ส่วนสูงเด็ก ช่วงวัยเรียนระดับชั้นประถม เป็นช่วงที่เด็กๆ มีอัตราการเพิ่มความสูงต่อปีมากที่สุด เพราะเป็นช่วงก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นตอนต้น เรียกได้ว่าเป็น “ช่วงเวลาทอง” ของการเพิ่มความสูงอีกด้วย โดยสำหรับเด็กผู้หญิงจะเริ่มในช่วงอายุ 9-10 ปี และเด็กผู้ชายจะเริ่มในช่วงอายุ 10-12 ปี
แต่ในความเป็นจริงแล้ว คุณพ่อคุณแม่ไม่จำเป็นจะต้องรอจนถึงช่วงเวลาทองแล้วจึงค่อยส่งเสริมพัฒนาการด้านร่างกายของลูกเท่านั้น เราสามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่ลูกเริ่มเข้าสู่วัยเรียน โดยก่อนเข้าวัยประถม เด็กจะสูงขึ้นเฉลี่ยแล้ว 5-6 ซม. ต่อปี เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย
อย่างไรก็ตาม วิธีการต่าง ๆ นานาที่ช่วยเพิ่มส่วนสูงเด็ก จำเป็นต้องพิจารณาด้วยว่าไม่ใช่ทุกวิธีที่เหมาะใช้แก่ลูกวัยเด็กเล็ก คุณพ่อคุณแม่จึงต้องเลือกปรับใช้ให้เหมาะกับช่วงวัยของลูกด้วย
เพิ่มส่วนสูงเด็ก ก่อนวัยเรียนด้วยการออกกำลังกาย
มีหลักการคือเป็นการออกกำลังกายหรือกีฬาประเภทต่าง ๆ ที่ช่วยในการยืดตัวของเด็ก โดยจำเป็นต้องอาศัยความต่อเนื่อง ดังนั้น เพื่อให้เด็ก ๆ สามารถทำได้อย่างสม่ำเสมอสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ คุณพ่อคุณแม่อย่างเราจะต้องเป็นแรงสนับสนุนที่ดี ให้ลูกมีทัศนคติที่ดีต่อการออกกำลังกายประเภทนี้ จะช่วยให้เขาไม่เบื่อและสามารถสนุกไปกับการเล่น
-
กระโดดเชือก
การกระโดดเชือกเป็นกีฬาเพิ่มความสูงที่ทำได้ง่าย และทำได้ทุกที่ ในการกระโดดเชือกร่างกายของเด็ก ๆ จะเกิดการเหยียดตรงในส่วนกล้ามเนื้อหลัง กล้ามเนื้อกลางลำตัว กล้ามเนื้อขา เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อข้อเท้า การกระโดดเชือกจึงสามารถทำให้เด็กวัยเจริญเติบโตสูงขึ้นได้
การกระโดดเชือกยังทำให้ร่างกายสามารถเผาผลาญได้ถึง 1,300 กิโลแคลอรีต่อชั่วโมง โดยควรกระโดดเชือกอย่างน้อยวันละ 10 – 15 นาที การกระโดดเชือกอย่างต่อเนื่องเป็นการเพิ่มสมาธิ และฝึกความอดทนให้กับร่างกาย นอกจากเด็ก ๆ จะสูงเพิ่มขึ้นแล้วยังทำให้หุ่นดีด้วย
-
กระโดดบนแทรมโพลีน
การกระโดดบนแทรมโพลีน นอกจากได้ความสนุกแล้วยังช่วยพัฒนาเรื่องความสูงให้กับเด็ก ๆ ได้ดีอีกด้วย เพียงการกระโดดบนแทรมโพลีนวันละ 10 นาที เท่ากับออกกำลังกายถึง 45 นาที และการกระโดดบนแทรมโพลีนเพียงวันละ 20 นาทีจะทำให้เด็ก ๆ สามารถสูงขึ้นได้ตั้งแต่ 2.5-10 เซนติเมตร
