สำหรับบางครอบครัวที่กำลังวางแผนว่าจะฝึกให้ลูกน้อยกินอาหารเอง การเลือกใช้เก้าอี้กินข้าวสำหรับเด็กที่เหมาะสมกับสรีระร่างกายและช่วงวัย รวมถึงมีความปลอดภัยต่อลูกน้อย เป็นสิ่งสำคัญมากนะคะ เพราะนอกจากจะเป็นที่นั่งสำหรับกินอาหารพร้อมหน้ากับคุณพ่อคุณแม่แล้ว เก้าอี้ทรงสูงสำหรับให้ลูกน้อยนั่งหม่ำนี้ ยังช่วยเสริมสร้างพัฒนาการในการกินอาหาร รวมถึงฝึกระเบียบวินัยบนโต๊ะอาหารให้ลูกได้อีกด้วย ดังนั้น เราจึงมีเคล็ดลับดีๆ ในการเลือกซื้อเก้าอี้กินข้าวสำหรับเด็กมาฝาก มาดูกันค่ะว่า 5 วิธีเลือกเก้าอี้กินข้าวเด็ก ให้เหมาะสม ปลอดภัย สะดวกสบายทุกมื้อ ของ theAsianparent ในบทความนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง
ทำไม? วิธีเลือกเก้าอี้กินข้าวเด็ก ให้เหมาะสม จึงมีความสำคัญ
“เก้าอี้สูง” หรือ “เก้าอี้กินข้าวเด็ก” เป็นมากกว่าที่นั่งสำหรับลูกน้อยนะคะ แต่เป็นเสมือนพื้นที่ปลอดภัยที่ลูกสามารถสำรวจอาหารใหม่ๆ เรียนรู้ที่จะดูแลตัวเองในระหว่างมื้ออาหาร และมีส่วนร่วมในการกินอาหารกับคุณพ่อคุณแม่ด้วย วิธีเลือกเก้าอี้กินข้าวเด็ก จึงสำคัญ และจำเป็นต้องมีความพิถีพิถันอยู่พอสมควร เนื่องจาก การเลือกเก้าอี้กินข้าวเด็ก ที่ดี จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการของลูกน้อย ด้วยการจัดที่นั่งที่สะดวกสบาย และปลอดภัย เพื่อให้มั่นใจว่าประสบการณ์การกินอาหารของลูกจะปลอดภัยและสนุกสนานในทุกๆ มื้อ นอกจากนี้ เก้าอี้กินข้าวเด็กที่เหมาะสมยังทำให้ชีวิตของคุณพ่อคุณแม่ง่ายขึ้นด้วยฟังก์ชันต่างๆ ทั้งการปรับความสูงได้ พื้นผิวที่ทำความสะอาดง่าย และดีไซน์แบบพับได้เพื่อการจัดเก็บที่สะดวกด้วยค่ะ
ควรให้ลูกน้อยใช้เก้าอี้กินข้าวเมื่อไหร่ดี?
การจะเลือกเก้าอี้กินข้าวเด็กให้ลูกน้อยนั้น ควรรอให้อายุเลย 6 เดือนไปก่อนค่ะ เนื่องจากเป็นช่วงที่คุณแม่สามารถให้ลูกเริ่มกินอาหารชนิดอื่นเพิ่มเติม ควบคู่กับการกินนมแม่ได้แล้ว อย่างไรก็ตาม คุณพ่อคุณแม่อาจมีการพิจารณาจากปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วยว่าควรให้ลูกใช้เก้าอี้กินข้าวเมื่อไหร่ดี คือ
- ลูกต้องสามารถควบคุมศีรษะและคอของตัวเองได้แล้ว หรือสามารถนั่งในแบบที่คอมั่นคงไม่โยกเยกไปมา
- ลูกสามารถหยิบจับวัตถุขนาดเล็กได้แล้ว
- ลูกกินอาหารด้วยช้อนได้แล้ว กลืนอาหารได้ รวมถึงมีความสนใจต่ออาหารอื่นๆ นอกจากนมแม่
- ลูกน้อยสามารถลุกขึ้นนั่งได้ด้วยตัวเอง
สัญญาณเหล่านี้คือสิ่งที่จะช่วยบอกคุณพ่อคุณแม่ได้ค่ะว่า ลูกน้อยตัวแข็งพอที่จะเริ่มนั่งเก้าอี้กินข้าวสำหรับเด็กได้แล้ว
