ตาบอดสีในเด็ก อาจเกิดขึ้นได้กับลูกของคุณ โดยอาการตาบอดสีนั้นอาจทำให้ประสิทธิภาพการแยกสีของเด็ก ๆ นั้นแย่ลง หรือไม่สามารถแยกสีสันได้ และทำไมลูกของเราถึงตาบอดสี ตาบอดสีเกิดจาก มีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์ หรือความผิดปกติอะไร มาดูกันค่ะ
ตาบอดสี เกิดจากอะไร?
ตาบอดสีเกิดจาก ปัญหาเรื่องของการมองเห็นส่วนใหญ่มักเป็นมาจากพันธุกรรม หรือได้รับเป็นมรดกตกทอดผ่านกรรมพันธุ์ และมีติดตัวมาตั้งแต่เกิด การที่เกิดตาบอดสีในเด็กนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับบางครอบครัวที่อาจเคยมีประวัติคนในครอบครัวเป็นมาก่อน โดยตาบอดสีนั้นมาจากเซลล์ในดวงตาของเราที่เรียกว่า เซลล์รูปกรวย (Cone Cell) เป็นเซลล์รับแสงชนิดหนึ่งที่ทำหน้าที่ในการเห็นสี โดยปกติแล้วคนทั่วไปจะมีเซลล์นี้ทั้งหมด 3 กรวย เพื่อรับแสงสีแดง เขียว และน้ำเงิน ซึ่งหากเป็นผู้ที่มีตาบอดสีแล้วนั้นจะเกิดจากเซลล์รูปกรวยรับสีทำงานไม่ถูกต้อง หรือไม่มีเซลล์รูปกรวยรับสีใดสีหนึ่ง หรือมากกว่า ถึงแม้ว่าตาบอดสีนั้นจะเป็นสิ่งที่ส่งผ่านทางพันธุกรรม แต่ยังมีบางกรณีที่อาจส่งผลทำให้คุณตาบอดสีได้เหมือนกัน ดังนี้
- ริ้วรอย ตีนกาบริเวณหางตา
- ปัญหาเกี่ยวกับดวงตา เช่น จอประสาทตาเสื่อม ต้อหิน ต้อกระจก หรือเบาหวานขึ้นตา
- การได้รับบาดเจ็บ หรือบริเวณดวงตาถูกทำร้ายอย่างรุนแรง
- ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด
โดยตาบอดสีนั้นส่งผลกระทบต่อคนทั่วโลกมากกว่า 300 ล้านคน โดยเฉลี่ยแล้วผู้ชายมีโอกาสมากกว่าผู้หญิง ซึ่งผู้ชายมีความเสี่ยงที่จะเป็นตาบอดสีคือ 1 ใน 12 คน แต่สำหรับผู้หญิงแล้วนั้นอัตราการเกิดตาบอดสีอยู่ที่ 1 ใน 200 คน
บทความที่น่าสนใจ : เบาหวาน ในเด็ก ภัยเงียบที่ผู้ปกครองต้องระวัง และดูแลอย่างใกล้ชิด
ประเภทของตาบอดสี
เนื่องจากสาเหตุของตาบอดสีนั้นเป็นการไม่ทำงานของเซลล์รูปกรวยรับสีบางอัน หรือไม่มีเซลล์รูปกรวยรับสีจึงทำให้ความสามารถในการมองเห็นสีต่าง ๆ ของผู้ที่เป็นนั้นแตกต่างกันออกไป โดยสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ ได้ ดังต่อไปนี้
- อาการตาบอดสีแดง เป็นรูปแบบของคนที่เป็นตาบอดสีพบมากที่สุด โดยการมองเห็นของคนที่ตาบอดสีแดงนั้นส่งผลทำให้เวลามองไปยังสีแดง สีเขียว กลายเป็นสีเทา หรือน้ำตาล
- อาการตาบอดสีน้ำเงิน เป็นรูปแบบที่พบได้ยาก โดยการมองเห็นของคนที่ตาบอดสีน้ำเงินนั้นส่งผลทำให้สีน้ำเงินกลายเป็นสีเขียว เหลือง และม่วง
- ไม่สามารถมองเห็นสีได้เลย หรือ Achromatopsia ซึ่งไม่ค่อยพบ เป็นภาวะที่ทำไม่สามารถมองเห็นสีได้ ซึ่งจะมองทุกอย่างเป็นสีเทา หรือขาวดำ
ตาบอดสีในเด็ก จะทราบได้อย่างไร?
