X
TAP top app download banner
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้า
เข้าสู่ระบบ
  • อยากท้อง
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • โภชนาการ เเม่ท้อง เเม่ให้นม
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • ตั้งชื่อลูก
  • แม่ผ่าคลอด
    • พัฒนาการเด็กผ่าคลอด
    • เตรียมตัวผ่าคลอด
    • สุขภาพเด็กผ่าคลอด
    • คู่มือคุณแม่ผ่าคลอด
    • การดูแลหลังผ่าคลอด
    • โภชนาการเด็กผ่าคลอด
  • หลังคลอด
    • คลอดธรรมชาติ
    • ผ่าคลอด
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • ที่เที่ยว
    • เที่ยวไทย
    • เที่ยวต่างประเทศ
    • ที่พัก และ โรงแรม
  • ที่กิน
    • ร้านอร่อย
    • ร้านอร่อยสำหรับเด็ก
    • คาเฟ่
    • เมนูอาหาร
  • ไลฟ์สไตล์
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • TAPpedia
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
  • VIP

โควิด-19: เกิดอะไรขึ้นในบราซิล อะไรทำให้ทารกบราซิลจำนวนมากตายด้วยโรคนี้

บทความ 5 นาที
โควิด-19: เกิดอะไรขึ้นในบราซิล อะไรทำให้ทารกบราซิลจำนวนมากตายด้วยโรคนี้

โควิด-19: เกิดอะไรขึ้นในบราซิล อะไรทำให้ทารกบราซิลจำนวนมากตายด้วยโรคนี้

        เกิดอะไรขึ้นในบราซิล เป็นเวลากว่าหนึ่งปีแล้ว ที่เกิดการระบาดของโรคโควิท-19 ขณะนี้การเสียชีวิตในบราซิลอยู่ที่จุดสูงสุดอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ถึงแม้ว่าจะมีหลักฐานมากมายที่ว่าโควิด -19 ไม่น่าจะเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตในเด็กทารก แต่ เกิดอะไรขึ้นในบราซิล เพราะ กลับมีเด็กจำนวนกว่า 1,300 คนเสียชีวิตจากโรคนี้ และหนึ่งในนั้นเหยื่อเคราะห์ร้ายจากโรคนี้ คือลูกชายวัย 1 ขวบของเจสซิกา ริคาร์เต ซึ่งนายแพทย์ท่านหนึ่งปฏิเสธที่จะทดสอบลูกชายวัยหนึ่งขวบของ Jessika Ricarte สำหรับ Covid โดยให้เหตุผล ว่าอาการของเขาไม่ตรงกับรายละเอียดของเชื้อไวรัส ตัวนี้ ส่งผลให้ 2 เดือนถัดมา หนูน้อยต้องเสียชีวิตลงจากอาการแทรกซ้อนของโรคโควิด-19

สองปีของความพยายามทุกทางเพื่อให้มีลูก ซึ่งร่วมด้วยถึงการเข้ารับการรักษาภาวะมีบุตรยาก เจสซิกา ซึ่งมีอาชีพครู ก็ล้มเลิกความหวังจากการพยายามมีบุตร แต่จู่ ๆ เธอก็ตั้งท้องลูคัส

“ชื่อของเขามาจากแสงสว่างโชติช่วง เขาคือแสงสว่างในชีวิตของพวกเรา เขาทำให้เรามีความสุขมากกว่าที่เราเคยจินตนาการไว้” เจสซิกา เล่าให้ทีมข่าวทางบีบีซีฟัง

โควิทในบราซิล

โควิทในบราซิล

เจสซิกาเล่าว่า ก่อนเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เธอสงสัยความผิดปกติบางอย่างที่เกิดขึ้น เธอเชื่อว่า มีบางอย่างผิดปกติเมื่อลูคัสซึ่ง ลูกน้อยของเธอปกตินั้น เป็นคนกินเก่ง แต่กลับมีอาการเบื่ออาหาร ซึ่งในตอนแรก Jessika สงสัยและคิดว่าลูกอาจกำลังฟันขึ้นใหม่ และ แม่อุปถัมภ์หรือแม่ทูลหัวของลูคัสซึ่งเป็นนางพยาบาลก็แนะนำว่าเขาอาจแค่มีอาการเจ็บคอ และหลังจากนั้น หนูน้อยเริ่มมีไข้สูง และแสดงอาการอ่อนเพลีย ร่วมกับมีอาการหายใจลำบากเล็กน้อย เจสซิกาจึงพาลูกไปที่โรงพยาบาลและขอให้เขาตรวจหาเชื้อโควิด

