บัตรเครดิต บัตรเครดิตใบแรก อยากทำบัตรเครดิต ต้องรู้เรื่องนี้

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

บทความนี้ เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจจะทำบัตรเครดิต หรือพึ่งจะเริ่มใช้บัตรเครดิต ทั้งนี้ บัตรเครดิต นั้นมีรายละเอียดปลีกย่อยมากมาย ไม่ว่าจะเป็นชนิดของบัตร การเก็บค่าธรรมเนียม การตอบโจทย์ลักษณะการใช้งาน และโปรโมชันต่าง ๆ ของแต่ละธนาคารที่จัดข้อเสนอมาเพื่อดึงดูดใจ ดังนั้นเราจึงต้องมาอธิบายเพื่อให้เพื่อน ๆ ได้เข้าใจ และเลือกตัดสินใจเพื่อการทำบัตรเครดิตของคุณนั้น จะตอบโจทย์ของคุณได้มากที่สุด และคุ้มค่า คุ้มประโยชน์นั่นเอง

 

บัตรเครดิต คืออะไร?

บัตรเครดิต เป็นบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกบัตร (Issuer) หรือธนาคาร และสถาบันการเงินต่าง ๆ เป็นผู้ออกให้แก่ลูกค้า (ผู้ถือบัตร หรือ Card Holder) ซึ่งประโยชน์ที่ผู้ถือบัตรจะได้รับมีมากมายแตกต่างกันออกไปตามข้อเสนอของผู้ออกบัตรนั้น ๆ แต่โดยทั่วไป จะมีลักษณะดังนี้

 

 

  • ใช้แทนเงินสด เพื่อชำระค่าสินค้า และบริการโดยยังไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินในทันที ณ ร้านค้าที่รับบัตร รวมถึงร้านค้าบนอินเทอร์เน็ต ซึ่งเราจะสามารถสังเกตได้จากโลโก้ ของเครือข่ายผู้ให้บริการบนบัตร และที่ร้านค้า ไม่ว่าจะเป็น VISA, Master Card, American Express, China Union Pay (CUP) เป็นต้น
  • สามารถเบิกถอนเงินสดได้จากเครื่อง ATM ตามวงเงินที่มีในบัตร
  • รับสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ตามรายการส่งเสริมการขาย เช่น การสะสมคะแนนเพื่อแลกรับของรางวัล ได้รับส่วนลดจากร้านค้าที่ร่วมรายการ การผ่อนชำระสินค้าในอัตราดอกเบี้ยที่พิเศษ ได้รับเงินคืนจากการใช้จ่าย (Cash Back) การเข้าใช้บริการห้องรับรองตามสถานที่ต่าง ๆ การได้รับความคุ้มครองเมื่อเดินทางไปต่างประเทศ เป็นต้น

 

ทั้งนี้ผู้ที่ถือบัตร จำเป็นจะต้องรู้จักการใช้อย่างมีวินัย และเหมาะสมกับความสามารถในการชำระหนี้ ไม่เช่นนั้น การก่อหนี้โดยไม่จำเป็น จะทำให้เกิดภาระดอกเบี้ย และค่าบริการ เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว จนกลายเป็นปัญหาของหนี้สินที่ไม่สามารถชำระได้ นำไปสู่การถูกฟ้องร้อง จนทำให้ประวัติในการขอสินเชื่อที่สำคัญอื่น ๆ ไม่สามารถทำได้

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

บัตรเครดิตมีกี่ประเภท และแตกต่างกันอย่างไร?

ก่อนคุณจะเริ่มสมัครบัตรเครดิต ก่อนอื่นต้องเรียนรู้ก่อนว่า บัตรเครดิตนั้น มีบัตรอะไรบ้าง

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

บัตรหลัก

ก่อนอื่นเรามาดูกันว่า บัตรหลัก ๆ ที่เรามักจะพบเห็น นั่นก็คือ บัตรเดบิต บัตรเครดิต และ บัตรกดเงินสด ซึ่งบัตรทั้ง 3 ประเภทนี้ มีความแตกต่างในลักษณะของการใช้งานอย่างชัดเจนดังนี้

  • บัตรเดบิต

คือบัตรที่ผู้ไว้กับบัญชีเงินฝากของผู้ถือบัตร เพื่อใช้ทำรายการที่เครื่อง ATM ไม่ว่าจะเป็นการถอนเงิน โอนเงิน สอบถามยอด ชำระค่าสินค้าและบริการ รวมถึงการซื้อสินค้าออนไลน์ โดยค่าใช้จ่ายทั้งหมด จะถูกหักเงินออกจากบัญชีเงินฝากทันที (Pay Now)