การเช็กตาบอดสีในเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี เป็นเรื่องที่ยากลำบาก เพราะเราจะทราบว่าลูกของเราตาบอดสีได้ก็ต่อเมื่อพวกเขาเริ่มได้เรียนรู้ชื่อของสีต่าง ๆ นั่นเอง แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับพัฒนาการการเรียนรู้ของเด็กแต่ละคนด้วยว่าจะช้าหรือเร็ว ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะพบอาการเบื้องต้นที่เราพอจะสังเกตได้บ้าง ดังต่อไปนี้
- สับสนเรื่องของสี หรือเฉดสีบางสี
- เห็นสีเขียว และสีแดงเป็นสีเทา หรือน้ำตาล
- การใช้สีไม่ถูกต้องเมื่อเขาวาดรูประบายสี เช่น เปลี่ยนหญ้าสีเขียวเป็นสีม่วง
- เด็ก ๆ ไม่สนใจ หรือไม่ชอบที่จะระบายสี
- ปฏิเสธการเรียนรู้เรื่องสีต่าง ๆ
- มีจมูก หรือการรับกลิ่นที่ดีกว่าคนปกติ
- ดวงตาไม่สามารถสู้แสงแดดที่จ้าได้ หรือไวต่อแสงเวลาออกแดด หรือเปิดไฟขณะที่อยู่ในที่มืด
- ปวดศีรษะหลังจากจ้องมองสีแดง หรือสีเขียวมากจนเกินไป
- ปฏิเสธการเล่นเกมที่เกี่ยวกับสี เช่น การต่อบล็อกสี ร้อยลูกปัด เป็นต้น
บทความที่น่าสนใจ : ลูกเบื่อทำไงดี ! 8 กิจกรรม กักตัวช่วงโควิด ที่คุณแม่และเด็ก ๆ ทำร่วมกันได้
วิธีการทดสอบตาบอดสีในเด็ก
การทดสอบนั้นมีวิธีต่าง ๆ มากมาย โดยคุณสามารถเลือกหาวิธีปฏิบัติได้จากอินเทอร์เน็ตทั่วไป โดยปกติจะเป็นวงกลมสีต่าง ๆ ที่ซ่อนตัวเลขไว้ด้านใน (ตามภาพด้านบน) โดยมีวิธีการดังต่อไปนี้
- พาพวกเขาไปยังพื้นที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ และแสงจะต้องไม่จ้าจนเกินไป เพราะเด็กที่ตาบอดสี ตาของพวกเขาจะไวต่อแสงมาก
- จัดที่นั่งให้กับเขา และยื่นแบบทดสอบให้พวกเขาลองดูภาพ ทั้งนี้คุณต้องแน่ใจก่อนว่าลูกของคุณสามารถอ่านตัวเลขได้
- โดยทั่วไปแล้ว หากดวงตาของเด็ก ๆ ปกติดี พวกเขาจะสามารถอ่านตัวเลขภายในวงกลมได้ในทันที แต่หากเขาอ่านผิด หรือจ้องเป็นเวลานานนั้น อาจเป็นสัญญาณว่าลูกของคุณตาบอดสี
- หากพบว่าพวกเขามีอาการตาบอดสี คุณควรพาเขาไปหาจักษุแพทย์ เพื่อหาทางแก้ไข หรือหาวิธีช่วยกันต่อไปในเรื่องนี้
เนื่องจากปัญหาการมองเห็นสีอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อชีวิตของเด็ก ๆ เป็นอย่างมาก ดังนั้นคุณควรเริ่มการทดสอบ หรือตรวจสอบเกี่ยวกับปัญหานี้ให้เร็วที่สุด ซึ่งตาบอดสีในเด็กอาจส่งผลต่อความสามารถในการเรียนรู้และพัฒนาการด้านการอ่าน และปัญหาการมองเห็นสีอาจจำกัด โดยผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่จะแนะนำให้ผู้ปกครองตรวจสายตาสำหรับเด็กอายุระหว่าง 3 ถึง 5 ขวบ อย่างน้อย 1 ครั้งก่อนเข้าโรงเรียน
มีวิธีช่วยรักษาตาบอดสีในเด็กหรือไม่?