 

Advertisement

“หมอใส่ oximeter ใช้เครื่องวัดออกซิเจนในเลือด ระดับของ Lucas อยู่ที่ 86% ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่ามันไม่ปกติ” เจสซิกา กล่าว

แต่เขาไม่ได้เป็นไข้หมอจึงบอกว่า ไม่ต้องกังวลไม่จำเป็นต้องตรวจโควิดอาจเป็นแค่อาการเจ็บคอเล็กน้อยและบอก Jessika ว่า Covid-19 ตรวจพบเจอได้ยากในเด็ก พร้อมกับสั่งจ่ายยาปฏิชีวนะแล้วให้เธอกับลูกกลับบ้าน ถึงแม้ว่าเธอยังไม่ค่อยเชื่อคำของหมอ แต่ตอนนั้นเจสซิกาก็ไม่มีทางเลือกอื่นที่จะให้ลูคัสไปรับการตรวจจากสถานบริการเอกชน

เธอกล่าวว่าอาการบางอย่างของลูกน้อยดีขึ้นและหายไปเมื่อสิ้นสุด  การให้ยาปฏิชีวนะ 10 วัน แต่ที่ยังสังเกตุได้คือ ความเหนื่อยล้ายังคงอยู่ เช่นเดียวกับที่เธอกังวลเกี่ยวกับ coronavirus

“ฉันส่งวิดีโอหลายรายการไปให้แม่ทูนหัวพ่อแม่แม่สามีของฉันและทุกคนบอกว่าฉันพูดเกินจริงว่าฉันควรหยุดดูข่าวเพราะมันทำให้ฉันหวาดระแวง แต่ฉันรู้ว่าลูกชายของฉันไม่ใช่ ตัวเขาเองว่าเขาหายใจไม่ปกติ”เจสสิกากล่าว

โควิทในเด็กที่บราซิล

โควิทในเด็กที่บราซิล

 

และในเดือนพฤษภาคมปี 2020 ซึ่งการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา กำลังเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีทีท่าลดลง  มีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 รายในเมือง Tamboril ในCearáทางตะวันออกเฉียงเหนือของบราซิล เมืองเล็กๆที่ทุกคนรู้จักกัน เมื่อมีข่าวการเสียชีวิตจากโรคนี้ ก็สร้างความตกใจไม่น้อยให้กับคนในพื้นที่อิสราเอล สามีของเจสซิกายังเป็นห่วงว่าการไปโรงพยาบาลอีกครั้งจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงที่เธอและลูคัสจะติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้

แต่หลายสัปดาห์ผ่านไปลูคัสก็ง่วงและหลับง่ายขึ้น ในที่สุดในวันที่ 3 มิถุนายน เหตุการณ์กลับผิดปกติมากยิ่งขึ้น เพราพ ลูคัสอาเจียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลังจากรับประทานอาหารกลางวัน แล้ววันนั้นเจสสิกาผู้เป็นแม่ รู้ว่าเธอต้องลงมือทำอะไรบางอย่างกับเหตุการณ์นี้ พวกเขากลับไปที่โรงพยาบาลในพื้นที่ซึ่งแพทย์ได้ทดสอบลูคัสเพื่อหาโควิด แม่อุปถัมภ์ของลูคัสซึ่งทำงานอยู่ที่นั่นบอกข่าวอันน่าตกใจ กับทั้งคู่ว่าผลการทดสอบของเขาเป็นบวก

“ ตอนนั้นโรงพยาบาลยังไม่มีเครื่องช่วยชีวิตด้วยซ้ำ” เจสิกากล่าว

ลูคัสถูกย้ายไปที่หออภิบาลผู้ป่วยเด็กใน Sobral ซึ่งห่างออกไปกว่าสองชั่วโมง ซึ่งเขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคที่เรียกว่า อาการป่วยเป็นกลุ่มอาการอักเสบของอวัยวะหลายระบบ (multi-system inflammatory syndrome หรือ MIS)

