ปัจจุบันการให้ลูกเรียนหนังสืออยู่บ้าน โดยพ่อแม่สอนลูกเองที่บ้านเอง เริ่มเป็นที่นิยมของพ่อแม่ยุคใหม่ ซึ่งการเรียนดังกล่าวนี้ถือว่าเป็นการศึกษาทางเลือกที่น่าสนใจมาก สำหรับคนที่ยังไม่รู้ว่าคืออะไร วันนี้เราจะพามาทำความรู้จัก Home School และศึกษาข้อดีข้อเสียของการเรียนหนังสืออยู่บ้าน เรียนที่บ้านกัน เพื่อให้พ่อแม่ได้ตัดสินใจเลือกทางเลือกที่เหมาะกับลูกของตัวเอง
Home School คืออะไร
การเรียนที่บ้านหรือโฮมสคูล (Home School) คือ รูปแบบของการเรียนแบบหนึ่งที่ผู้เรียนจะเรียนที่บ้าน ไม่ต้องไปโรงเรียนแบบปกติ โดยมีพ่อแม่หรือครูเป็นผู้สอน การเรียนที่บ้านจะมีการทำแผนการศึกษาโดยอิงความสนใจของลูกเป็นหลัก ทำให้การเรียนแบบนี้ยืดหยุ่นและทำให้ลูกมีความสนใจ และค้นพบความถนัดของตัวเองได้ง่าย อีกทั้งยังช่วยผลักดันให้ลูกแสดงศักยภาพของตัวได้โดยไม่มีการจำกัด
การเรียนแบบโฮมสคูล เริ่มเป็นที่นิยมในปัจจุบันด้วยสาเหตุหลาย ๆ อย่าง เช่น โรคระบาดโควิดทำให้พ่อแม่เห็นว่าไม่จำเป็นต้องพาลูกเข้าโรงเรียน หรือเห็นว่าการให้ลูกเรียนหนังสืออยู่ที่บ้านจะเหมาะสมกับตัวเด็กเองมากกว่า ซึ่งในทางกฎหมายของพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ยังได้กล่าวว่าพ่อแม่สามารถออกแบบหรือจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานให้แก่ลูกได้ โดยไม่จำเป็นต้องส่งเขาเข้าโรงเรียน
โฮมสคูลเหมาะกับใครบ้าง
โดยทั่วไปแล้วการเรียนโฮมสคูลเหมาะกับครอบครัวที่มีความพร้อม พ่อแม่สามารถให้ลูกเรียนได้ตั้งแต่อนุบาลหรือตอบที่ลูกอายุครบ 4 ปี ก็สามารถเริ่มการเรียนที่บ้านได้เลย ซึ่งรูปแบบการเรียนนี้ พ่อแม่ควรมีความพร้อมหลายอย่างโดยเฉพาะเรื่องเวลา เพราะจะต้องคอยสอนลูกและคอยออกแบบหลักสูตร รวมถึงการเตรียมเอกสารการเรียน พร้อมทั้งการอัปเดตข้อมูลกับพื้นที่การศึกษาด้วย
ส่วนตัวเด็กเอง พ่อแม่อาจต้องพิจารณาว่าลูกมีความพร้อมที่จะเรียนหลักสูตรแบบนี้ไม่ เพราะอย่างที่เรารู้กันว่าปกติแล้ว เด็กจะมีความเชื่อฟังและเกรงกลัวครูมากกว่าพ่อแม่ ดังนั้น พ่อแม่จึงควรสังเกตดูลูกของตัวเองก่อนว่ามีความพร้อมที่จะเรียนรูปแบบการเรียนการสอนแบบนี้หรือไม่
บทความที่เกี่ยวข้อง : เปิดโอกาสให้ลูกได้ค้นหาตัวเอง ด้วยเทคนิคการเรียนแบบ Home School
โฮมสคูลมีกี่แบบ
แม้ว่าการเรียนโฮมสคูลจะเป็นการเรียนการสอนที่บ้าน แต่ก็ไม่ได้จำกัดว่าพ่อแม่และลูกจะต้องเรียนอยู่บ้านเพียงอย่างเดียว โดยโฮมสคูลนั้นยังสามารถแบ่งออกได้หลายประเภทดังนี้
1. แบบเดี่ยว พ่อแม่จะเป็นคนประเมินผลการเรียนของลูกเองร่วมกับทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
2. แบบกลุ่ม จะเรียนร่วมกับครอบครัวที่ทำการเรียนแบบโฮมสคูล ซึ่งจะมีการเรียนแยกกันของแต่ละบ้าน แต่จะมีการนัดทำกิจกรรมร่วมกันด้วย
