นอกจากการสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ซึ่งเป็นตัวอย่างที่เห็นกันได้อย่างชัดเจนแล้ว นี่คือพฤติกรรมที่พ่อแม่ควรหลีกเลี่ยง ไม่ควรแสดงออกให้ลูกได้เห็น หรือแก้ไขไปเลยถ้าไม่อยากไป ทำลายอนาคตลูก
7 พฤติกรรมในชีวิตที่พ่อแม่ควรเลี่ยงถ้าไม่อยากไป ทำลายอนาคตลูก !!
#1 ทะเลาะกันต่อหน้าลูก
การทะเลาะกันในครอบครัวเกิดขึ้นพอ ๆ กับที่เราต่างคาดหวังให้ครอบครัวมีแต่ความสุข ซึ่งความจริงเรื่องแบบนี้สำหรับผัวเมียมันก็ต้องมีบ้าง แต่สำหรับบทบาทของพ่อแม่ขออย่าให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นต่อหน้าลูกเลย ความก้าวร้าวรุนแรงที่เกิดในครอบครัวนั้นจะมีแนวโน้มให้ลูกนั้นเติบโตขึ้นพร้อมกับพฤติกรรมก้าวร้าว และกลายเป็นเด็กมีปัญหาในอนาคต
#2 โกหก
ผู้ใหญ่อย่างเรามักจะใช้การโกหกเล็ก ๆ น้อยแก้ไขปัญหา แต่เด็ก ๆ นั้นยังไม่เข้าใจ “เส้นโกหก” ที่พ่อแม่มักใช้พูดเพื่อเป็นข้ออ้างหรือคำแก้ตัว เด็กยังคงต้องเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งที่ถูกและสิ่งที่ผิด ดังนั้นการโกหกต่อหน้าลูกอาจเป็นการทำให้ลูกคิดไปว่าการโกหกนั้นเป็นพฤติกรรมที่ยอมรับได้
#3 การล้อเลียนหรือแซวลูกต่อหน้าคนอื่นๆ
การแซวลูกหรือหัวเราะกับพฤติกรรมอันไร้เดียงสาที่พ่อแม่อาจดูเป็นเรื่องตลก แต่มันอาจนำไปสู่บาดแผลอันเจ็บปวดในความทรงจำของลูก การหัวเราะหรือทำให้ลูกเป็นตัวตลกบ่อย ๆ อาจทำให้เด็กขาดความมั่นใจ และลดความนับถือในตัวเองลง มองไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง ซึ่งทำให้ลูกกลายเป็นคนขี้อายเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น ๆ และแสดงความไม่มั่นใจที่สาธารณะได้
#4 พ่ายแพ้ให้กับอารมณ์ตัวเอง
ทุกครั้งที่พ่อแม่กลายร่างเป็นยักษ์ ไม่สำคัญหรอกว่าสาเหตุมันคืออะไร แต่ความโกรธที่พ่อแม่กำลังบันดาลโทสะอยู่นี้จะส่งผลเพิ่มความหวาดกลัวให้ลูกไม่กล้าที่จะเข้าใกล้ ดังนั้นหากคุณรู้สึกโมโหหรือมีอารมณ์โกรธไม่พอใจต่ออะไรซักอย่าง ออกไปทำใจให้สงบก่อนที่จะเข้ามาอยู่ใกล้ ๆ ลูก เด็ก ๆ นั้นต้องการการดูแลเอาใจใส่ด้วยความรักความอ่อนโยนจากพ่อแม่ไม่ใช่ความโกรธ
#5 กินอาหารไม่มีประโยชน์
พ่อแม่ทุกคนรู้ดีว่าอาหารอะไรที่มีประโยชน์และดีต่อสุขภาพลูก แต่ในขณะเดียวกันก็ยังพากันกินอาหารทอด เบอร์เกอร์ มันฝรั่งทอด หรือรสชาติอาหารที่มีความเค็ม ๆ มากกว่าจะพยายามทำกับข้าวกินเองในบ้าน อาหารเหล่านี้หรือที่เรียกว่า จังก์ฟู๊ดนั้นขาดส่วนประกอบที่มีคุณค่าทางโภชนาการ นอกจากทำให้ลูกขาดสารอาหารที่ดีต่อร่างกายแล้ว ยังเป็นการสร้างความเคยชินกับการบริโภคอาหารเหล่านี้ที่ไม่ดีต่อพฤติกรรมการกินของลูกในอนาคตแน่ๆ
#6 สบถ/ พูดคำหยาบ
คำสบถหรือคำหยาบที่พูดต่อหน้าลูก หรือเผลอพูดต่อหน้าเด็กไร้เดียงสาออกมานั้น จะกลายเป็นพฤติกรรมที่ให้ลูกลอกเลียนแบบ แน่นอนว่าการที่ผู้ใหญ่โผล่งคำเหล่านี้ออกมาบ่อย ๆ ซ้ำ ๆ ก็จะทำให้ลูกจดจำและนำไปใช้ พฤติกรรมนี้ของพ่อแม่ส่งผลถึงลูกด่วยเช่นกัน
#7 จดจ่ออยู่กับสมาร์ทโฟนตลอดเวลา
การปล่อยให้เด็กเล็ก ๆ เอาแต่ติดเล่นโทรศัพท์ สมาร์ทโฟน แทปเล็ตนั้น มีแนวโน้มทำให้เป็นเด็กสมาธิสั้น ส่งผลต่อพัฒนาการด้านต่าง ๆ ช้าลง เช่น การพูด การเรียนถดถอย พัฒนาการทางสมองช้า ความจำไม่ดี มีปัญหาทางสายตา ส่งผลต่ออารมณ์ที่หงุดหงิดง่าย ส่งผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อมัดใหญ่และมัดเล็ก โดยเฉพาะเด็กที่อยู่ในวัยหัดเดินมีโอกาสที่จะใช้การนิ้วมือไม่ได้ในอนาคต ในยุคปัจจุบันที่ของเหล่านี้ถือว่าเป็นเครื่องมือล่อใจชิ้นใหญ่ ทั้งแอพพลิเคชั่นหลากหลายที่มีให้เลือกทั้งเด็กและผู้ใหญ่ แน่นอนว่าถ้าพ่อแม่จะเลี่ยงไม่ให้ลูกติดแอพฯ เหล่านี้ก็ต้องวางสมาร์ทโฟนให้ห่างออกจากตัว ก่อนที่ลูก ๆ จะเติบโตด้วยความเข้าใจที่ว่าการใช้เวลาอยู่กับมือถือ หน้าจอแทปเล็ต เป็นเรื่องปกติธรรมดาและเป็นสิ่งที่ยอมรับ ซึ่งอาจจะเกิดผลเสียต่อสุขภาพและพฤติกรรมของลูกที่มากมายจนน่ากลัวอย่างที่กล่าวมา.
บทความใกล้เคียงที่น่าสนใจ :
8 พฤติกรรมพ่อแม่ที่เลี้ยงลูกแบบ “เกินไป”
หยุด!! 5 พฤติกรรมพ่อแม่ที่เข้าข่าย “สปอยล์ลูก”