กล่าวคืออาการนี้คือการตอบสนองภูมิคุ้มกันอย่างรุนแรงต่อไวรัสซึ่งอาจทำให้เกิดการอักเสบของอวัยวะสำคัญ ผู้เชี่ยวชาญกล่าวเกี่ยวกับอาการนี้ว่า นี่เป็นอาการที่พบได้ยาก โดยส่งผลต่อเด็กหลังจากได้รับเชื้อไปแล้วถึง 6 สัปดาห์ แต่ พญ.ฟาติมา มารินยู นักระบาดวิทยาชั้นแนวหน้าของบราซิลจากมหาวิทยาลัยเซาเปาโล บอกว่าช่วงที่โควิด-19 ระบาดใหญ่ เธอได้เห็นผู้ป่วยเด็กที่มีอาการ MIS มากเป็นประวัติการณ์ แม้มันจะไม่ใช่ต้นเหตุหลักของเด็กที่เสียชีวิตทุกรายก็ตาม

อาการของลูคัสรุนแรงขึ้น เมื่อลูคัสถูกใส่ท่อช่วยหายใจ Jessika ไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในห้องเดียวกัน และถูกแยกตัวออกมา ในเวลาต่อมา หมอบอกเธอว่าลูคัสมีภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน แต่พวกเขาสามารถกู้ชีพจรขึ้นมาได้ ดร. มานูเอลามอนเตแพทย์เด็กที่รักษาลูคัสมานานกว่าหนึ่งเดือนในห้องไอซียูในโซบราลกล่าวว่าเธอรู้สึกประหลาดใจมาก ที่อาการของลูคัสนั้นร้ายแรง เพราะเขาไม่มีปัจจัยเสี่ยงใด ๆ

เด็กส่วนใหญ่ที่ได้รับผลกระทบจาก Covid มีอาการร่วมด้วยเช่นโรคเบาหวานหรือโรคหัวใจและหลอดเลือดหรือมีน้ำหนักเกินตามที่ Lohanna Tavares แพทย์ด้านโรคติดเชื้อในเด็กที่โรงพยาบาลเด็ก Albert Sabin ในเมืองฟอร์ตาเลซาแต่นั่นกลับไม่ใช่กรณีของลูคัส

โควิทในเด็ก

โควิทในเด็ก

ในช่วง 33 วันที่ลูคัสอยู่ในห้องไอซียู เจสสิกาได้รับอนุญาตให้พบเขาเพียงสามครั้งเท่านั้น ลูคัสต้องการอิมมูโนโกลบูลินซึ่งเป็นยาที่มีราคาแพงมาก  ลูคัสป่วยหนักจนได้รับอิมมูโนโกลบูลินเป็นครั้งที่สอง เขามีผื่นขึ้นตามร่างกายและมีไข้อยู่ตลอดเวลา เขายังต้องต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ จากนั้นลูคัสก็เริ่มมีอาการดีขึ้นและแพทย์ตัดสินใจนำท่อออกซิเจนของเขาออก พวกเขาใช้วิดีโอเรียกว่า Jessika และ Israel เพื่อที่ลูคัสจะได้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเมื่อฟื้นคืนสติ “เมื่อเขาได้ยินเสียงของเราเขาก็เริ่มร้องไห้” เจสิกากล่าว เหมือนทุกอย่างจะดีขึ้น แต่ไม่ใช่เลย เพราะนี่เป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเขาจะได้เห็นลูกชายของพวกเขามีปฏิกิริยา ในการโทรครั้งต่อมาหนูน้อย “ดูเหมือนเป็นอัมพาต” โรงพยาบาลนำลูคัสเข้าเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือ ซีที สแกน และพบว่าเขามีอาการของโรคหลอดเลือดสมอง

