ลูกน้อยที่กำลังเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ อาจพบเจอกับปัญหาบางอย่าง ที่ยากจะหลีกเลี่ยง นั่นคือ “ความกลัว” ซึ่งเด็กแต่ละคนจะมีความกลัวที่แตกต่างกัน แต่อาการที่เราจะพูดถึงคือ “ลูกกลัวเสียงดัง” ซึ่งสามารถพบเสี่ยงพบเจอในชีวิตประจำวัน และยากที่จะควบคุมได้ เช่น เสียงประทัด, เสียงลูกโป่งแตก หรือเสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่า เป็นต้น
ลูกกลัวเสียงดัง มีสาเหตุหลายประการ
สาเหตุที่ทำให้ลูกน้อยกลัวต่อเสียงที่ดัง ไม่ว่าจะเป็นเสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่า, เสียงประทัด หรือเสียงลูกโป่ง มักมาจากเหตุผลของความทรงจำ หรือประสบการณ์ที่ไม่ดีซึ่งอาจเกิดมาจากเหตุการณ์ดังกล่าว หรือเกิดจากความไม่เข้าใจ เพราะอายุยังน้อย ไปจนถึงเป็นความกลัวที่มาจากโรคกลัว (Phobia) หรือโรคอื่น ๆ ได้ด้วยเช่นกัน
อาการที่พบได้เมื่อลูกเกิดความกลัวจากเสียงดัง
อาการทั่วไปที่พบได้ คือ หวาดกลัว, งอแง, ต้องการหลีกหนีต่อสถานการณ์สุ่มเสี่ยง, มีอาการสั่นกลัว เป็นต้น ซึ่งอาการจะหายไปเมื่อรู้สึกว่าปลอดภัย นอกจากนี้หากความกลัวต่อเสียงดังเกิดจากโรคทางจิต เช่น โรคกลัว (Phobia) จะมีอาการที่รุนแรงกว่าอย่างเห็นได้ชัดกลัวว่าตนเองจะเป็นอันตราย โวยวาย และจะไม่สามารถควบคุมตนเองได้ เป็นต้น ซึ่งเป็นอาการที่สามารถพบแพทย์เพื่อรักษาด้วยการบำบัด หรือการใช้ยาได้ตามความเหมาะสม
บทความที่เกี่ยวข้อง : โรคกลัว (Phobia) อาการกลัวสิ่งต่าง ๆ โรคทางจิตที่คุณอาจไม่รู้ตัว
วิดีโอจาก : Samitivej Hospitals
ทำไมลูกถึงกลัวเสียงประทัด ?
- อาจเคยมีประสบการณ์ไม่ค่อยดีเกี่ยวกับเสียงของประทัด เช่น มีเหตุการณ์ร้ายเคยเกิดขึ้น และมีเสียงของประทัดเป็นองค์ประกอบด้วย เป็นต้น ทำให้เด็กรู้สึกหวาดกลัวทุกครั้งที่ได้ยินเสียง
- มีความเข้าใจเกี่ยวกับความกลัวจากเสียงดัง เนื่องจากเหตุการณ์ต่าง ๆ ตามข่าว หรือภาพยนตร์ เสียงที่ดังมากอย่างต่อเนื่องมักมากับเหตุการณ์ที่น่ากลัว จนเกิดเป็นภาพจำให้กับลูก
- ไม่สามารถแยกแยะสิ่งที่ควรกลัวได้อย่างถูกต้อง เด็กไม่มีความเข้าใจว่าของบางอย่าง อาจมีเสียง แต่ไม่เกิดอันตรายถ้าไม่ได้อยู่ใกล้ เป็นเพราะลูกยังมีอายุน้อยเกินไป และต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม
- เด็กอาจถูกปลูกฝังให้กลัวจากคนรอบข้าง เช่น เมื่อมีเสียงประทัด พ่อแม่จะห้ามไม่ให้เข้าใกล้ เพราะอาจเกิดอันตรายได้ จนลูกจดจำไปเองว่าเป็นสิ่งที่น่ากลัว เมื่ออยู่ในสถานการณ์อื่น ๆ
ลูกกลัวเสียงประทัด ทำอย่างไรดี
- พูดคุยกับลูกทำความเข้าใจว่าเป็นเสียงอะไร หากไม่ได้อยู่ใกล้ ๆ จะปลอดภัย หรือใช้สื่อออนไลน์ วิดีโอต่าง ๆ ให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้ประทัด และสิ่งที่ต้องระวัง เพื่อให้มีความเข้าใจมากขึ้น
- หากมีความจำเป็นเดินทางไปในที่มีเสียงประทัด ต้องบอกกับลูกก่อน เพื่อให้เกิดการเตรียมตัว และคอยอยู่กับลูกตลอดเวลา
- ไม่นำเสียงประทัดมาหลอกลูกเพื่อให้เกิดความกลัว การพูดหลอกให้กลัวไม่ใช่การเรียนรู้ที่ถูกต้อง
- หากพบว่าลูกเป็นโรคกลัว (Phobia) ต้องเตรียมความพร้อม และเตรียมยาติดตัวตลอดเวลา เพราะอาจต้องเจอกับเสียงประทัดโดยไม่ทันตั้งตัวได้
ทำไมลูกกลัวเสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่า ?
