บทความนี้ เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจจะทำบัตรเครดิต หรือพึ่งจะเริ่มใช้บัตรเครดิต ทั้งนี้ บัตรเครดิต นั้นมีรายละเอียดปลีกย่อยมากมาย ไม่ว่าจะเป็นชนิดของบัตร การเก็บค่าธรรมเนียม การตอบโจทย์ลักษณะการใช้งาน และโปรโมชันต่าง ๆ ของแต่ละธนาคารที่จัดข้อเสนอมาเพื่อดึงดูดใจ ดังนั้นเราจึงต้องมาอธิบายเพื่อให้เพื่อน ๆ ได้เข้าใจ และเลือกตัดสินใจเพื่อการทำบัตรเครดิตของคุณนั้น จะตอบโจทย์ของคุณได้มากที่สุด และคุ้มค่า คุ้มประโยชน์นั่นเอง
บัตรเครดิต คืออะไร?
บัตรเครดิต เป็นบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกบัตร (Issuer) หรือธนาคาร และสถาบันการเงินต่าง ๆ เป็นผู้ออกให้แก่ลูกค้า (ผู้ถือบัตร หรือ Card Holder) ซึ่งประโยชน์ที่ผู้ถือบัตรจะได้รับมีมากมายแตกต่างกันออกไปตามข้อเสนอของผู้ออกบัตรนั้น ๆ แต่โดยทั่วไป จะมีลักษณะดังนี้
- ใช้แทนเงินสด เพื่อชำระค่าสินค้า และบริการโดยยังไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินในทันที ณ ร้านค้าที่รับบัตร รวมถึงร้านค้าบนอินเทอร์เน็ต ซึ่งเราจะสามารถสังเกตได้จากโลโก้ ของเครือข่ายผู้ให้บริการบนบัตร และที่ร้านค้า ไม่ว่าจะเป็น VISA, Master Card, American Express, China Union Pay (CUP) เป็นต้น
- สามารถเบิกถอนเงินสดได้จากเครื่อง ATM ตามวงเงินที่มีในบัตร
- รับสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ตามรายการส่งเสริมการขาย เช่น การสะสมคะแนนเพื่อแลกรับของรางวัล ได้รับส่วนลดจากร้านค้าที่ร่วมรายการ การผ่อนชำระสินค้าในอัตราดอกเบี้ยที่พิเศษ ได้รับเงินคืนจากการใช้จ่าย (Cash Back) การเข้าใช้บริการห้องรับรองตามสถานที่ต่าง ๆ การได้รับความคุ้มครองเมื่อเดินทางไปต่างประเทศ เป็นต้น
ทั้งนี้ผู้ที่ถือบัตร จำเป็นจะต้องรู้จักการใช้อย่างมีวินัย และเหมาะสมกับความสามารถในการชำระหนี้ ไม่เช่นนั้น การก่อหนี้โดยไม่จำเป็น จะทำให้เกิดภาระดอกเบี้ย และค่าบริการ เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว จนกลายเป็นปัญหาของหนี้สินที่ไม่สามารถชำระได้ นำไปสู่การถูกฟ้องร้อง จนทำให้ประวัติในการขอสินเชื่อที่สำคัญอื่น ๆ ไม่สามารถทำได้
บัตรเครดิตมีกี่ประเภท และแตกต่างกันอย่างไร?