ถึงกระนั้นทั้งคู่ก็ได้รับแจ้งว่าลูคัสจะได้รับข่าวดี แพทย์ยังบอกเจสซิกากับสามีว่าลูคัสจะหายดีด้วยการดูแลที่ถูกต้อง และจะถูกย้ายออกจากห้องไอซียูไปอยู่ห้องผู้ป่วยทั่วไปในอีกไม่นาน ตอนที่เจสซิกาไปเยี่ยมลูก หมอก็มีความหวังพอ ๆ กับเธอและสามี

“คืนนั้นฉันปิดโทรศัพท์มือถือฉันฝันว่าลูคัสขึ้นมาหาฉันและจูบที่จมูกของฉันและความฝันนั้นเป็นความรู้สึกที่ดีของความรักความกตัญญูและฉันก็ตื่นขึ้นมามีความสุขมากจากนั้นฉันก็เห็นว่าโทรศัพท์มีสายจากหมอโทรมาเป็นสิบสาย”

แพทย์บอก Jessika ว่าอัตราการเต้นของหัวใจและระดับออกซิเจนของ Lucas ลดลงอย่างกะทันหันและเขาเสียชีวิตในเช้าวันนั้น

ครอบครัวเด็กในบราซิล

ครอบครัวเด็กในบราซิล

เธอรู้สึกมั่นใจว่าถ้าลูคัสได้รับการทดสอบโควิดเมื่อเธอขอกลับในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมเขาจะรอดชีวิต”เป็นสิ่งสำคัญที่แพทย์แม้ว่าพวกเขาจะเชื่อว่าไม่ใช่โควิด แต่ก็ต้องทำการทดสอบเพื่อกำจัดความเป็นไปได้” เธอกล่าว

“ซึ่งทารกไม่ได้บอกว่าเขากำลังรู้สึกอะไรดังนั้นเราจึงต้องอาศัยการทดสอบ”

 ซึ่งเจสซิกาเชื่อว่าการรักษาที่ล่าช้าทำให้อาการของลูกรุนแรงขึ้น “ลูคัสมีอาการอักเสบหลายจุด ปอดของเขาได้รับความเสียหายไป 70% ในความเป็นจริงมันเป็นสถานการณ์ที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ถ้าได้รับการตรวจสอบก่อนหน้านี้” พญ. มอนเต แพทย์เจ้าของไข้เห็นด้วยกับเจสซิกา เธอบอกว่าแม้อาการ MIS จะไม่สามารถป้องกันได้ แต่การรักษามีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้น หากมีการวินิจฉัยโรคและรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ

จากเรื่องราวของลูคัส เจสซิกาจึงอยากแบ่งปันเรื่องราวของลูคัส เพื่อเตือนใจพ่อแม่คนอื่นที่อาจมองข้ามอาการป่วยที่สำคัญของลูกน้อย เธอเล่าว่าแม่หลายคนเห็นโพสต์เกี่ยวกับลูคัสแล้วพาลูกไปโรงพยาบาลได้ทันท่วงทีจนเด็กปลอดภัย ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ดี

สถานการณ์โควิทตอนนี้ ในประเทศบราซิล เป็นอย่างไร  เกิดอะไรขึ้นในบราซิล  ?

แม้ว่าสถานการณ์โควิทในประเทศบราซิลยังไม่ดีขึ้น แต่ประธานาธิบดีชาอีร์ โบลโซนาโร ของบราซิล ยังคงยืนกรานคัดค้านและไม่อนุมติ การใช้มาตรการล็อกดาวน์ แม้อัตราการติดเชื้อในประเทศยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากเชื้อโรคโควิด-19 กลายพันธุ์ที่เรียกว่า P.1 ซึ่งพบครั้งแรกในเมืองมาเนาส์ ทางภาคเหนือของบราซิลเมื่อปีที่แล้ว

แต่ก็ยังคงมีความเข้าใจผิดว่าเด็ก ๆ ไม่มีความเสี่ยงต่อโรคโควิดแต่อย่างไร ถึงแม้ว่าจะมีข้อมูลจากดร. ฟาติมามาริญโญ่ซึ่งเป็นที่ปรึกษาอาวุโสของกลยุทธ์ที่สำคัญขององค์กรพัฒนาเอกชนด้านสุขภาพระหว่างประเทศกล่าว การวิจัยของ Marinho พบว่ามีเด็กและทารกจำนวนมากอย่างน่าตกใจที่ได้รับผลกระทบจากไวรัส

