น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นระหว่างตั้งครรภ์นับว่าเป็นสัญญาณอย่างหนึ่ง ที่บ่งบอกว่าคุณแม่จะต้องเตรียมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นนับตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงอีก 9 เดือน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติของการตั้งครรภ์
นอกเหนือจากการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เหมาะสมตามหลักโภชนาการแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ควรระมัดระวังและต้องให้ความสำคัญก็คือน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นตามไตรมาส และจำนวนแคลอรีที่รับประทานเข้าไป ซึ่งหากคุณแม่น้ำหนักขึ้นเกินมาตรฐาน อาจทำให้เสี่ยงต่อภาวะน้ำหนักเกินขณะตั้งครรภ์ จนเกิดภาวะเบาหวาน หรือโรคอ้วนก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ตามมาได้ ทั้งต่อตัวคุณแม่เอง และลูกน้อยในครรภ์
สารอาหารจากแม่สู่ลูกในแต่ละไตรมาส
ข้อมูลจากศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลนครธน ได้แนะนำเกี่ยวกับโภชนาการคุณแม่ตั้งครรภ์ว่า ไตรมาสแรกคุณแม่ควรได้รับโภชนาการประมาณ 2,050 กิโลแคลอรีต่อวัน เมื่อเริ่มเข้าสู่ไตรมาส 2 ควรได้รับเพิ่มขึ้น 350 กิโลแคลอรี เป็นประมาณ 2,400 กิโลแคลอรีต่อวัน และไตรมาส 3 ควรได้รับเพิ่มขึ้น 470 กิโลแคลอรี เป็นประมาณ 2,520 กิโลแคลอรีต่อวัน
ซึ่งสารอาหารที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรได้รับต่อวันมีหลายชนิดด้วยกัน เช่น
- แคลเซียม ควรได้รับ 1,000-1,200 มิลลิกรัมต่อวัน
- โปรตีน ควรได้รับ 70-100 กรัมต่อวัน
- โฟเลต ควรได้รับ 600-800 ไมโครกรัมต่อวัน
- ธาตุเหล็ก 25-30 มิลลิกรัม
- DHA ควรได้รับ 200-300 มิลลิกรัมต่อวัน
ปัญหาน้ำหนักเกินในคุณแม่ตั้งครรภ์
จากผลการวิจัยเกี่ยวกับภาวะน้ำหนักเกินในคุณแม่ตั้งครรภ์ พบว่า เหล่าคุณแม่ชาวเอเชียมีความเสี่ยงที่จะเกิดเบาหวานขณะตั้งครรภ์ได้มากกว่าภูมิภาคอื่น ๆ และในประเทศไทยเรานั้นมีอัตราการเกิดเบาหวานขณะตั้งครรภ์มากถึง 24.7% ด้วยกัน
คุณแม่จำนวนไม่น้อยยังคงมีความเชื่อที่ว่า ขณะตั้งครรภ์จะทานอะไรก็ได้ หรือจำนวนเท่าไหร่ก็ได้ เพราะอาหารที่ทานเข้าไป ล้วนเป็นสารอาหารส่งต่อไปยังลูกในครรภ์ทั้งสิ้น ยิ่งทานเยอะ ยิ่งได้รับสารอาหารเยอะ แต่แท้จริงแล้วเป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้องเท่าไหร่นัก เพราะการที่รับประทานอาหารไม่ถูกหลักโภชนาการ เช่น อาหารที่มีไขมัน น้ำตาล และคาร์โบไฮเดรตสูงมากจนเกินไป จะทำให้คุณแม่มีน้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้น และหากมากเกินเกณฑ์มาตรฐานก็จะเสี่ยงต่อการเกิดเบาหวานขณะตั้งครรภ์ได้
รวมไปถึงการดื่มนมวัว ที่ว่ายิ่งดื่มมากก็จะยิ่งทำให้คุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ก็จะยิ่งได้รับแคลเซียมมาก ดีต่อการบำรุงร่างกาย ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง แต่รู้หรือไม่ว่า หากคุณแม่ตั้งครรภ์ดื่มนมวัวในปริมาณที่มากเกินความเหมาะสม หรือมากกว่า 3 แก้วต่อวัน อาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ไปกระตุ้นให้ลูกแพ้นมวัวตั้งแต่แรกเกิดได้