ก่อนคุณจะเริ่มสมัครบัตรเครดิต ก่อนอื่นต้องเรียนรู้ก่อนว่า บัตรเครดิตนั้น มีบัตรอะไรบ้าง
บัตรหลัก
ก่อนอื่นเรามาดูกันว่า บัตรหลัก ๆ ที่เรามักจะพบเห็น นั่นก็คือ บัตรเดบิต บัตรเครดิต และ บัตรกดเงินสด ซึ่งบัตรทั้ง 3 ประเภทนี้ มีความแตกต่างในลักษณะของการใช้งานอย่างชัดเจนดังนี้
- บัตรเดบิต
คือบัตรที่ผู้ไว้กับบัญชีเงินฝากของผู้ถือบัตร เพื่อใช้ทำรายการที่เครื่อง ATM ไม่ว่าจะเป็นการถอนเงิน โอนเงิน สอบถามยอด ชำระค่าสินค้าและบริการ รวมถึงการซื้อสินค้าออนไลน์ โดยค่าใช้จ่ายทั้งหมด จะถูกหักเงินออกจากบัญชีเงินฝากทันที (Pay Now)
- บัตรเครดิต
อย่างที่เราได้ให้ความหมายของบัตรเครดิตในข้างต้นมาก่อนแล้ว นั่นคือการใช้แทนเงินสด เพื่อการชำระสินค้า และบริการโดยเรายังไม่จำเป็นจะต้องจ่ายเงินในทันที รวมถึงการเบิกถอนเงินสดจากเครื่อง ATM ล่วงหน้าได้ อีกทั้งยังมีส่วนของรายการส่งเสริมการขายที่มาเป็นแรงดึงดูดเพื่อให้เกิดการใช้จ่ายเกิดขึ้น
- บัตรกดเงินสด
บัตรกดเงินสดคือ สินเชื่อส่วนบุคคลประเภทหนึ่ง ที่ถูกสร้างออกมาในลักษณะคล้ายกับบัตรเครดิต ซึ่งเราสามารถใช้กดเงินสดจากตู้ ATM ทั่วไปได้ ตามวงเงินที่ทางสถาบันการเงินอนุมัติไว้ให้ ซึ่งจะมีการคิดดอกเบี้ยตามจำนวนเงินที่เราถอนออกมาจากบัตรเป็นรายวัน ซึ่งจะแตกต่างจากสินเชื่อชนิดอื่น ๆ ที่จะคิดดอกเบี้ยเป็นรอบ หรือรายเดือน โดยเรทการคิดดอกเบี้ยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละสถาบันทางการเงินที่ออกบัตร
บัตรเสริม
บัตรเสริมโดยมากจะเป็นบัตรที่ผูกกันกับบัตรเครดิต ซึ่งเป็นบัตรที่เสริมเพิ่มเข้ามาเพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้จ่ายให้กับคนในครอบครัว และบัตรเสริม ก็สามารถใช้จ่าย รูด ผ่อน ได้ไม่แตกต่างกับบัตรหลัก ใช้วงเงินเดียวกัน และได้รับโปรโมชั่นเดียวกัน มีระยะการปลอดดอกเบี้ยเหมือนกัน แต่บัตรเสริมนั้น จะไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี เช่นเดียวกับบัตรหลัก
บทความที่เกี่ยวข้อง : หมุนเงินไม่ทัน ค่าใช้จ่ายเพียบ ปัญหาหนักอกของพ่อแม่ช่วงลูกเปิดเทอม
ดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมของบัตรเครดิต
ดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมของบัตรเครดิตที่จะเกิดขึ้นนั้น จะเกิดจาก ค่าปรับ ค่าบริการ ค่าธรรมเนียม รวมทั้งดอกเบี้ย ที่เกิดจากการใช้งานจริงของผู้ถือบัตร โดยค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะเกิดขึ้นเมื่อ
- มีการชำระค่าสินค้า และบริการไม่เต็มจำนวน ภายในวันที่กำหนด หรือมีการชำระล่าช้า บริษัทผู้ออกบัตรจะคิดดอกเบี้ยตามการใช้จ่ายจริงตั้งแต่วันที่ผู้ออกบัตรได้สำรองจ่ายให้กับทางร้านค้า หรือตั้งแต่วันที่มีการสรุปยอดรายการใช้จ่าย หรือตั้งแต่วันที่ครบกำหนดชำระ ซึ่งการคิดค่าปรับนั้นจะคิดเต็มจำนวนจนถึงวันก่อนครบกำหนดชำระเงิน และคิดตามยอดคงค้าง (หักส่วนที่ชำระแล้วออก)