โควิทในประเทศบราซิล
บทความจากพันธมิตร
ดูแลทารกแรกเกิดวิกฤติน้ำหนักเพียง 500 กรัมสำเร็จ ด้วยความเชี่ยวชาญระดับสากล ที่ โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล
ดูแลทารกแรกเกิดวิกฤติน้ำหนักเพียง 500 กรัมสำเร็จ ด้วยความเชี่ยวชาญระดับสากล ที่ โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล
เคล็ดลับดูแลครรภ์ และ สร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อย
เคล็ดลับดูแลครรภ์ และ สร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อย
โรคภูมิแพ้ในเด็ก ป้องกันได้ตั้งแต่แรกเกิด ด้วยนมแม่ที่มีคุณสมบัติเป็น H.A. (Hypoallergenic)
โรคภูมิแพ้ในเด็ก ป้องกันได้ตั้งแต่แรกเกิด ด้วยนมแม่ที่มีคุณสมบัติเป็น H.A. (Hypoallergenic)
พ่อแม่ต้องรู้! วิธีป้องกัน RSV ในเด็ก ช่วยลูกไม่ป่วยหนัก
พ่อแม่ต้องรู้! วิธีป้องกัน RSV ในเด็ก ช่วยลูกไม่ป่วยหนัก

โควิทในบราซิล

ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ 2020 ถึง 15 มีนาคม 2021 Covid-19 คร่าชีวิตเด็ก ๆ ในบราซิลอย่างน้อย 852 คนที่อายุไม่เกิน 9 ขวบรวมถึงทารกที่อายุต่ำกว่า 1 ขวบ 518 คนตามตัวเลขจากกระทรวงสาธารณสุขของบราซิล แต่ดร. มาริญโญ่ประเมินว่าเด็กจำนวนนี้เสียชีวิตด้วยโรคโควิดมากกว่าสองเท่า ปัญหาร้ายแรงของการรายงานน้อยเกินไปเนื่องจากไม่มีการทดสอบโควิดคือทำให้ตัวเลขลดลงเธอกล่าว

Dr Marinho คำนวณจำนวนผู้เสียชีวิตที่มากเกินไปโดยกลุ่มอาการทางเดินหายใจเฉียบพลันที่ไม่ระบุรายละเอียดในระหว่างการแพร่ระบาดและพบว่ามีผู้เสียชีวิตจากกลุ่มอาการทางเดินหายใจที่ไม่สามารถอธิบายได้มากกว่าปีก่อน ๆ ถึง 10 เท่า จากการเพิ่มตัวเลขเหล่านี้เธอประเมินว่าไวรัสได้คร่าชีวิตเด็กอายุต่ำกว่า 9 ปีไปแล้ว 2,060 คนรวมถึงทารก 1,302 คน

ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ชนิดนี้ทำให้คนติดเชื้อได้ง่ายขึ้น และอัตราผู้ติดเชื้อที่มีแนวโน้มสูงอย่างต่อเนื่องก็เป็นอันตรายคุกคามเด็กบราซิล นอกจากนี้การที่มียอดผู้ป่วยโควิดเด็กเพิ่มขึ้นก็มาจากปัญหาการไม่ตรวจคัดกรองโรคอย่างเพียงพอ

 

ตรวจสอบอาการลูกน้อย เมื่อไหร่ต้องพาลูกไปพบแพทย์

ถึงแม้เด็กจะติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้ แต่แนวโน้มที่จะล้มป่วยด้วยอาการรุนแรงมีค่อนข้างน้อย อาจพบได้ในกรณีพิเศษสำหรับเด็กบางคน คอยระมัดระวัง หากบุตรหลานของคุณไม่สบายก็มีแนวโน้มว่าจะเป็นการเจ็บป่วยอย่างอื่นที่ไม่ใช่อาการป่วยจากโควิด-19

ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งอังกฤษ แนะนำให้ผู้ปกครองรีบพาลูกน้อยไปพบแพทย์หากมีอาการดังต่อไปนี้ควรรีบนำเด็กเข้าพบแพทย์โดยเร็ว