  • บัตรเครดิต

อย่างที่เราได้ให้ความหมายของบัตรเครดิตในข้างต้นมาก่อนแล้ว นั่นคือการใช้แทนเงินสด เพื่อการชำระสินค้า และบริการโดยเรายังไม่จำเป็นจะต้องจ่ายเงินในทันที รวมถึงการเบิกถอนเงินสดจากเครื่อง ATM ล่วงหน้าได้ อีกทั้งยังมีส่วนของรายการส่งเสริมการขายที่มาเป็นแรงดึงดูดเพื่อให้เกิดการใช้จ่ายเกิดขึ้น

  • บัตรกดเงินสด

บัตรกดเงินสดคือ สินเชื่อส่วนบุคคลประเภทหนึ่ง ที่ถูกสร้างออกมาในลักษณะคล้ายกับบัตรเครดิต ซึ่งเราสามารถใช้กดเงินสดจากตู้ ATM ทั่วไปได้ ตามวงเงินที่ทางสถาบันการเงินอนุมัติไว้ให้ ซึ่งจะมีการคิดดอกเบี้ยตามจำนวนเงินที่เราถอนออกมาจากบัตรเป็นรายวัน ซึ่งจะแตกต่างจากสินเชื่อชนิดอื่น ๆ ที่จะคิดดอกเบี้ยเป็นรอบ หรือรายเดือน โดยเรทการคิดดอกเบี้ยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละสถาบันทางการเงินที่ออกบัตร

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

บัตรเสริม

บัตรเสริมโดยมากจะเป็นบัตรที่ผูกกันกับบัตรเครดิต ซึ่งเป็นบัตรที่เสริมเพิ่มเข้ามาเพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้จ่ายให้กับคนในครอบครัว และบัตรเสริม ก็สามารถใช้จ่าย รูด ผ่อน ได้ไม่แตกต่างกับบัตรหลัก ใช้วงเงินเดียวกัน และได้รับโปรโมชั่นเดียวกัน มีระยะการปลอดดอกเบี้ยเหมือนกัน แต่บัตรเสริมนั้น จะไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี เช่นเดียวกับบัตรหลัก

บทความที่เกี่ยวข้อง : หมุนเงินไม่ทัน ค่าใช้จ่ายเพียบ ปัญหาหนักอกของพ่อแม่ช่วงลูกเปิดเทอม

 

 

ดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมของบัตรเครดิต

ดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมของบัตรเครดิตที่จะเกิดขึ้นนั้น จะเกิดจาก ค่าปรับ ค่าบริการ ค่าธรรมเนียม รวมทั้งดอกเบี้ย ที่เกิดจากการใช้งานจริงของผู้ถือบัตร โดยค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะเกิดขึ้นเมื่อ

  • มีการชำระค่าสินค้า และบริการไม่เต็มจำนวน ภายในวันที่กำหนด หรือมีการชำระล่าช้า บริษัทผู้ออกบัตรจะคิดดอกเบี้ยตามการใช้จ่ายจริงตั้งแต่วันที่ผู้ออกบัตรได้สำรองจ่ายให้กับทางร้านค้า หรือตั้งแต่วันที่มีการสรุปยอดรายการใช้จ่าย หรือตั้งแต่วันที่ครบกำหนดชำระ ซึ่งการคิดค่าปรับนั้นจะคิดเต็มจำนวนจนถึงวันก่อนครบกำหนดชำระเงิน และคิดตามยอดคงค้าง (หักส่วนที่ชำระแล้วออก)
  • การเบิกถอนเงินสด โดยจะเริ่มคำนวณดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่เบิกถอนเงินสดออกมาเป็นรายวัน

 

เลือกทำบัตรเครดิตที่ไหนดี

สำหรับผู้ที่กำลังคิดอยากจะทำบัตรเครดิต โดยเฉพาะคนที่ทำบัตรเครดิตใบแรก และกำลังสงสัยว่า บัตรเครดิตของธนาคารไหน ถึงจะตอบโจทย์ตัวเองดีที่สุด หากคุณทำงานประจำ และมีการรับเงินเดือนผ่านการโอนเข้าบัญชีธนาคาร การสมัครบัตรกับธนาคารที่เงินเดือนคุณเป็นประจำ หรือธนาคารที่คุณมีบัญชีอยู่แล้ว จะสะดวกมากที่สุด เพราะคุณสามารถตัดยอดได้ง่าย จากยอดเงินในบัญชีที่มี หรือลองหาข้อเสนอของธนาคาร และสถาบันทางการเงินอื่น ๆ หากธนาคารที่คุณใช้บริการอยู่ ยังไม่โดนใจคุณ