- มีความทรงจำที่ไม่ดีมาก่อน เหตุการณ์ที่ไม่ดี อาจเกิดขึ้นในช่วงที่มีเสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่า
- เคยได้รับอุบัติเหตุ หรือคนรอบข้างได้รับอุบัติเหตุมาก่อน ซึ่งเกี่ยวกับสภาพอากาศ เช่น อุบัติเหตุทางรถยนต์จากถนนลื่น เพราะฝนตก ฟ้าร้อง เป็นต้น
- อาจมีความผิดปกติทางสมองในกลุ่ม (Autism Spectrum Disorders หรือ ASD) หรือที่เราเรียกกันว่า “กลุ่มออทิสติก” ซึ่งอาจไวต่อเสียง
- เกิดจากอาการของโรค Astraphobia ซึ่งเป็นโรคที่ทำให้เกิดความกลัวต่อเสียงฟ้าร้อง และเสียงฟ้าผ่า มักพบในวัยเด็ก สังเกตจากอาการเหงื่อออก, ใจเต้นเร็ว, เจ็บหน้าอก, ต้องการซ่อนตัว และอยากให้มีคนอยู่ด้วย เป็นต้น
ลูกกลัวเสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่า ทำอย่างไรดี
โดยปกติแล้ว การแก้ปัญหานี้มีความจำเป็นต้องพบแพทย์ก่อน เนื่องด้วยมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับอาการทางจิตอยู่หลายประการ ซึ่งการพบแพทย์จะทำให้ได้รับคำแนะนำในการรักษาได้ดีกว่า เช่น การรักษาด้วยการบำบัดทั้งทางพฤติกรรม และความคิด, การให้ค่อย ๆ เผชิญหน้ากับความกลัว หรือฝึกการตั้งสติ และการปรับตัวของตนเองให้มากยิ่งขึ้นตามความเหมาะสม รวมไปถึงการใช้ยารักษาด้วย เป็นต้น
ทำไมลูกกลัวเสียงลูกโป่งแตก ?
