จากงานบรรยายของสมาคมไทสร้างสรรค์ โดยคุณระพีพรรณ พัฒนาเวช และอาจารย์พรอนงค์ นิยมค้า ได้แนะว่า เทคนิคการสอนให้อ่านออกเขียนได้ ต้องเริ่มจากที่พ่อแม่อ่านหนังสือให้ลูกฟัง อ่านวันล่ะ 5-10 นาที โดยการเอาลูกมานั่งบนตักและกอดไว้ เพราะเด็กจะค่อยๆ เรียนรู้ ซึมซับคำพูดต่างๆ ทั้งที่พ่อแม่ไม่ได้สอน หากเด็กชอบเรื่องไหนมากๆ แล้วล่ะก็ เขาก็จะให้เราอ่านให้ฟังซ้ำๆ จนสามารถจำเนื้อเรื่องได้ทั้งเล่ม ฉะนั้นหนังสือภาพถ้าเราสามารถให้เด็กได้สัมผัสตั้งแต่ตอนเล็กๆ เด็กจะเรียนรู้ได้เร็ว สอนอ่านภาษาไทย ถึงแม่ว่าช่วงแรกๆ ลูกจะชอบเอาหนังสือมาก็ตาม แต่นานๆ ไปเด็กจะเริ่มจ้องภาพในหนังสือ และจะเริ่มสนใจมันมากขึ้นด้วย
รูปเด็กอ่านหนังสือ สอนอ่านภาษาไทย
เทคนิคการสอนให้อ่านออกเขียนได้ เริ่มต้นฝึกลูกอ่านยังไงดี?
สอนอ่านภาษาไทย เด็กอ่านหนังสือ สำหรับเด็กที่โตขึ้นมาหน่อยที่อ่านหนังสือไม่คล่อง รูปเด็กอ่านหนังสือ สะกดไม่ค่อยจะถูก คุณบุญเสริม แก้วพรหม ผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่น เนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติ ประจำปี 2556 ได้อธิบายวิธีการที่จะช่วยให้เด็กอ่านออกเขียนได้ ดังนี้
- วิธีที่ดีที่สุดในการสอนภาษาไทยให้อ่านออกเขียนได้ คือ การสอนสะกดคำ แจกลูก ท่องจำและไล่หนังสือ และต้องอาศัยการเรียนการสอนแบบ “ฝึก ซ้ำ ย้ำ ทวน”
- ต้องสอนตาม ลำดับขั้น ในการสอนให้อ่านออกเขียนได้ ประกอบด้วย
- ต้องรู้จักพยัญชนะ โดยพ่อแม่สามารถสอนลูกให้รู้จักกับพยัญชนะไทยทั้ง 44 ตัว รวมถึง รูป และ เสียง ของพยัญชนะ
- ให้ลูกได้รู้จักสระ ต้องค่อยๆ สอนให้ลูกอ่านออกเสียงสระแต่ละตัว พร้อมกับฝึกเขียนไปด้วย
- สอนสะกดคำ และแจกลูก ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดสำหรับการอ่านและเขียน แล้วมันคืออะไรล่ะ การสะกดคำก็คือ การที่แยกส่วนประกอบของคำ เช่น “ชา” สะกดคำว่า “ชอ-อา-ชา” ส่วนการแจกลูก หมายถึง การแตกส่วนประสมออกไปเพื่อฝึกประสมคำ เช่น มะ มา มิ มี มึ มื มุ มู … หรือ กา ขา คา งา จา ฉา …
- เริ่มเรียนรู้การผันวรรณยุกต์ โดยยึดตามหนังสือเรียนของเด็กเป็นหลัก จะได้ไม่ยากจนเกินไป
- สอนลูกให้อ่านเขียนคำที่มีตัวสะกดตรงตามมาตรา รวมถึงสอนให้ผันวรรณยุกต์คำที่มีตัวสะกดตรงตามมาตราด้วย
- เมื่อเข้าใจในเรื่องการสะกดตรงมาตราแล้ว ลองให้ฝึกอ่านเขียนคำที่สะกดไม่ตรงมาตราบ้าง
- ขั้นต่อมาให้อ่านเขียนคำควบกล้ำ แล้วต่อด้วยอักษรนำ
- สุดท้าย เป็นคำที่มีตัวการันต์ ฤ ฤๅ ฦ ฦๅ และคำที่มีลักษณะพิเศษ
สิ่งที่พ่อแม่ควรคำนึงอยู่เสมอ เวลาที่สอนลูกหัดอ่าน หัดเขียน คือ ต้องสอนตามลำดับขั้นตอน จากง่ายไปสู่ที่ยากขึ้น พยายามให้ลูกฝึกอ่าน ฝึกเขียน อย่างช้าๆ อย่ารวบรัด แต่ให้ฝึก ซ้ำ ย้ำ ทวน แต่ทั้งบางครั้ง การที่ให้ลูกอ่านแต่ตำราเรียนมากเกินไป ลูกก็จะเจอแต่คำในหนังสือเท่านั้น พ่อแม่ลองพาลูกไปซื้อหนังสืออ่านเสริมอ่านๆ อาจจะเป็นนิทาน หนังสือการ์ตูน วรรณกรรมเยาวชน หรือนิยายก็ได้ โดยที่ต้องเปิดใจให้กว้าง ไม่ใช่ว่าหนังสือการ์ตูน หรือนิยายอ่านแล้วไม่มีประโยชน์ แต่หนังสือเหล่านั้นจะทำให้เด็กได้เจอคำที่หลากหลาย สำนวนการเขียนที่มีชั้นเชิง สามารถเอาไปประยุกต์ใช้ได้ในอนาคต
บทความที่น่าสนใจ : เมื่อไหร่ลูกจะอ่านออกเขียนได้ พ่อแม่ควรสอนลูกยังไง ใช้เวลานานแค่ไหน?