3. แบบรวมศูนย์ เป็นการรวมตัวของครอบครัวที่ทำการเรียนแบบโฮมสคูล โดยจะจัดตั้งศูนย์การเรียนกลุ่มครอบครัว ซึ่งจะมีครอบครัวของแต่ละบ้านทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการที่คอยดูแลบริหารจัดการ
4. แบบตกลงกับโรงเรียน การเรียนแบบนี้พ่อเแม่จะเป็นคนคอยสอนลูกเอง ส่วนการประเมินผลทางโรงเรียนจะประเมินผลเอง และจะมีการออกใบรับรอง การสนับสนุนสื่อสารเรียน การใช้สถานที่ทำกิจกรรม หรือทำกิจกรรมร่วมกับนักเรียนในโรงเรียนบางโอกาส
5. แบบการเรียนการสอนออนไลน์ โดยวิธีการเรียนนี้จะใช้หลักสูตรโฮมสคูลจากต่างประเทศ
ข้อดีของการเรียนที่บ้าน
การให้ลูกเรียนที่บ้านนั้นมีข้อดีหลายอย่าง คือ เปิดโอกาสให้ลูกได้เรียนในสิ่งที่ชอบและมีความถนัด อีกทั้งยังสามารถแสดงศักยภาพของตัวเองได้ นอกจากนี้ ยังมีข้อดีอื่น ๆ เช่น
- พ่อแม่สามารถวางแผนการเงินได้ตามโครงสร้างของครอบครัว
- ช่วยให้พ่อแม่มีเวลาอยู่กับลูก และคอยดูพัฒนาการของลูกได้อย่างเต็มที่
- มีความยืดหยุ่นเรื่องวันเวลา และสามารถเรียนจบเร็วกว่าหลักสูตรแบบปกติ
- เป็นการเรียนการสอนที่ถนัดต่อความต้องการและความสนใจของลูก ไม่จำเป็นต้องไปเรียนในหลักสูตรกลาง
บทความที่เกี่ยวข้อง : เรียนออนไลน์ของเด็กประถม ดูได้ที่ไหน เหมาะกับใครบ้าง
ข้อเสียของการเรียนที่บ้าน
ถึงแม้การเรียนโฮมสคูลจะเปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนในสิ่งที่ชอบและมีความสนใจ แต่ก็ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลเสียต่อพ่อแม่และลูกเอง เช่น
- ขาดทักษะทางสังคม เพราะมีโอกาสเข้าสังคมน้อย
- พ่อแม่ต้องคอยวางแผนหลักสูตรการสอนและปรับความรู้ต่าง ๆ ให้ทันต่อเหตุการณ์
- ไม่เหมาะกับพ่อแม่ที่ไม่มีเวลา เพราะการเรียนรูปแบบนี้พ่อแม่จะต้องคอยสอนและประเมินผลการเรียนลูก
- ลูกอาจมีอิสระจนควบคุมไม่ได้ เพราะพ่อแม่หลายคนเข้าใจว่าการเรียนแบบโฮมสคูลคือการปล่อยลูกให้มีอิสระนั่นเอง
ให้ลูกเรียนที่บ้านจะเข้ามหาวิทยาลัยได้ไหม
พ่อแม่หลายคนอาจสงสัยว่าการเรียนโฮมสคูลลูกจะได้วุฒิการศึกษาเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ไหม จริง ๆ แล้วการเรียนโฮมสคูลก็สามารถรับวุฒิการศึกษาได้เช่นเดียวกัน อีกทั้งยังมีหลายวิธีที่จะรับวุฒิการศึกษาด้วย เช่น
-
การลงทะเบียนกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
หากพ่อแม่ต้องการให้ลูกได้วุฒิการศึกษาก็สามารถไปยื่นเรื่องได้ที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตามเขตที่อาศัยอยู่ ซึ่งการยื่นเรื่องกับทางสำนักเขตพ่อแม่จะได้รับเงินสนับสนุนค่าเทอมด้วย เช่น ค่าหนังสือ ค่าเรียน และค่าอุปกรณ์การเรียน เป็นต้น ซึ่งจะสามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลไปจนถึงชั้นมัธยม
-
ลงทะเบียนเรียนที่กศน.