ปัญหาน้ำหนักเกินส่งผลอย่างไรต่อคุณแม่และลูกในครรภ์
ความเสี่ยงต่อคุณแม่
- น้ำหนักขึ้นมากเกินมาตรฐาน ก่อให้เกิดภาวะอ้วนในหญิงตั้งครรภ์ และโรคเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์
- ภาวะครรภ์เป็นพิษ เนื่องจากเบาหวานส่งผลให้ความดันโลหิตขึ้นสูงระหว่างตั้งครรภ์
- ค่าน้ำตาลในเลือดพุ่งสูง เพราะควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ยากขึ้น
- เกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ เช่น โรคความดันโลหิตสูง ถุงน้ำในรังไข่หลายใบ
- มีความเสี่ยงต่อภาวะแท้งบุตรได้ หากมีการควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือดไม่ดี หรือได้รับการดูแลรักษาไม่เหมาะสม
ความเสี่ยงต่อลูกในครรภ์
- ทารกที่มีคุณแม่เป็นเบาหวาน ก็มีสิทธิ์น้ำหนักมากเกินมาตรฐานด้วยเช่นกัน
- โรคอ้วนในเด็ก
- ภาวะคลอดก่อนกำหนด ซึ่งอาจทำให้ทารกที่คลอดออกมาเจริญเติบโตช้าและตัวเล็กกว่าปกติ
- ทารกที่เกิดมาเสี่ยงต่อโรคภูมิแพ้ หายใจลำบาก และภาวะหอบหืด
- ทารกเสี่ยงต่อการเสียชีวิตในครรภ์ได้
ไม่อยากเสี่ยงน้ำหนักเกินขณะตั้งครรภ์ เริ่มต้นได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน
เมื่อทราบถึงอันตรายของปัญหาภาวะน้ำหนักเกินในคุณแม่ตั้งครรภ์แล้ว คุณแม่ทุกคนก็ไม่ควรตามใจปาก และควรหันมาใส่ใจโภชนาการมากขึ้น เพื่อตัวคุณแม่เองและลูกในครรภ์ โดยสามารถเริ่มต้นได้จากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน ดังนี้
- ศึกษาโภชนาการที่เหมาะสมสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์
- ควบคุมอาหารให้เป็นไปตามหลักโภชนาการ
- ควรได้รับสารอาหารครบ 5 หมู่ และได้รับพลังงานเพียงพอ
- ควรเน้นทานอาหารจำพวกโปรตีน และลดปริมาณอาหารจำพวกแป้ง รสจัด
- เมื่อทานแล้วก็ควรออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ แต่ไม่ควรเป็นกีฬาประเภทที่หนักเกินไป
- เสริมโภชนาการด้วยผลิตภัณฑ์นมที่โคเลสเตอรอลและแคลอรีต่ำ สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์
ทำไมต้องนมสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์
การเลือกดื่มผลิตภัณฑ์นมที่คิดค้นมาเพื่อคุณแม่ตั้งครรภ์โดยเฉพาะ ทำให้สามารถมั่นใจได้ว่าจะช่วยให้คุณแม่และลูกในครรภ์ได้รับคุณประโยชน์จากสารอาหารในปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งไม่เพียงแต่คุณแม่ที่มีภาวะน้ำหนักเกินขณะตั้งครรภ์เท่านั้นที่ต้องควบคุมปริมาณแคลอรี คุณแม่ตั้งครรภ์ปกติก็ควรหันมาใส่ใจเรื่องโภชนาการเหล่านี้เช่นกัน ไม่ว่าจะเรื่องปริมาณน้ำตาล ไขมัน อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะคุณแม่ทุกคนล้วนมีความเสี่ยงในการเกิดภาวะไม่พึงประสงค์ระหว่างตั้งครรภ์ได้ทั้งนั้น หากมีพฤติกรรมการกินไม่ถูกหลักโภชนาการ
แอนมัม มาเทอร์น่า ดีไลท์ – ไม่เติมน้ำตาลทราย แคลอรีลดลง สารอาหารคงเดิม