- การเบิกถอนเงินสด โดยจะเริ่มคำนวณดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่เบิกถอนเงินสดออกมาเป็นรายวัน
เลือกทำบัตรเครดิตที่ไหนดี
สำหรับผู้ที่กำลังคิดอยากจะทำบัตรเครดิต โดยเฉพาะคนที่ทำบัตรเครดิตใบแรก และกำลังสงสัยว่า บัตรเครดิตของธนาคารไหน ถึงจะตอบโจทย์ตัวเองดีที่สุด หากคุณทำงานประจำ และมีการรับเงินเดือนผ่านการโอนเข้าบัญชีธนาคาร การสมัครบัตรกับธนาคารที่เงินเดือนคุณเป็นประจำ หรือธนาคารที่คุณมีบัญชีอยู่แล้ว จะสะดวกมากที่สุด เพราะคุณสามารถตัดยอดได้ง่าย จากยอดเงินในบัญชีที่มี หรือลองหาข้อเสนอของธนาคาร และสถาบันทางการเงินอื่น ๆ หากธนาคารที่คุณใช้บริการอยู่ ยังไม่โดนใจคุณ
นอกจากนี้คุณยังสามารถเทียบเงื่อนไขต่าง ๆ เพื่อความคุ้มค่า และประโยชน์ของคุณเอง ก่อนจะตัดสินใจสมัครบัตรเครดิต เช่น
- ค่าธรรมเนียมแรกเข้า ค่าธรรมเนียมรายปี และค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ที่เราจะต้องจ่ายให้กับผู้ออกบัตร
- เงื่อนไขการขอยกเว้นค่าธรรมเนียม
- รอบระยะเวลาบัญชี
- ระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยในแต่ละรอบบิล ก่อนเริ่มคิดดอกเบี้ยตามที่ได้กำหนดไว้
- การชำระเงินผ่านช่องทางต่าง ๆ เพื่อความสะดวก
- ค่าใช้จ่ายในการชำระเงิน
- สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่จะได้รับ โดยพิจารณาว่า ตรงกับความต้องการ และไลฟ์สไตล์ของคุณหรือไม่
บทความที่เกี่ยวข้อง : วิธีปลดหนี้บัตรเครดิต ปลดพันธะชีวิตครอบครัว
เครือข่ายการชำระเงิน แตกต่างกันอย่างไร?
เคยสงสัยหรือไม่ว่า สัญลักษณ์ที่ติดอยู่บนบัตร ไม่ว่าจะเป็น VISA, Master Card, JCB, Union Pay ซึ่งเราจะเห็นที่บัตรเดบิต หรือบัตรเครดิตนั้น นอกจากจะบ่งบอกว่าบัตรที่คุณถือสามารถใช้จ่ายได้กับร้านค้าไหนบ้าง แล้วสัญลักษณ์นั้น ๆ มีความหมายว่าอย่างไร
- บัตรเครดิต Visa
ถือเป็นบัตรที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายจากประเทศสหรัฐอเมริกา มีทั้งในรูปแบบของบัตรเครดิต และบัตรเดบิต ให้คุณมั่นใจว่าคุณสามารถใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตวีซ่าได้อย่างสะดวกสบาย และครอบคลุมทั่วโลก ทั้งร้านค้าและบริการต่าง ๆ ที่รองรับบัตรวีซ่า ไปจนถึงการใช้บริการตู้เอทีเอ็มที่ให้คุณสามารถกดเงินได้ครอบคลุมกว่า 200 ประเทศทั่วโลก
- บัตรเครดิต MasterCard