อีกหนึ่งวิธีที่สามารถขอรับวุฒิการศึกษาได้ คือการลงทะเบียนเรียนที่การศึกษานอกระบบ (กศน.) ซึ่งการลงทะเบียนที่กศน. อาจต้องเรียนหลักสูตรของกศน.เอง และเมื่อเรียนครบวิชาและระยะที่กำหนดไว้แล้ว พ่อแม่ก็สามารถให้ลูกสอบเพื่อขอวุฒิการศึกษาได้ โดยทางกศน.จะเปิดรับระดับชั้นมัธยมต้นและมัธยมปลายเท่านั้น
-
เข้าร่วมกับโรงเรียนที่รับเด็กโฮมสคูล
ทางเลือกถัดมาคือการเข้าร่วมกับโรงเรียนที่เปิดรับเด็กโฮมสคูล ซึ่งการเรียนการสอนแบบนี้ พ่อแม่อาจต้องจ่ายค่าเทอมตามปกติ แต่ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปเรียน สามารถให้ลูกเรียนได้ที่บ้านตามหลักสูตรที่ได้รับมา ซึ่งหากลูกเรียนครบหลักสูตรแล้วสอบผ่าน ก็จะได้รับวุฒิการศึกษาที่ออกโดยโรงเรียนนั้น ๆ
-
สอบเทียบวุฒิการศึกษาต่างประเทศ
ในการเรียนโฮมสคูล นอกจากจะสอบเทียบเพื่อขอวุฒิการศึกษาของประเทศไทยแล้ว ยังสามารถขอสอบเทียบวุฒิการศึกษาต่างประเทศได้อีกด้วย โดยอาจแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ การสอบ GED ในระบบอเมริกัน และการสอบ IGCSE & A-Level ในระบบอังกฤษ พ่อแม่สามารถให้ลูกเลือกสอบแบบไหนก็ได้
บทความที่เกี่ยวข้อง : Work from home ทำยังไงลูกก็ต้องเลี้ยง งานก็ต้องทำ จะทำอย่างไรให้ลูกไม่กวน?
พ่อแม่ควรเตรียมตัวอย่างไรหากให้ลูกเรียนที่บ้าน
สำหรับพ่อแม่ที่จะเริ่มการเรียนการสอนแบบโฮมสคูลควรตรวจสอบความพร้อมของตัวเองก่อนอันดับแรก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสถานที่ เวลา และการเงิน หลังจากนั้นจะต้องศึกษาข้อมูลการเรียนการสอนให้ครบถ้วน เช่น การออกแบบหลักสูตรให้เหมาะสม หรือการจัดตารางเรียน โดยในส่วนนี้สามารถปรึกษากับสำนักงานพื้นที่การศึกษา หรือกลุ่มโฮมสคูลในอินเทอร์เน็ตเพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้
ทั้งนี้ พ่อแม่หลายคนอาจรู้สึกกังวลว่าตัวเองอาจจะสอนลูกไม่ได้หรือไม่ดีพอ แต่จริง ๆ แล้ว พ่อแม่สามารถจ้างครูหรือติวเตอร์มาสอนวิชาที่ตัวเองไม่ถนัดได้ เพราะไม่ได้ถือว่าผิดกติกาของการเรียนการสอนแบบนี้
การเรียนการสอนแบบโฮมสคูล ต้องอาศัยเวลาและความตั้งใจของพ่อแม่เป็นอย่างมาก ซึ่งปัจจุบันพ่อแม่หลายคนก็เริ่มหันมาให้ลูกเรียนที่บ้านเพื่อความยืดหยุ่นในการเรียนการสอน อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้ลูกได้เรียนสิ่งที่ตัวเองถนัดและมีความสนใจ ซึ่งการเรียนโฮมสคูลเองก็สามารถวุฒิการศึกษาได้เช่นเดียวกับการเรียนในโรงเรียนแบบปกติ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
รวมค่าเทอมโรงเรียนนานาชาติปี 2023 ผู้ปกครองเตรียมเงินรอเลย!
หลักสูตร STEM กับ STEAM คืออะไร มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง?
เลือกโรงเรียนนานาชาติ ต้องดูอะไรบ้าง? มีอะไรที่เราควรดู เพื่อให้ได้โรงเรียนที่ดี
ที่มา : interpass, houseofgriffin