อีกทั้งการกระโดดบนแทรมโพลีน เด็ก ๆ กระโดดแล้วจะหัวเราะมีความสุข ได้เหงื่อ ได้ออกกำลังกายแล้วรู้สึกสดชื่น เมื่อถึงเวลา อ่านหนังสือ ทำการบ้าน จึงมีความตื่นตัว มีสมาธิ และเมื่อออกกำลังกายจนเหนื่อยเด็กจะมีความอยากรับประทานอาหาร ทานอาหารได้อย่างเอร็ดอร่อย นอนหลับได้ยาวนานขึ้น จึงส่งผลโดยตรงกับการเพิ่มความสูง
-
โยคะ
การฝึกโยคะเน้นความแข็งแรง และความยืดหยุ่นของกระดูกสันหลัง ซึ่งหากเด็ก ๆ มีการฝึกอย่างต่อเนื่องจะทำให้ช่วงลำตัวของเด็ก ๆ สามารถยืดได้อย่างรวดเร็ว และแข็งแรง
การฝึกโยคะนอกจากจะทำให้ร่างกายสูงขึ้นแล้ว ยังทำให้ร่างกายของเด็กวัยเจริญเติบโตมีสัดส่วนร่างกายที่สมส่วนอีกด้วย การฝึกโยคะควรฝึกสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งสามารถฝึกได้ทั้งแบบโยคะร้อน และโยคะเย็น
-
วิ่งจ๊อกกิ้ง
ในเวลาที่วิ่ง อวัยวะมีการทำงานหลายส่วนต่อเนื่อง หัวใจเต้นเร็ว ร่างกายมีการสูบฉีดเลือดไปหล่อเลี้ยงทั่วร่างกาย ระบบหายใจทำงานมากขึ้น 2-3 เท่า มีการวิจัยที่ตีพิมพ์ออกมาแล้วว่า เป็นกระบวนการที่สนับสนุนให้เกิดการหลั่งโกรทฮอร์โมน หรือฮอร์โมนการเจริญเติบโตในเด็ก ที่ทำหน้าที่กระตุ้นให้เกิดการยืดตัวเพิ่มความสูง
โดยเวลาที่ดีต่อร่างกายแนะนำวิ่งในช่วงเช้า 5-6 โมงเช้า หรือช่วงบ่าย/เย็น ควรวิ่งบ่อย ๆ อย่างน้อยประมาณสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งหรือดีที่สุดคือในทุก ๆ วัน ครั้งละประมาณ 30-45 นาที
บทความที่เกี่ยวข้อง : วิธีคำนวณความสูงลูก ส่วนสูง ทารกแรกเกิด คํานวณส่วนสูงตามอายุ ส่วนสูงลูกน้อย วิธีคำนวณความสูง
สารอาหารและวิตามินต่าง ๆ ที่ช่วยเพิ่มส่วนสูงเด็ก
การดูแลโภชนาการให้กับลูกคือเคล็ดลับที่พ่อแม่สามารถทำได้ในทุกวัน เพื่อให้ลูกเติบโตได้อย่างแข็งแรงสมวัย เพราะเด็กๆ ต้องได้กินอาหารครบ 5 หมู่ และในปริมาณที่เหมาะสมกับวัยของเขา สำหรับสารอาหารและวิตามินต่าง ๆ ที่ช่วยเพิ่ม ส่วนสูงเด็ก มีดังนี้
- แคลเซียม (Calcium)
แคลเซียมนั้นเป็นสารอาหารที่จำเป็นอย่างมากสำหรับวัยที่กำลังโต หรือวัยแห่งการพัฒนาการทางร่างกาย เนื่องจากกระดูกกำลังยืดตัวจึงจำเป็นที่จะต้องใช้แคลเซียมจำนวนมากในการเสริมโครงสร้างของมวลกระดูกให้แข็งแรง ไม่แตก หัก และเปราะง่าย ดังนั้นหากทานแคลเซียมในปริมาณที่มากพอก็จะทำให้ร่างกายดึงนำไปใช้งานได้สบาย ๆ แต่ถ้าหากแคลเซียมไม่พอก็อาจจะส่งผลให้การพัฒนาของมวลกระดูกไม่แข็งแรงเท่าที่ควร
แหล่งอาหารที่มีแคลเซียมสูง : นมสด นมถั่วเหลือง ชีส ปลาซาดีน อัลมอนด์ เต้าหู้เหลือง คะน้า ใบชะพลู กุ้งแห้ง ปลาตัวเล็กตัวน้อย
- โปรตีน (Protein)