เทคนิคการสอนให้อ่านออกเขียนได้ ที่ทำได้ในระยะยาว
นิยายก็มีส่วนให้เด็กเป็นคนจิตใจดีได้นะ ถือเป็น ถ้าพูดถึงนิยายแฟนตาซีเรื่องดัง ที่นำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ภาคต่อหลายตอนขวัญใจคนทุกเพศทุกวัย หนึ่งในนั้นต้องมีเรื่อง “Harry Potter” ด้วยตัวละครที่เป็นเอกลักษณ์ ให้ข้อคิดอะไรดีๆ มากมาย ทำให้นักวิจัยสนใจที่ศึกษากลุ่มคนทั้งที่เป็นเด็ก วัยรุ่น และผู้ใหญ่ที่ค่อนๆ ไปทางหนุ่มหน่อย ที่เป็นนักเรียนอยู่ในชั้นมัธยมต้น มัธยมปลาย และนักศึกษามหาวิทยาลัย ให้ทำการตอบคำถามเกี่ยวกับมุมมองของพวกเขาที่มีต่อผู้อพยพ และในระหว่างการศึกษาเป็นเวลากว่า 6 สัปดาห์พวกเขาก็จะถูกชักชวนให้พูดคุยถึงเรื่องราวที่อยู่ในนิยายอีกด้วย
ผลงานวิจัยในด้านจิตวิทยาประยุกต์ สรุปว่า เด็กที่อ่านนวนิยาย Harry Potter จะช่วยให้พวกเขาเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีความเป็นคนที่มีจิตใจดี เป็นคนที่ใจกว้างพร้อมเปิดใจรับสิ่งต่างๆ และมีอคติกับเหล่าเหล่าชนกลุ่มน้อยน้อยมาก เหตุผลเพราะมุมมองของ Harry (ในเรื่อง) ที่มีต่อทุกคนและทุกสิ่งมีชีวิตที่เขาพบเจอในระหว่างการเดินทาง เขาจะเปิดใจยอมรับ ทั้งยังมีความคิดที่แน่วแน่ ไม่โลเล จึงทำให้ผู้คนที่ชื่นชอบตัวละครตัวนี้ เมื่อใครก็ตามที่ชอบตัว Harry พวกเขาจะมีมุมมองและทัศนคติไปในทิศทางเดียวกันตัวเอกของเรื่อง
นอกจากนี้งานวิจัยยังเผยข้อมูลที่น่าสนใจถึงกลุ่มคนเป็นผู้ใหญ่ หากพวกเขาไม่ชอบ Voldermort ก็จะมีแนวคิดที่เปิดใจกว้างยอมรับเหล่าผู้อพยพและชนกลุ่มน้อย ส่วนคนที่มีความสนใจและฝักใฝ่ในด้านมืด ก็จะมีความคิดที่รุนแรงมากกว่าเด็กคนอื่นๆ เช่นกัน
นิยาย การ์ตูน ใช่ว่าจะไร้สาระ เพียงแต่พ่อแม่ต้องสอนลูกให้รู้จักแยกแยะ ต้องเลือกหนังสือให้ลูกที่เหมาะกับวัย เมื่อเขาโตพอที่จะแยกแยะอะไรดี ไม่ดีได้แล้ว เมื่อนั้นพ่อแม่ควรเปิดโอกาสให้ลูกได้เลือกอ่านในสิ่งที่เขาชอบ ไม่แน่ว่าในหนังสือเล่มนั้นเขาอาจจะได้แง่คิดอะไรดีๆ ก็ได้
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!