แอนมัม มาเทอร์น่า ดีไลท์ สูตรใหม่จากแอนมัม แบรนด์อันดับ 1 ที่คุณแม่ไว้วางใจ ของนมสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์และคุณแม่ให้นมบุตร ตอบโจทย์คุณแม่ที่มีปัญหาภาวะน้ำหนักเกิน และคุณแม่ตั้งครรภ์ทุกคน ด้วยโคเลสเตอรอลและแคลอรีต่ำที่สุดในกลุ่มนมแอนมัม เพียง 89 กิโลแคลอรี (ลดลงจากแอนมัมรสช็อกโกแลตถึง 45%) ค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ ไขมันต่ำในนมยูเอชที (UHT) และปราศจากไขมันในสูตรนมผง ไม่เติมน้ำตาลทราย แม้อยู่ในช่วงควบคุมน้ำหนักก็ยังคงได้รับสารอาหารครบถ้วนดังเดิม พร้อมดูแลคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ด้วย 8 คุณประโยชน์
- วิตามิน B6, B12, ไบโอติน, DHA, GA (แกงกลิโอไซต์), SA มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมกลไกการทำงานของระบบและประสาท ช่วยดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อย
- สังกะสี ช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกายลูก ให้เติบโตได้ดี แข็งแรงสมวัย
- วิตามินดี และแมกนีเซียม ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
- เหล็ก และโฟเลต มีส่วนช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดงและฮีโมโกลบินตามปกติ ช่วยดูแลเลือดของคุณแม่ตั้งครรภ์
- วิตามิน B1, B2, B5 และไนอะซิน มีส่วนช่วยให้ร่างกายของคุณแม่ตั้งครรภ์ได้รับพลังงานตามปกติ
- แคลเซียม และฟอสฟอรัส มีส่วนสำคัญในการดูแลกระดูกและฟันให้แข็งแรง
- ใยอาหาร ช่วยดูแลระบบย่อยอาหารของคุณแม่ รวมถึงช่วยกระตุ้นการขับถ่ายให้เป็นไปตามปกติ
- วิตามิน A, C, และ DR-10 มีส่วนสำคัญในการช่วยดูแลระบบภูมิคุ้มกัน
นมผง แอนมัม มาเทอร์น่า ดีไลท์
นมผงสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ ที่ไม่เติมน้ำตาล ปราศจากไขมัน ชงดื่มวันละ 2 แก้ว คุณแม่ก็ได้สารอาหารครบถ้วนทั้ง 8 ชนิด พร้อมด้วย GA (แกงกลิโอไซต์) และ DHA เพื่อพัฒนาการสมองของลูกน้อย และยังมี DR-10 ซึ่งเป็นจุลินทรีย์สุขภาพโพรไบโอติก ลิขสิทธิ์เฉพาะสำหรับแอนมัม มีส่วนช่วยในการทำงานของระบบทางเดินอาหารและระบบขับถ่าย ทั้งยังช่วยดูแลภูมิคุ้มกันของคุณแม่ให้แข็งแรง
นมยูเอชที (UHT) แอนมัม มาเทอร์น่า ดีไลท์ พกพาสะดวก อิ่มท้องทุกที่
นมพร่องมันเนยแบบกล่องง่ายต่อการดื่ม มีไขมันต่ำ ไม่เติมน้ำตาลทราย แคลอรีต่ำสุดในในกลุ่มแอนมัม ยูเอชที (ต่ำกว่าแอนมัม ยูเอชที น้ำผึ้ง) ถึง 28% ดื่มได้ทั้งคุณแม่ตั้งครรภ์และคุณแม่ให้นมบุตร วันละ 2 กล่อง ได้สารอาหารครบถ้วนทั้ง 8 ชนิด ทั้งยังมี GA (แกงกลิโอไซต์) และโอเมก้า 3, 6, 9 เพื่อพัฒนาการสมองที่ดีของลูกน้อย และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้คุณแม่
การที่คุณแม่ตั้งครรภ์สามารถควบคุมปริมาณแคลอรีและน้ำหนักตัวให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน นอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะน้ำหนักเกินและโรคเบาหวานแล้ว สุขภาพที่ดีของคุณแม่ยังส่งต่อถึงอีกหนึ่งชีวิตตัวน้อยในครรภ์ด้วยเช่นกัน ให้พวกเค้าได้เติบโตอย่างแข็งแรงสมวัย มีพัฒนาการที่ดี ด้วยพื้นฐานสุขภาพที่ดีของคุณแม่นั่นเอง
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!