สารอาหารที่ขาดไม่ได้ที่จำเป็นพอ ๆ กับแคลเซียมเลยก็คือ โปรตีน เนื่องจากโปรตีนมีส่วนช่วยในเรื่องของการเสริมสร้างกล้ามเนื้อมัดเล็กมัดใหญ่ให้สมบูรณ์ ช่วยควบคุมการทำงานของอวัยวะส่วนต่าง ๆ ช่วยรักษาสมดุลน้ำตาลในเลือด รักษา และซ่อมแซมเนื้อเยื่อ และเซลล์ต่าง ๆ และยังเป็นสารอาหารที่จำเป็นมากในการระบบประสาท ช่วยให้ต่อมใต้สมองผลิตโกรทฮอร์โมน (Growth hormones) ที่ช่วยในการยืดกระดูกให้ยาวขึ้น
แหล่งอาหารที่มีโปรตีนสูง : ไข่ อกไก่ เนื้อแดงไม่ติดมัน ข้าวโอ๊ต กรีกโยเกิร์ต บรอกโคลี ปลาทูน่า ปลาแซลมอน กุ้ง ควินัว เมล็ดฟักทอง กะหล่ำดาว ถั่ว
- วิตามินบี 1 (Vitamin B 1)
เป็นวิตามินที่มีส่วนช่วยในเรื่องของเร่งการเจริญเติบโต บำรุงเลือด บำรุงระบบหัวใจระบบประสาท และยังช่วยให้เรื่องของระบบการย่อย และดูดซึมสารอาหารให้เป็นไปอย่างปกติ ซึ่งหากร่างกายได้รับวิตามินชนิดนี้มีอย่างเพียงพอ ก็จะทำให้ร่างกายเราได้รับสารอาหารได้ดียิ่งขึ้น
แหล่งอาหารที่มีวิตามินบี 1 สูง : พืชตระกูลถั่วชนิดต่าง ๆ ข้าวโอ๊ต ไข่ เนื้อสัตว์
- วิตามินบี 2 (Vitamin B 2 )
สำหรับวิตามินบี 2 นี้จะมีส่วนช่วยในด้านของการพัฒนากระดูก บำรุงผม เล็บ และผิวหนังให้แข็งแรงไม่หลุดลอก หรือขาดง่าย นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นในการสร้างเซลล์ใหม่ให้ร่างกายมีพัฒนาการที่ไว
แหล่งอาหารที่มีวิตามินบี 2 สูง : เนื้อสัตว์ ไข่ ตับ และผักใบเขียว
- วิตามินดี 3 (Vitamin D 3)
วิตามินเพิ่มความสูงชนิดนี้ จะมีส่วนช่วยให้ร่างกายสามารถย่อย และดูดซึมแคลเซียมได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งเมื่อร่างกายสามารถนำแคลเซียมไปใช้ได้เร็ว ไว และเต็มประสิทธิภาพก็จะยิ่งช่วยเพิ่มโอกาสให้สูงเร็วยิ่งขึ้นแต่ถ้าหากร่างกายได้รับวิตามินชนิดนี้ไม่เพียงพอก็จะส่งผลให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุน กระดูกเปราะบางแตกหักได้ง่าย เจริญเติบโตช้า
แหล่งอาหารที่มีวิตามินดี 3 สูง : มะเขือเทศ ไข่แดง น้ำมันตับปลา ปลากระโทงดาบ หรือ จะออกไปตากแดดอ่อน ๆ ตอนเช้าก็สามารถรับวิตามินชนิดนี้ได้เช่นเดียวกัน
- วิตามินเค (Vitamin K)
วิตามินชนิดนี้มีส่วนช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในกระดูก รวมถึงช่วยผลิตโปรตีน Osteocalcin ซึ่งโปรตีนชนิดนี้จะเข้าไปช่วยซ่อมแซม และบำรุงรักษาเนื้อเยื่อบริเวณกระดูกให้มีความยืดหยุ่น ยืดง่าย เพิ่มความสูงได้เร็ว
แหล่งอาหารที่มีวิตามินเคสูง : กะหล่ำปลี บรอกโคลี ผักโขม กุยช่าย กวางตุ้ง แตงกวา(ทั้งเปลือก) ผักชีฝรั่ง โหระพา กะเพรา ถั่วเขียว องุ่น ลูกพรุน กีวี่ ลูกแพร์ กล้วย ตับ ไข่
- วิตามินเอฟ (Vitamin F)