5 วิธีเลือกเก้าอี้กินข้าวเด็ก ให้เหมาะสม ปลอดภัย สะดวกสบายทุกมื้อ
เนื่องจากลูกน้อยต้องใช้เก้าอี้กินข้าวเด็กเป็นไอเท็มเสริมแทบทุกมื้ออาหารยาวนานประมาณ 2 ปี เก้าอี้ที่คุณพ่อคุณแม่จะต้องเลือกซื้อจึงควรต้องมีความทนทานเพียงพอต่อระยะเวลาการใช้งานด้วย ทั้งยังต้องมีความปลอดภัย ผลิตได้มาตรฐาน ใช้งานง่าย และทำความสะอาดง่าย ซึ่งในท้องตลอดนั้นมีเก้าอี้กินข้าวเด็กให้เลือกหลากหลายประเภท ผลิตจากวัสดุที่แตกต่างกันไป ทั้งพลาสติก ไม้ ฯลฯ ไม่ว่าจะเป็นเก้าอี้กินข้าวเด็กแบบมาตรฐาน รุ่นพับได้ แบบหนีบ และแบบที่ปรับระดับความสูงและขนาดตามวัยของลูกน้อยได้
และอย่างที่บอกค่ะว่าการเลือกเก้าอี้กินข้าวที่เหมาะสมจะช่วยให้ลูกน้อยรู้สึกปลอดภัย สบาย และสนุกกับการทานอาหารมากยิ่งขึ้น ดังนั้น มาดู 5 วิธีเลือกเก้าอี้กินข้าวเด็ก ให้เหมาะสม ที่เรานำมาฝากกันค่ะ ว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่คุณพ่อคุณแม่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อไอเท็มนี้ให้กับลูกน้อย
-
ความปลอดภัยสำคัญที่สุด
เมื่อพูดถึงไอเท็มสำหรับลูกน้อย ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเสมอ เก้าอี้กินข้าวเด็กที่คุณพ่อคุณแม่เลือกซื้อจึงควรมีลักษณะและคุณสมบัติที่ปลอดภัย ดังนี้
- มีฐานที่แข็งแรง มีความมั่นคง ไม่ล้มง่าย แม้ว่าลูกน้อยจะนั่งยุกยิกไปมาก็ตาม
- ควรมีสายรัดที่แน่นหนา ปรับระดับได้ และสามารถรัดตัวลูกน้อยได้พอดี โดยควรมีระบบสายรัด 5 จุด เพื่อให้ลูกน้อยนั่งอยู่กับที่อย่างปลอดภัย
- ตัวเก้าอี้ไม่มีขอบแหลมคมที่เสี่ยงจะก่อให้เกิดอันตราย หรือมีร่องที่อาจหนีบเนื้อลูกได้
- มีขนาดพอดีกับลูกน้อย (หรือสามารถปรับขนาดให้เหมาะสมกับช่วงวัยของลูกได้) หากเบาะที่นั่งของเก้าอี้ใหญ่เกินไป ลูกน้อยอาจเคลื่อนไหว ขยับไปมาได้มากเกินไป แต่หากมีขนาดเล็กเกินไป ตัวลูกอาจถูกบีบหรือ ถูกดันเข้ากับถาดหรือด้านข้างของเก้าอี้ได้
-
ฟังก์ชันการใช้งานที่เหมาะสม
คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังเลือกเก้าอี้กินข้าวเด็กให้ลูก ต้องพิจารณาว่าเก้าอี้ที่เล็งไว้นั้น สามารถอุ้มลูกน้อยขึ้นและลงได้สะดวกหรือไม่ ขนาดของเก้าอี้พอดีกับพื้นที่ที่จะใช้งานไหม รวมถึงพิจารณาถึงฟังก์ชันการใช้งานอื่นๆ เช่น มีถาดที่คุณแม่สามารถใช้งานด้วยมือเดียวได้ มีความเบาเคลื่อนย้ายได้สะดวก โดยเฉพาะเมื่อมีจานข้าว แก้วน้ำดื่ม หรืออุ้มลูกน้อยอยู่ด้วยมืออีกข้าง หรือคุณแม่บางบ้านอาจเลือกเก้าอี้กินข้าวเด็กแบบมีล้อซึ่งสามารถล็อกล้อได้ หรือพับเก็บพิงผนังได้ เป็นต้น นอกจากนี้ ควรเลือกดีไซน์และสีสันที่สวยงาม เพื่อกระตุ้นให้ลูกน้อยสนใจและอยากนั่งกินอาหารได้ รวมถึงอาจเลือกแบบมีที่เก็บของเล็กๆ น้อยๆ จำพวกของเล่นหรือของใช้ส่วนตัวของเด็กไว้ด้วยก็ได้ค่ะ