อีกหนึ่งผู้ให้บริการเครือข่ายจากประเทศสหรัฐอเมริกาที่ได้รับความนิยมอย่างมากเช่นเดียวกัน พร้อมรูปแบบการให้บริการทั้งบัตรเครดิต บัตรเดบิต และบัตรพรีเพด แต่มีการรองรับการใช้งานจากร้านค้าที่มากกว่าบัตรวีซ่า นอกจากนี้ประโยชน์ในการใช้งานต่าง ๆ แทบไม่ต่างกับบัตรวีซ่า ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าคุณสามารถใช้จ่ายได้ทุกที่ที่มีเครื่องหมาย MasterCard
- บัตรเครดิต JCB
บัตรเครดิต JCB คือ ผู้ให้บริการเครือข่ายจากประเทศญี่ปุ่น อีกหนึ่งบัตรที่มีคนสนใจเป็นอย่างมาก อีกทั้งในปัจจุบันร้านค้าส่วนใหญ่ยังเปิดให้สามารถชำระเงินด้วยบัตรเครดิต JCB ด้วยเช่นเดียวกัน นอกจากนี้บัตร JCB มักจะมีสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ในการเดินทางท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น เช่น การจองตั๋วเครื่องบิน ที่พักโรงแรม การซื้อสินค้าจากประเทศญี่ปุ่น บริการต่าง ๆ ในสนามบิน บัตรนี้ตอบโจทย์คนที่ชื่นชอบการเดินทางท่องเที่ยวญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก
- บัตรเครดิต UnionPay
ผู้ให้บริการจากประเทศจีน ที่กำลังเป็นที่น่าจับตามอง ซึ่งมีร้านค้าในประเทศไทยที่รับการชำระผ่าน UnionPay อย่างหลากหลาย นอกจากนี้ยังมอบสิทธิประโยชน์ทั้งการใช้จ่ายที่ประเทศจีน มาเก๊า ไต้หวัน ฮ่องกง ทั้งสำหรับการเดินทางหรือการใช้จ่ายในประเทศนั้น ๆ รวมถึงการเลือกซื้อสินค้าออนไลน์ด้วยสกุลเงินของประเทศดังกล่าว
บทความที่เกี่ยวข้อง : ทำเรื่อง การจัดการการเงิน ให้เป็นเรื่องง่าย และ 5 สิ่งที่ควรทำในฐานะพ่อแม่
ชนิดโปรโมชันบัตรเครดิต มีอะไรบ้าง?
- บัตรเครดิตcashback/บัตรเครดิตเงินคืน
มีข้อดีตรงที่ทุก ๆ ครั้งที่คุณใช้งานจนถึงอัตราที่เงื่อนไขกำหนดคุณจะได้เงินคืนกลับมา เหมือนกับยิ่งใช้บัตรยิ่งได้ผลประโยชน์คืน เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของผู้ที่ใช้บัตรชำระสิ่งของต่าง ๆ เป็นจำนวนมากต่อเดือน
- บัตรเครดิตสะสมแต้ม
มีข้อดีตรงที่เมื่อคุณใช้บัตรจับจ่ายใช้สอยคุณจะได้คะแนนบัตรเครดิตกลับคืนมา ซึ่งคุณจะสามารถนำแต้มไปแลกสิ่งของต่าง ๆ ตามเงื่อนไขกำหนดได้ บัตรนี้ใช้งานง่าย เป็นที่นิยม เหมาะกับมือใหม่ที่เพิ่งจะสมัครบัตรครั้งแรก
- บัตรเครดิตแลกไมล์
มีข้อดีตรงที่ที่ยิ่งใช้จะยิงได้แต้มสำหรับใช้เดินทางซื้อตั๋วเครื่องบินฟรี หรือที่พักฟรี เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของผู้ที่มักเดินทางท่องเที่ยว หรือเดินทางไปทำธุระเป็นประจำ
การชำระหนี้บัตรเครดิต
- สาขาของสถาบันผู้ออกบัตรเครดิต
- จุดบริการรับชำระเงินที่เป็นตัวแทนรับชำระ (บริการ Bill Payment) เช่น สาขาธนาคารอื่น Pay@Post เคาน์เตอร์เซอร์วิส
- ช่องทางต่าง ๆ ของธนาคาร เช่น เครื่องเอทีเอ็ม อินเทอร์เน็ต ข้อตกลงให้หักจากบัญชีเงินฝาก (Debit Transfer)