วิตามินตัวนี้หลายคนอาจจะไม่ค่อยคุ้นหูเท่าไร เมื่อเทียบกับวิตามินกลุ่มอื่น ๆ แต่ว่ามีความจำเป็นและสำคัญอย่างมากเพราะวิตามินชนิดนี้ทำหน้าที่ช่วยละลายไขมันอิ่มตัว ช่วยในเรื่องของลดน้ำหนัก ลดไขมันส่วนเกินที่ไม่ดีออกจากร่างกายป้องกันไขมันเกาะหลอดเลือด และยังเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในการกระตุ้นกระบวนการสร้างเซลล์กระดูกเกิดใหม่ ช่วยให้กระดูกยืดตัวเร็ว ป้องกันกระดูกพรุนง่ายด้วย
แหล่งอาหารที่มีวิตามินเอฟสูง : น้ำมันข้าวโพด น้ำมันฝ้าย ถั่วลิสง ผลอะโวคาโด น้ำมันงา กลุ่มปลาแมคเคอเรล
บทความที่เกี่ยวข้อง : น้ำหนัก ส่วนสูง เด็กแต่ละช่วงวัย เท่าไหร่ถึงเรียกว่าตามเกณฑ์
นอนหลับอย่างไร? ช่วยเพิ่มส่วนสูงเด็ก
การนอนหลับพักผ่อนสำคัญต่อ ส่วนสูงเด็ก เพราะช่วงเวลาที่เด็กหลับสนิท ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนต่าง ๆ ที่มีผลต่อการเจริญเติบโต โดยเฉพาะฮอร์โมนที่มีชื่อว่า “โกรทฮอร์โมน (Growth Hormone)” ซึ่งทำหน้าที่ช่วยเพิ่มอัตราการเจริญเติบโตของร่างกาย ช่วยให้มวลกระดูกแข็งแรง มีขนาดยาว และใหญ่มากขึ้น ส่งผลให้ร่างกายสูงใหญ่ขึ้น
ซึ่งเวลาที่ฮอร์โมนจะหลั่งออกมาได้ดีที่สุดก็คือ ช่วงเวลาที่นอนหลับอย่างสนิทตั้งแต่เวลา 3-4 ทุ่ม ทั้งนี้ เด็กก่อนวัยเรียนตลอดจนเด็กวัยเรียนทั้งเด็กเล็ก และเด็กโต ควรได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอตามเวลาเฉลี่ยดังนี้
-
เด็กวัยแรกเกิด – 1 ปี
ควรนอนให้ได้ประมาณ 13.75 ชั่วโมง และควรนอนหลับแบบ Sleep nap (นอนระยะสั้น ๆ ประมาณ 15-20 นาที) ประมาณ 2 งีบต่อวัน
-
เด็กวัย 2 ปี
ควรนอนให้ได้ประมาณ 13 ชั่วโมง และควรนอนหลับแบบ Sleep nap (นอนระยะสั้น ๆ ประมาณ 15-20 นาที) ประมาณ 1 งีบต่อวัน
-
เด็กวัย 3 ปี
ควรนอนให้ได้ประมาณ 12 ชั่วโมง และควรนอนหลับแบบ Sleep nap (นอนระยะสั้น ๆ ประมาณ 15-20 นาที) ประมาณ 1 งีบต่อวัน
-
เด็กวัย 4 ปี
ควรนอนให้ได้ประมาณ 11.5 ชั่วโมง
-
เด็กวัย 5-9 ปี
ควรนอนให้ได้ประมาณ 10-11 ชั่วโมง
-
เด็กวัย 10-15 ปีขึ้นไป
ควรนอนให้ได้ประมาณ 9-10 ชั่วโมง
ดังนั้น หากลูกของคุณนอนดึกบ่อย ๆ นอนหลับไม่เพียงพอ หรือนอนหลับไม่ค่อยสนิท หลับ ๆ ตื่น ๆ หรือ ตื่นขึ้นมากลางดึกบ่อย ๆ หรือมีพฤติกรรมนอนดึกตื่นสาย คุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องปรับพฤติกรรมการนอนของลูก ๆ เสียใหม่เพื่อให้ร่างกายสามารถหลั่งโกรทฮอร์โมนได้ดี และส่งผลให้ ส่วนสูงเด็ก เพิ่มขึ้นนั่นเอง
ที่มา parenting.firstcry
บทความที่คุณอาจจะสนใจ
ยิมนาสติก เริ่มเรียนได้แต่อายุเท่าไหร่? เรียนแล้วดีต่อลูกของเราอย่างไรบ้าง?
กระโดดเชือกให้หุ่นเป๊ะปัง 9 ประโยชน์การกระโดดเชือก ที่ไม่ควรมองข้าม !
ความสูงสร้างโอกาสในอนาคตของลูกได้จริงหรือไม่?