  • สังเกตุจากผิว ตัวซีด ตัวและผิวลาย (mottled skin) และตัวเย็นผิดปกติ

  • ให้สังเกตุขณะนอนหลับ มีภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับหรือไม่ หรือ หายใจไม่สม่ำเสมอ และยังส่งเสียงร้องครางขณะหายใจออก

  • มีอาการหายใจลำบากมาก กระสับกระส่าย หรือไม่ตอบสนองใดใด

  • สังเกตุ รอบริมฝีปากเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน มีสีคล้ำขึ้นผิดปกติ

  • มีอาการชัก ตรวจสอบว่ามีอาการชักจากไข้ขึ้นสูงด้วยหรือไม่

  • เด็กร้องไห้ไม่หยุดแม้จะพยายามปลอบโยนและดึงความสนใจแล้วก็ตาม มีอาการสับสน ตื่นยาก และไม่ตอบสนอง

  • ตามตัวและผิวหนังมีผื่นแดงขึ้น และไม่จางหายไปด้วยแรงกด

  • ในเด็กวัยรุ่นชายมีอาการปวดลูกอัณฑะร่วมด้วย

ที่มา :bbc
บทความประกอบ  : โควิด-19 ทำให้แม่ท้องต้อง คลอดลูกคนเดียว ผลกระทบไวรัสโคโรน่า

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
img
บทความโดย

Thippaya Trangtulakan

  • หน้าแรก
  • /
  • สุขภาพ
  • /
  • โควิด-19: เกิดอะไรขึ้นในบราซิล อะไรทำให้ทารกบราซิลจำนวนมากตายด้วยโรคนี้
แชร์ :
  • ทำไมไม่ควรให้เด็กเล็กกินยาลดน้ำมูก ผลข้างเคียงของยาลดน้ำมูกที่แม่ต้องรู้!

    ทำไมไม่ควรให้เด็กเล็กกินยาลดน้ำมูก ผลข้างเคียงของยาลดน้ำมูกที่แม่ต้องรู้!

  • อย่ามองข้าม! อึติดปลายจู๋ ลูกชายเสี่ยงติดเชื้อกระเพาะปัสสาวะ ไตวายไม่รู้ตัว

    อย่ามองข้าม! อึติดปลายจู๋ ลูกชายเสี่ยงติดเชื้อกระเพาะปัสสาวะ ไตวายไม่รู้ตัว

  • ไม่สูบบุหรี่ก็เป็นมะเร็งปอดได้ เช็ก 10 สัญญาณเตือน โรคมะเร็งปอดในผู้หญิง

    ไม่สูบบุหรี่ก็เป็นมะเร็งปอดได้ เช็ก 10 สัญญาณเตือน โรคมะเร็งปอดในผู้หญิง

  • ทำไมไม่ควรให้เด็กเล็กกินยาลดน้ำมูก ผลข้างเคียงของยาลดน้ำมูกที่แม่ต้องรู้!

    ทำไมไม่ควรให้เด็กเล็กกินยาลดน้ำมูก ผลข้างเคียงของยาลดน้ำมูกที่แม่ต้องรู้!

  • อย่ามองข้าม! อึติดปลายจู๋ ลูกชายเสี่ยงติดเชื้อกระเพาะปัสสาวะ ไตวายไม่รู้ตัว

    อย่ามองข้าม! อึติดปลายจู๋ ลูกชายเสี่ยงติดเชื้อกระเพาะปัสสาวะ ไตวายไม่รู้ตัว

  • ไม่สูบบุหรี่ก็เป็นมะเร็งปอดได้ เช็ก 10 สัญญาณเตือน โรคมะเร็งปอดในผู้หญิง

    ไม่สูบบุหรี่ก็เป็นมะเร็งปอดได้ เช็ก 10 สัญญาณเตือน โรคมะเร็งปอดในผู้หญิง

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • พัฒนาการลูก
  • ชีวิตครอบครัว
  • ระยะการตั้งครรภ์
  • โภชนาการ
  • ไลฟ์สไตล์
  • TAP สังคมออนไลน์
  • ติดต่อโฆษณา
  • ติดต่อเรา
  • Influencer Marketing (KOL)
  • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Vietnam flag Vietnam
© Copyright theAsianparent 2025. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว