24 ชั่วโมงแรกหลังคลอด เป็นจุดเริ่มต้นของบทบาทใหม่ในชีวิตของคุณแม่ ทั้งความสุข ความท้าทาย และความเปลี่ยนแปลงมากมายรออยู่ข้างหน้า ร่างกายของคุณแม่จะเริ่มฟื้นฟูจากการคลอดบุตร และลูกน้อยจะเริ่มปรับตัวเข้ากับโลกภายนอก
อาการปกติของแม่ 24 ชั่วโมงแรกหลังคลอด
คุณแม่มือใหม่ต้องรู้และเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย และเรียนรู้วิธีดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง เพื่อให้คุณแม่ผ่านพ้นช่วงเวลาสำคัญนี้ไปได้อย่างราบรื่น พร้อมเริ่มต้นบทบาทใหม่ในฐานะคุณแม่ได้อย่างมั่นใจ อาการปกติของคุณแม่ 24 ชั่วโมงแรกหลังคลอด มีดังนี้
-
มดลูกบีบตัว
คุณแม่อาจรู้สึกเหมือนมีอาการปวดท้องน้อยคล้ายประจำเดือน เนื่องจาก มดลูกกำลังหดรัดตัวเพื่อขับไล่เนื้อเยื่อที่เหลือหลังคลอด โดยปกติอาการจะค่อยๆ ลดลงภายใน 1-2 สัปดาห์ คุณแม่สามารถบรรเทาอาการได้โดยประคบร้อนบริเวณท้องน้อย ทานยาแก้ปวด นวดคลายเส้น เป็นต้น
-
น้ำคาวปลา
การมีเลือดออกจากช่องคลอด เรียกว่าน้ำคาวปลา ถือเป็นอาการปกติ เนื่องจาก ร่างกายขับไล่เลือดที่เหลือหลังคลอดโดยเลือดควรจะมีสีแดงสด ปริมาณจะค่อยๆ ลดลงภายใน 1-2 สัปดาห์ เปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ สังเกตสีและปริมาณของเลือด แจ้งแพทย์หากเลือดออกมากผิดปกติ
-
ปวดแผล
กรณีคุณแม่ผ่าคลอด จะมีแผลที่หน้าท้อง และรู้สึกเจ็บแปลบๆ สามารถทานยาแก้ปวด ประคบเย็นบริเวณแผล เพื่อบรรเทาอาการ และรักษาความสะอาดแผลเพื่อให้แผลหายไว และไม่ติดเชื้อ
-
อาการอื่นๆ
คุณแม่อาจรู้สึกอ่อนเพลีย ปวดศีรษะ คลื่นไส้ เบื่ออาหาร ท้องผูก ปัสสาวะบ่อย อารมณ์แปรปรวน เนื่องจากเกิดการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การเสียเลือด และการพักผ่อนไม่เพียงพอ ดังนั้น คุณแม่ควรพักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำเยอะๆ ออกกำลังกายเบาๆ ปรึกษาแพทย์หากอาการไม่ดีขึ้น
อาการปกติของทารกแรกเกิด 24 ชั่วโมงแรกหลังคลอด
-
ร้องไห้
ทารกแรกเกิดจะร้องไห้เป็นปกติ เพื่อสื่อสารความต้องการ เช่น หิว ง่วง เปียก ไม่สบายตัว ทารกอาจร้องไห้ติดต่อกันเป็นเวลานาน โดยไม่ต้องกังวล ลองสังเกตสัญญาณจากทารก และตอบสนองความต้องการของลูกน้อย ทั้งนี้ การร้องไห้เป็นการฝึกใช้ปอด ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงาน และเป็นวิธีการผ่อนคลายของทารก
-
หายใจไม่สม่ำเสมอ
ทารกแรกเกิดจะหายใจแบบไม่สม่ำเสมอ บางครั้งเร็ว บางครั้งช้า เสียงหายใจอาจดัง มีเสียงครืดคราด หรือมีเสียงหายใจแบบมีน้ำมูก อาการเหล่านี้เป็นปกติ เกิดจากการที่ทารกยังปรับตัวกับการหายใจนอกท้องแม่