ปัจจุบันยังไม่มีการค้นพบเกี่ยวกับการรักษาตาบอดสีในทั้งในเด็ก และผู้ใหญ่ แต่ก็มีการนำเทคโนโลยี และวิทยาการมาใช้ในการช่วยเหลือทำให้พวกเขาเหล่านี้สามารถปรับตัวให้เข้ากับความบกพร่องที่เป็นปัญหาสำหรับพวกเขาได้ และได้ใช้ชีวิตแบบเด็กปกติทั่วไป โดยมีวิธีการต่อไปนี้
- ใส่คอนแทคเลนส์สี หรือแว่นตาสำหรับคนตาบอดสี สิ่งเหล่านี้อาจช่วยให้เด็ก ๆ เห็นความแตกต่างระหว่างสีมากยิ่งขึ้น แต่สิ่งเหล่านี้อาจส่งผลทำให้การมองเห็นของเด็ก ๆ ผิดเพี้ยน หรือทำให้วัตถุที่มองอยู่เบี้ยวได้
- สวมแว่นตาป้องกันแสงสะท้อนสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องของการมองเห็นสี โดยพวกเขาจะสามารถแยกสีได้ดีมากยิ่งขึ้นหากพวกเขาได้รับความสว่างของแสงที่น้อยลง หรือแสงที่ไม่จ้าจนเกินไป
- สอนเรื่องการเรียนรู้ของสิ่งที่จำเป็น ถึงแม้ว่าเราจะไม่สามารถรักษาตาบอดสีให้กับเด็ก ๆ ได้ แต่เราสามารถให้เขาเรียนรู้ถึงสีที่แท้จริงของวัตถุได้ โดยการให้เขาจำจดคู่สีที่จำเป็น อาทิ ไฟจราจร ที่เขาอาจมองเห็นเป็นสีเทา แต่คุณสามารถบอกเขาได้ว่าตำแหน่งที่มีแสงปรากฏนั้นหมายความว่าอย่างไร
การที่เด็ก ๆ ตาบอดสีนั้นอาจจะส่งผลต่อพัฒนาการ และการใช้ชีวิตในประจำวันของเด็ก ๆ เป็นอย่างมาก เราอยากให้คุณพ่อคุณแม่ทำความเข้าใจกับพวกเขามาก ๆ นะคะ และควรพาพวกเขาไปพบจักษุแพทย์ เพื่อหาหนทางในการช่วยเหลือเรื่องของการตาบอดสีนี้ให้ไวที่สุด นอกจากนี้ผู้ปกครองควรแจ้งที่โรงเรียนของน้อง ๆ ด้วยว่าเขามีปัญหาเรื่องอะไร เพื่อที่การเรียนการสอนนั้นจะได้เป็นไปอย่างราบรื่น และไม่เป็นปัญหากับเด็กที่ตาบอดสีด้วย
บทความที่น่าสนใจ :
แว่นตา เลือกยังไงให้เหมาะกับเด็ก เด็กสายตาสั้นต้องใส่แว่นตาแบบไหน
ลูกเล่นแท็บเล็ต มือถือ นานเกินไป เสี่ยงอันตรายต่อดวงตา อย่างที่แม่คิดไม่ถึง
ที่มา : mottchildren, optometrists, enchroma
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!