแรก อาจจะส่งผลทำให้ผมเสียมาก จนอาจจะกระทบต่อหนังศีรษะและทำให้เกิดอาการแพ้เกิดขึ้นได้ค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง : วิธีย้อมผมด้วยตัวเอง ทำสีผมสวยง่าย ๆ ได้ที่บ้าน ไม่ต้องพึ่งร้าน
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับ วิธีเลือกซื้อทรีทเม้นท์ผมทำสี รวมถึงวิธีกัดสีผมอย่างไร ไม่ให้ผมเสีย การกัดสีผมเพื่อย้อมผมสีสว่างแน่นอนอยู่แล้วว่าจะต้องทำให้เกิดการแห้งเสีย และแตกปลายอย่างแน่นอน ดังนั้น ทรีทเม้นท์สำหรับผมทำสี จึงถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเส้นผมของคนที่ชอบทำสีผมอยู่บ่อยครั้งมาก ๆ เพราะถือเป็นอีกหนึ่งไอเทมที่จะช่วยแก้ปัญหาผมเสียได้อย่างตรงจุด ทั้งนี้การใช้ทรีทเม้นท์ผมทำสีให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ควรตรวจสอบปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของส่วนผสม เรื่องของกลิ่น และควรตรวจสอบส่วนผสมว่าผลิตภัณฑ์นั้นมีส่วนประกอบของสารเคมีมากน้อยเพียงใดค่ะ ดังนั้น คนที่ชอบทำสีผมเป็นประจำอย่าลืมเลือกผลิตภัณฑ์ในการบำรุงอย่างทรีทเม้นท์ผมทำสีมาไว้ใช้งานนะคะ จะได้ช่วยฟื้นฟูปัญหาเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้เส้นผมกลับมาแข็งแรง นุ่มลื่น และไม่แตกปลายจนเกินไปค่ะ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับทุกคนนะคะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
9 วิธีดูแลผมหลังทำสี ให้สีสวย ติดทนนาน ไม่หลุดเร็ว ผมสุขภาพดีไม่แห้งเสีย
ทำไมร้านเสริมสวยต้องสระผม 2 ครั้ง พร้อมเคล็ดลับการสระผมให้ถูกวิธี
ไอเดีย ผมสีส้ม เทรนด์สีผม 2023 สดใส เปรี้ยว สีผมสไตล์ไอดอลเกาหลี
ที่มา : my-best.in, allthingshair
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!