เรียกว่า “อาการกลัวลูกโป่ง (Balloon phobia หรือ Globophobia)” ซึ่งเป็นความกลัวต่อลูกโป่ง มีความกลัวต่อเสียงแตกของลูกโป่ง ทำให้รู้สึกไม่กล้าเข้าใกล้ หรือกลัวทุกครั้งที่มีคนเป่าลูกโป่ง บางรายอาจไม่อยากเข้าใกล้ลูกโป่งเลย ซึ่งพบได้ทั้งในเด็ก และในผู้ใหญ่ และเป็นสาเหตุหลักของการกลัวลูกโป่งแตก นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากการที่ลูกฝังใจจากการถูกแกล้ง เช่น โดนเจาะลูกโป่งแตกใส่หน้า หรือถูกแกล้งเจาะลูกโป่งให้แตกจนตกใจบ่อยครั้ง ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้กลัวเสียงลูกโป่งแตกได้เช่นกัน
ลูกกลัวเสียงลูกโป่งแตก ทำอย่างไรดี
หากเป็นการกลัวจากเหตุการณ์ที่ถูกแกล้งจนมีความฝังใจ ต้องหยุดการกระทำดังกล่าว หากเกิดจากที่โรงเรียน ต้องแจ้งครูประจำชั้น พยายามให้ลูกเลี่ยงจากเหตุการณ์ที่อาจต้องเจอเสียงแตกของลูกโป่ง อาจฝึกลูกด้วยการให้เผชิญหน้ากับความกลัว แต่ต้องตกลงกับลูกก่อน หากพบว่ามีอาการกลัวมาก จนไม่สามารถควบคุมได้ หรือมีอาการรุนแรงสั่นกลัว ควบคุมสติไม่ได้ สามารถพาลูกเข้าพบแพทย์เพื่อรับคำแนะนำได้เช่นกัน
ความกลัว หรืออาการตกใจไม่ใช่ความผิดปกติเสมอไป
สิ่งที่สำคัญ คือ พ่อแม่ต้องให้ลูกเข้าใจว่า ความกลัวที่มีต่อเสียงต่าง ๆ หรืออาการตกใจ อยากออกจากพื้นที่นั้น ๆ ไม่ใช่อาการทางจิตเสมอไป เนื่องจากยังมีปัจจัยเรื่องความกลัวในแต่ละบุคคล หรือเป็นเพียงอาการตกใจชั่วคราวเท่านั้น เมื่อเหตุการณ์จบไปทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงต้องช่วยสังเกตลูกว่ามีอาการที่เข้าข่ายโรคกลัว (Phobia) หรือไม่ด้วย
อาการกลัวเสียงดังแบบไหนต้องไปพบแพทย์
กรณีที่ต้องเข้าพบแพทย์ คือ มีกลุ่มอาการที่แสดงถึงความกลัวมากกว่าปกติ มีอาการที่รุนแรงมากเป็นพิเศษ เมื่อต้องเจอกับสถานการณ์ที่เสียงดัง หรือสถานการณ์อื่น ๆ เช่น ใจเต้นเร็ว, สั่นกลัว, ควบคุมตนเองไม่ได้, กลัวว่าตนเองอาจจะตาย, ร้องไห้งอแง, เรียกให้คนเข้ามาช่วย หรือมีอารมณ์ที่โมโหฉุนเฉียว เป็นต้น อาการเหล่านี้เข้าข่าย “โรคกลัว (Phobia)” หรือโรคที่เกี่ยวข้องกับปัญหาทางจิต ผู้ปกครองต้องทำความเข้าใจว่าไม่ได้หมายถึงลูกของตนป่วยทางจิต แต่แค่มีปฏิกิริยาโต้ตอบอย่างรุนแรงต่อสิ่งที่กลัวเท่านั้น จึงควรรักษาไว้แต่เนิ่น ๆ เพื่อให้ลูกสามารถใช้ชีวิตได้ปกติในทุกสถานการณ์นั่นเอง
ปัญหาความกลัว สามารถเกิดขึ้นได้กับเด็ก ไม่ใช่แค่ในทางโรค แต่อาจเพราะเด็กยังต้องการที่จะเรียนรู้ต่อสิ่ง ๆ ต่าง ๆ มากขึ้น จึงต้องใช้เวลา และผู้ปกครองก็ควรให้ความสำคัญกับการสอนลูกให้รู้จักกับโลกมากขึ้นด้วย
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
5 สัญญาณบ่งบอก โรคกลัวการเข้าสังคม โรคกลัวคนเยอะ ของลูก
ลูก ๆ กลัวความสูง จะดูแลลูกยังไงดี โรคความกลัวนี้ส่งผลต่อการใช้ชีวิตเด็กหรือไม่
20 โรคกลัว ภาวะโฟเบียที่น่าสนใจ โรคกลัวอะไรแปลก ๆ แบบนี้คุณเป็นหรือเปล่า!?
ที่มาข้อมูล : hellokhunmor pobpad maerakluke wikipedia