-
อุณหภูมิร่างกายไม่คงที่
อุณหภูมิร่างกายของทารกแรกเกิดอาจไม่คงที่ อาจสูงหรือต่ำกว่าปกติเล็กน้อย เนื่องจากทารกยังปรับตัวกับสภาพแวดล้อมภายนอก ควรสวมใส่เสื้อผ้าให้ทารกพอดี ให้อุณหภูมิห้องอบอุ่น
-
อุจจาระสีดำ
ทารกแรกเกิดจะถ่ายปัสสาวะภายใน 24 ชั่วโมงแรกหลังคลอด อุจจาระของทารกแรกเกิดจะมีสีดำเข้ม เหนียว เรียกว่า “ขี้เทา” หลังจากนั้นภายใน 2-3 วัน อุจจาระของทารกจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเขียว มีลักษณะเหลว ควรเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ทารกบ่อยๆ สังเกตสีและปริมาณของปัสสาวะและอุจจาระ
-
นอนหลับ
ทารกแรกเกิดจะนอนหลับเป็นส่วนใหญ่ ประมาณ 16-20 ชั่วโมงต่อวัน ทารกอาจนอนหลับไม่เป็นเวลา ตื่นบ่อย ควรสร้างบรรยากาศการนอนหลับที่เงียบสงบ
-
ลักษณะทางกายภาพ
ผิวหนังของทารกแรกเกิดอาจมีรอยลอก รอยแดง หรือสิว ศีรษะของทารกอาจมีรูปร่างไม่ปกติ เกิดจากการคลอดผ่านช่องคลอด ตาของทารกอาจบวม มีขี้ตา สายสะดือยังไม่หลุด
อาการที่ไม่ปกติของแม่หลังคลอด
24 ชั่วโมงแรกหลังคลอด เป็นช่วงเวลาสำคัญที่คุณแม่ต้องสังเกตอาการของตัวเองอย่างใกล้ชิด เพราะร่างกายกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ การรู้จักสัญญาณอันตราย จะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้ หากมีอาการต่อไปนี้ รีบแจ้งแพทย์ทันที
มีเลือดออกจากช่องคลอดมากกว่าปกติ เต็มผ้าอนามัย 1 แผ่น/ชั่วโมง หรือก้อนเลือดขนาดใหญ่ รู้สึกอ่อนเพลีย หน้ามืด ใจสั่น
-
อาการปวด
ปวดท้องน้อยรุนแรง กินยาแก้ปวดแล้วไม่อาการไม่ดีขึ้น ปวดบริเวณแผลผ่าตัด บวม แดง ร้อน ปวดศีรษะรุนแรง ไม่เคยเป็นมาก่อน
-
อาการไข้
มีไข้สูงเกิน 38 องศาเซลเซียส หนาวสั่น รู้สึกไม่สบายตัว
-
อาการผิดปกติทางระบบทางเดินปัสสาวะ
ปัสสาวะน้อยลง หรือปัสสาวะบ่อยขึ้นผิดปกติ รู้สึกแสบขัดตอนปัสสาวะ ปัสสาวะมีสีแดง ขุ่น หรือมีกลิ่นเหม็น
-
อาการอื่นๆ
อาการอื่นๆ ที่ควรสังเกต เช่น คลื่นไส้ อาเจียนรุนแรง ท้องผูก ท้องเสีย หายใจลำบาก หายใจเร็ว รู้สึกสับสน เพ้อละเมิด มีภาวะซึมเศร้า ร้องไห้บ่อย ไม่มีความสุข
สัญญาณอันตรายในทารกแรกเกิดที่ต้องระวัง
-
หายใจลำบาก
ทารกมีอาการหายใจลำบาก หายใจเร็ว หรือหายใจช้าผิดปกติ หายใจมีเสียงดัง หรือมีเสียงครืดคราด จมูกบวม หรือมีน้ำมูกไหลมาก หน้าอกยุบ หรือหายใจไม่เท่ากันทั้งสองข้าง
-
การกินนม
ทารกดูดนมได้น้อย หรือดูดนมนานกว่า 30 นาทีต่อมื้อ แหวะนมบ่อย หรือสำลักนม ปัสสาวะน้อย หรืออุจจาระน้อย อุจจาระมีกลิ่นเหม็นเน่า หรือมีมูกปน
-
อุณหภูมิร่างกาย
มีไข้สูงเกิน 38 องศาเซลเซียส หรือตัวเย็นผิดปกติ มือและเท้าเย็น
-
พฤติกรรม
ทารกกร้องไห้ไม่หยุด หรือร้องไห้เสียงแหลมผิดปกติ ซึม ไม่ค่อยตอบสนองต่อสิ่งเร้า นอนหลับมากผิดปกติ หรือไม่ยอมนอน ชักเกร็ง
-
ลักษณะทางกายภาพ
ผิวซีด หรือเหลือง ตาเหลือง หรือตาบวม ปากซีด หรือเขียว สายสะดือมีหนอง หรือมีกลิ่นเหม็น
สิ่งที่คุณแม่ควรคาดหวังจากแพทย์ใน 24 ชั่วโมงแรกหลังคลอด
24 ชั่วโมงแรกหลังคลอด แพทย์จะให้ความสำคัญกับการดูแลคุณแม่อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินสภาพร่างกาย ฟื้นฟูสุขภาพ และป้องกันภาวะแทรกซ้อน
-
ตรวจสภาพร่างกาย
แพทย์จะทำการตรวจวัดสัญญาณชีพ เช่น ความดันโลหิต อัตราการเต้นของหัวใจ อุณหภูมิร่างกาย และการหายใจ ตรวจช่องคลอด เยื่อฝีเย็บ และปริปากมดลูก เพื่อดูว่ามีการฉีกขาดหรือติดเชื้อหรือไม่ ตรวจเต้านม เพื่อดูว่ามีน้ำนมหรือก้อนผิดปกติหรือไม่ รวมถึงตรวจร่างกายโดยทั่วไป เพื่อดูว่ามีอาการผิดปกติอื่นๆ หรือไม่
-
ให้ยา
แพทย์อาจให้ยาแก้ปวด ยาป้องกันการติดเชื้อ หรือยาอื่นๆ ตามความจำเป็น อธิบายวิธีการใช้ยา ผลข้างเคียง และข้อควรระวัง
-
ให้คำแนะนำ
แนะนำวิธีการดูแลตัวเองหลังคลอด เช่น การพักผ่อน การให้นมลูก การดูแลแผล การรักษาความสะอาด แนะนำวิธีการดูแลทารกแรกเกิด เช่น การให้นม การอาบน้ำ การเปลี่ยนผ้าอ้อม ตอบคำถามและข้อสงสัยของคุณแม่
-
ติดตามอาการ
แพทย์จะติดตามอาการของคุณแม่อย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่ามีภาวะแทรกซ้อนหรือไม่ เช่น การตกเลือด การติดเชื้อ หรือภาวะซึมเศร้าหลังคลอด กระตุ้นให้คุณแม่ให้นมลูก และสอนวิธีการให้นมลูกที่ถูกต้อง
-
การเตรียมตัวสำหรับการกลับบ้าน
แนะนำการเตรียมตัวสำหรับการกลับบ้าน เช่น การเตรียมอาหาร การเตรียมเสื้อผ้า และการเตรียมที่นอนสำหรับทารก และนัดหมายเพื่อตรวจหลังคลอด
สิ่งที่แพทย์จะทำกับทารกแรกเกิดใน 24 ชั่วโมงแรก
24 ชั่วโมงแรกหลังคลอด เป็นช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับทารกแรกเกิด ร่างกายของทารกกำลังปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมภายนอก แพทย์จะทำการตรวจร่างกาย ประเมินสุขภาพ และให้การดูแลทารกอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน ส่งเสริมพัฒนาการ และเตรียมพร้อมสำหรับการกลับบ้าน
-
ตรวจร่างกายโดยทั่วไป
- ตรวจวัดสัญญาณชีพ เช่น อุณหภูมิ อัตราการเต้นของหัวใจ อัตราการหายใจ ความดันโลหิต
- ตรวจผิวหนัง ดูว่ามีรอยช้ำ รอยแดง หรือความผิดปกติอื่นๆ หรือไม่
- ตรวจศีรษะ ดูขนาดและรูปร่าง ตรวจดูว่ามีรอยบวม หรือมีเลือดออกใต้ผิวหนังหรือไม่
- ตรวจตา ดูว่ามีม่านตา ตากระจก หรือความผิดปกติอื่นๆ หรือไม่
- ตรวจหู ดูว่ามีขี้หู หรือความผิดปกติอื่นๆ หรือไม่
- ตรวจจมูก ดูว่ามีน้ำมูก หรือความผิดปกติอื่นๆ หรือไม่
- ตรวจปาก ดูว่ามีตุ่มขาวในปาก มีฟันน้ำนมหรือฟันเกิน มีพังผืดใต้ลิ้น หรือความผิดปกติอื่นๆ หรือไม่
- ตรวจอก ฟังเสียงหัวใจ และปอด
- ตรวจท้อง ดูว่ามีสายสะดือ และความผิดปกติอื่นๆ หรือไม่
- ตรวจอวัยวะเพศ ดูว่ามีลักษณะปกติ หรือความผิดปกติอื่นๆ หรือไม่
- ตรวจแขนขา ดูว่ามีการเคลื่อนไหว และความผิดปกติอื่นๆ หรือไม่
- ตรวจสะโพก ดูว่ามีการคล้องสะโพกหรือไม่
-
ตรวจวัดน้ำหนัก ส่วนสูง และรอบศีรษะ
แพทย์จะวัดน้ำหนัก ส่วนสูง และรอบศีรษะของทารก เพื่อติดตามการเจริญเติบโต
-
เก็บตัวอย่างเลือด
แพทย์อาจเก็บตัวอย่างเลือดของทารก เพื่อตรวจหาโรคต่างๆ เช่น โรคธาลัสซีเมีย โรค G6PD หรือโรคไทรอยด์
-
ให้วัคซีนป้องกันโรค
ทารกแรกเกิดจะได้รับวัคซีน HB1 วัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบบี (ควรให้เร็วที่สุดภายใน 24 ชั่วโมงหลังคลอด) และวัคซีนป้องกันวัณโรค บีซีจี (BCG) ก่อนออกจากโรงพยาบาล
-
ตรวจสายสะดือ
แพทย์จะทำความสะอาด และพันผ้าบริเวณสายสะดือ รอจนสายสะดือหลุด
-
สอนวิธีการดูแลทารก
แพทย์จะสอนวิธีการให้นมลูก การอาบน้ำ การเปลี่ยนผ้าอ้อม และการดูแลทารกแรกเกิดอย่างถูกต้อง
-
ติดตามอาการ
แพทย์จะติดตามอาการของทารกอย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่ามีภาวะแทรกซ้อนหรือไม่ เช่น การหายใจลำบาก อาเจียน ท้องเสีย ไข้สูง หรือตัวเย็นผิดปกติ
หวังว่าข้อมูลที่เรานำมาฝากข้างต้นนี้จะช่วยให้คุณแม่ทราบขั้นตอนการดูแลหลังคลอดของแพทย์ และเป็นประโยชน์สำหรับคุณแม่เพื่อคอยสังเกตอาการหลังคลอดที่ปกติและไม่ปกติทั้งตัวคุณแม่เองและลูกน้อย ซึ่งจะช่วยคุณแม่มือใหม่คลายกังวลกับการเตรียมตัวคลอดและหลังคลอดได้ค่ะ
หมายเหตุ
ข้อมูลในเอกสารนี้เป็นเพียงข้อมูลทั่วไปเท่านั้น ไม่สามารถแทนที่คำแนะนำทางการแพทย์จากแพทย์ได้ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพหากมีข้อสงสัยหรือกังวลใจ
แหล่งข้อมูล
โรงพยาบาลเปาโล , คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ , มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
รีวิวผ่าคลอดบล็อกหลัง ฉบับคนกลัวมาก มาก มาก มาก
รอยแผลผ่าคลอด ปกติหรือไม่? มาไขข้อสงสัยพร้อมวิธีดูแลให้แผลสวย
ลูกดิ้นตอนกี่เดือน นับลูกดิ้นยังไง การดิ้นของลูกน้อยในครรภ์ เรื่องสำคัญที่แม่ต้องรู้