-
ลูกน้อยต้องนั่งสบาย
อีกหนึ่ง วิธีเลือกเก้าอี้กินข้าวเด็ก ที่สำคัญและจำเป็นต้องพิจารณาอย่างยิ่งคือ ควรเลือกเบาะนั่งที่มีแผ่นรองกว้าง และได้รับการออกแบบให้รับกับสรีระท่าทางของลูกน้อย พนักพิงควรสูงพอที่จะรองรับหลังของเด็กได้อย่างมั่นคง หากมีที่พักเท้าแบบปรับได้จะยิ่งทำให้ลูกนั่งสบายขึ้นค่ะ
-
ทำความสะอาดง่าย
สำหรับลูกน้อยวัย 6 เดือนขึ้นไปที่เริ่มกินอาหารอื่นๆ เพิ่มเติมจากนมแม่ได้แล้ว ความเลอะเทอะระหว่างมื้ออาหารนั้นมีแน่นอนค่ะ ดังนั้น เก้าอี้กินข้าวเด็กที่คุณพ่อคุณแม่จะเลือกซื้อจึงควรทำความสะอาดได้ง่าย เลือกวัสดุที่ปลอดสารพิษ ไม่เป็นอันตรายต่อเด็ก เช่น พลาสติก food grade หรือไม้ที่เคลือบด้วยสารป้องกันเชื้อรา กรณีเป็นผ้าหุ้มเบาะนั่ง ควรถอดซักได้ หรือมีพื้นผิวเรียบที่สามารถเช็ดออกได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ต้องดูด้วยว่าเบาะที่นั่งและโครงของเก้าอี้ประกอบเข้ากันดีไหม เศษอาหารสามารถเข้าไปตกค้างอยู่ตามจุดต่างๆ จนทำความสะอาดได้ยากหรือเปล่า
-
ปรับระดับได้ และใช้งานได้นาน
เพื่อความคุ้มค่าในระยะยาว หากเป็นไปได้ คุณพ่อคุณแม่ควรเลือกเก้าอี้กินข้าวของลูกน้อยแบบปรับระดับตามการเจริญเติบโตของสรีระร่างกายลูกได้ จะได้ไม่ต้องซื้อหรือเปลี่ยนบ่อยๆ โดยอาจเป็นเก้าอี้ที่ปรับระดับความสูงได้ ที่นั่งปรับเอนได้ และถาดแบบถอดได้ ให้ลูกน้อยได้ใช้งานได้ตั้งแต่วัยทารกไปจนถึงวัยเตาะแตะเลยค่ะ
การเลือกเก้าอี้กินข้าวเด็กที่ดีนั้นสำคัญมากนะคะ จะนับว่าเป็นการลงทุนเพื่อพัฒนาการอีกก้าวหนึ่งของลูกน้อยก็ได้ อย่างไรก็ตาม ก่อนตัดสินใจซื้อ ควรพิจารณาความต้องการของลูกน้อยเป็นหลัก และเลือกเก้าอี้ที่ตอบโจทย์ความต้องการของทั้งครอบครัวมากที่สุดนะคะ
ที่มา : halamama.com , www.parents.com
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
เก้าอี้กินข้าวเด็กระดับพรีเมียม ดีต่อพัฒนาการของลูกน้อยยังไง? คุ้มค่ากว่าจริงไหม?
วิธีเลือกซื้อ คาร์ซีทสำหรับเด็ก คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับพ่อแม่ชาวไทย
พาลูกเที่ยวตอนกี่เดือน ทารกเดินทางได้ตอนกี่เดือน เคล็ดลับเดินทางครั้งแรกกับทารก
เลือกซื้อรถเข็นเด็ก สำหรับลูกแต่ละวัย ยังไง? ให้ปลอดภัย ใช้งานได้ดี
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!