นอกจากนี้คุณยังสามารถเทียบเงื่อนไขต่าง ๆ เพื่อความคุ้มค่า และประโยชน์ของคุณเอง ก่อนจะตัดสินใจสมัครบัตรเครดิต เช่น

  • ค่าธรรมเนียมแรกเข้า ค่าธรรมเนียมรายปี และค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ที่เราจะต้องจ่ายให้กับผู้ออกบัตร
  • เงื่อนไขการขอยกเว้นค่าธรรมเนียม
  • รอบระยะเวลาบัญชี
  • ระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยในแต่ละรอบบิล ก่อนเริ่มคิดดอกเบี้ยตามที่ได้กำหนดไว้
  • การชำระเงินผ่านช่องทางต่าง ๆ เพื่อความสะดวก
  • ค่าใช้จ่ายในการชำระเงิน
  • สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่จะได้รับ โดยพิจารณาว่า ตรงกับความต้องการ และไลฟ์สไตล์ของคุณหรือไม่

บทความที่เกี่ยวข้อง : วิธีปลดหนี้บัตรเครดิต ปลดพันธะชีวิตครอบครัว

 

เครือข่ายการชำระเงิน แตกต่างกันอย่างไร?

เคยสงสัยหรือไม่ว่า สัญลักษณ์ที่ติดอยู่บนบัตร ไม่ว่าจะเป็น VISA, Master Card, JCB, Union Pay ซึ่งเราจะเห็นที่บัตรเดบิต หรือบัตรเครดิตนั้น นอกจากจะบ่งบอกว่าบัตรที่คุณถือสามารถใช้จ่ายได้กับร้านค้าไหนบ้าง แล้วสัญลักษณ์นั้น ๆ มีความหมายว่าอย่างไร

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

 

  • บัตรเครดิต Visa 

ถือเป็นบัตรที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายจากประเทศสหรัฐอเมริกา มีทั้งในรูปแบบของบัตรเครดิต และบัตรเดบิต ให้คุณมั่นใจว่าคุณสามารถใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตวีซ่าได้อย่างสะดวกสบาย และครอบคลุมทั่วโลก ทั้งร้านค้าและบริการต่าง ๆ ที่รองรับบัตรวีซ่า ไปจนถึงการใช้บริการตู้เอทีเอ็มที่ให้คุณสามารถกดเงินได้ครอบคลุมกว่า 200 ประเทศทั่วโลก

 

  • บัตรเครดิต MasterCard 

อีกหนึ่งผู้ให้บริการเครือข่ายจากประเทศสหรัฐอเมริกาที่ได้รับความนิยมอย่างมากเช่นเดียวกัน พร้อมรูปแบบการให้บริการทั้งบัตรเครดิต บัตรเดบิต และบัตรพรีเพด แต่มีการรองรับการใช้งานจากร้านค้าที่มากกว่าบัตรวีซ่า นอกจากนี้ประโยชน์ในการใช้งานต่าง ๆ แทบไม่ต่างกับบัตรวีซ่า ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าคุณสามารถใช้จ่ายได้ทุกที่ที่มีเครื่องหมาย MasterCard

 

  • บัตรเครดิต JCB 

บัตรเครดิต JCB คือ ผู้ให้บริการเครือข่ายจากประเทศญี่ปุ่น อีกหนึ่งบัตรที่มีคนสนใจเป็นอย่างมาก อีกทั้งในปัจจุบันร้านค้าส่วนใหญ่ยังเปิดให้สามารถชำระเงินด้วยบัตรเครดิต JCB ด้วยเช่นเดียวกัน นอกจากนี้บัตร JCB มักจะมีสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ในการเดินทางท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น เช่น การจองตั๋วเครื่องบิน ที่พักโรงแรม การซื้อสินค้าจากประเทศญี่ปุ่น บริการต่าง ๆ ในสนามบิน บัตรนี้ตอบโจทย์คนที่ชื่นชอบการเดินทางท่องเที่ยวญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก

 

  • บัตรเครดิต UnionPay

ผู้ให้บริการจากประเทศจีน ที่กำลังเป็นที่น่าจับตามอง ซึ่งมีร้านค้าในประเทศไทยที่รับการชำระผ่าน UnionPay อย่างหลากหลาย นอกจากนี้ยังมอบสิทธิประโยชน์ทั้งการใช้จ่ายที่ประเทศจีน มาเก๊า ไต้หวัน ฮ่องกง ทั้งสำหรับการเดินทางหรือการใช้จ่ายในประเทศนั้น ๆ รวมถึงการเลือกซื้อสินค้าออนไลน์ด้วยสกุลเงินของประเทศดังกล่าว

บทความที่เกี่ยวข้อง : ทำเรื่อง การจัดการการเงิน ให้เป็นเรื่องง่าย และ 5 สิ่งที่ควรทำในฐานะพ่อแม่

 

 

ชนิดโปรโมชันบัตรเครดิต มีอะไรบ้าง?

  • บัตรเครดิตcashback/บัตรเครดิตเงินคืน

มีข้อดีตรงที่ทุก ๆ ครั้งที่คุณใช้งานจนถึงอัตราที่เงื่อนไขกำหนดคุณจะได้เงินคืนกลับมา เหมือนกับยิ่งใช้บัตรยิ่งได้ผลประโยชน์คืน เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของผู้ที่ใช้บัตรชำระสิ่งของต่าง ๆ เป็นจำนวนมากต่อเดือน

 

  • บัตรเครดิตสะสมแต้ม

มีข้อดีตรงที่เมื่อคุณใช้บัตรจับจ่ายใช้สอยคุณจะได้คะแนนบัตรเครดิตกลับคืนมา ซึ่งคุณจะสามารถนำแต้มไปแลกสิ่งของต่าง ๆ ตามเงื่อนไขกำหนดได้ บัตรนี้ใช้งานง่าย เป็นที่นิยม เหมาะกับมือใหม่ที่เพิ่งจะสมัครบัตรครั้งแรก

 

  • บัตรเครดิตแลกไมล์

มีข้อดีตรงที่ที่ยิ่งใช้จะยิงได้แต้มสำหรับใช้เดินทางซื้อตั๋วเครื่องบินฟรี หรือที่พักฟรี เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของผู้ที่มักเดินทางท่องเที่ยว หรือเดินทางไปทำธุระเป็นประจำ

 

การชำระหนี้บัตรเครดิต

ผู้ถือบัตรต้องชำระหนี้ขั้นต่ำในแต่ละงวดไม่น้อยกว่า 10% ของยอดคงค้างทั้งสิ้น โดยอาจชำระผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น​
  • สาขาของสถาบันผู้ออกบัตรเครดิต 
  • จุดบริการรับชำระเงินที่เป็นตัวแทนรับชำระ (บริการ Bill Payment​)  เช่น สาขาธนาคารอื่น Pay@Post เคาน์เตอร์เซอร์วิส  
  • ช่องทางต่าง ๆ ของธนาคาร เช่น เครื่องเอทีเอ็ม อินเทอร์เน็ต ข้อตกลงให้หักจากบัญชีเงินฝาก (Debit Transfer) 
ทั้งนี้ การชำระเงินในแต่ละช่องทางอาจมีเงื่อนไขแตกต่างกันไป เช่น ค่าธรรมเนียม จำนวนเงินสูงสุดที่รับชำระ ดังนั้น ผู้ใช้บริการควรศึกษาค่าธรรมเนียมและเงื่อนไขบริการก่อนใช้บริการ ตามที่ระบุในใบแจ้งยอดหนี้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการใช้บัตรเครดิต จะทำให้ชีวิตของคุณสะดวกสบาย และมีสภาพทางการเงินที่คล่องตัวมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าหากคุณใช้จ่ายโดยไม่ได้คำนึงถึงความสามารถในการชำระคืน ความสะดวกสบายนี้ อาจกลายเป็นการสร้างหนี้ก้อนโตให้กับคุณ และเป็นภาระอันหนักอึ้งได้ในอนาคต ดังนั้น ทุกครั้งที่มีการใช้จ่าย การคำนึงถึงความคุ้มค่า ความจำเป็น และความสามารถในการชำระคืน จึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
ที่มา :  1213.or.th

บทความโดย

Arunsri Karnmana