มะไฟ ผลไม้รสเปรี้ยวหวาน ที่นิยมรับประทานเป็นผลไม้สดหรือนำมาทำเป็นน้ำผลไม้ รู้หรือไม่ว่ามะไฟมีประโยชน์และสรรพคุณมากมาย เราไปดูกันเลย ว่ามะไฟกินแล้วดีอย่างไร
มะไฟ (Burmese grape)
มะไฟ
มะไฟต้นไม้ยืนต้น ที่ออกผลเป็นช่อ ผลอ่อนจะมีขนคล้ายกำมะหยี่ ถ้าผลแก่จะมีผิวเกลี้ยง มีเปลือกสีเหลือง เนื้อมีสีขาว หรือขาวใสอมชมพู แต่ละสายพันธุ์ก็จะแตกต่างกันไป
บทความที่เกี่ยวข้อง : 10 ผลไม้คนท้องห้ามกิน มีผลไม้อะไรบ้าง ที่คนท้องควรเลี่ยง
ลักษณะของต้นมะไฟ
- ลำต้น : มะไฟเป็นไม้ยืนต้น ที่มีพุ่งโปร่ง ลักษณะของลำต้นจะเป็นทรงกลม เนื้อไม้แข็ง เปลือกมีความแข็งและผิวเรียบ มีสีเทา
- ใบ : ออกใบเดี่ยว ออกสลับตรงกันข้ามกัน โคนมนปลายเรียว ใบด้านบนเป็นสีเขียว มีพื้นผิวใบที่มัน ใบด้านล่างจะมีสีที่อ่อนกว่าด้านบน
- ดอก : มะไฟออกดอกเป็นช่อ ออกดอกเป็นกระจุก มีสีชมพูอ่อนหรืออมเหลือง มีขนาดเล็กฝอย ๆ กลีบมีสีเขียวปนเหลือง มีกลิ่นที่หอม ก้านของช่อดอกมีความยาว ดอกออกตามลำต้น ซอกใบหรือตามปลายกิ่ง
- ผล : มะไฟจะออกผลเป็นพวง มีทรงกลมเล็ก มีเปลือกที่บาง ผลอ่อนมีขนคล้ายกำมะหยี่ เมื่อสุกแล้วจะผิวเกลี้ยงและมีสีเหลืองอมครีม
- เมล็ด : มีลักษณะรูปแบนเหมือนรูปไข่ อยู่ด้านในเนื้อ เมล็ดมีผิวเรียบลื่นมัน และมีสีน้ำตาล
สายพันธุ์มะไฟที่คนส่วนใหญ่นิยมปลูก
- พันธุ์เหรียญทอง : ผลใหญ่ ก้นเรียบ มีเนื้อสีขาว
- พันธุ์ไข่เต่า : ผลกลมรี ก้นแหลม เนื้อสีขาวอมชมพู มีรสหวานอมเปรี้ยวมากกว่าพันธุ์เหรียญทอง
- พันธุ์มะไฟสีม่วง : จะมีเปลือกสีม่วง อยู่ที่ประเทศจีน
วิธีปลูกมะไฟ และการดูแลรักษา
มะไฟ
มะไฟ สามารถขยายพันธุ์ได้ด้วยการเพาะเมล็ด ตอนกิ่ง และทาบกิ่ง
ขั้นตอนการปลูก :
- ขุดหลุม 50×50 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างต้น 3×3 เมตร
- นำมะไฟปลูกแค่เสมอหลุม ไม่ปลูกต่ำกว่าหลุมมากเกินไป เพราะต้นมะไฟจะไม่โต
- รดน้ำ ใส่ปุ๋ยคอก
- เมื่อต้นมะไฟโตขึ้น สามารถตอนกิ่งของมะไฟ หรือเล็มกิ่งที่เล็กเพื่อให้ต้นโปร่ง
- และหากต้องการผสมต้นมะไฟ ควรรดน้ำบ่อย ๆ เพราะมะไฟต้องการน้ำขาดน้ำไม่ได้ ถ้ามะไฟขาดน้ำจะทำให้มะไฟฝ่อไม่มีเมล็ด
การดูแลรักษามะไฟ
มะไฟชอบอากาศที่ร้อน และชอบแสงแดด ควรรดน้ำสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรรดมากจนเกินไป ในการปลูกช่วงแรกควรรดน้ำทุกวัน เมื่อมะไฟโตก็จะสามารถเว้นการรดน้ำได้ มะไฟจะปลูกได้ดีมากที่สุดในช่วงหน้าฝน
การเก็บเกี่ยวมะไฟ
กรณีที่ปลูกด้วยการตอนกิ่ง จะทำให้มะไฟออกผลผลิตที่เร็วกว่า ใช้เวลาประมาณ 2 – 3 ปี ก็ออกผลแล้ว หากปลูกมะไฟโดยการเพาะเมล็ด จะใช้ระยะเวลาในการออกผล ประมาณ 4 – 5 ปี เมื่อมะไฟออกผลแล้วสามารถใช้กรรไกรตัดขั้วทั้งพวง แต่ควรระมัดระวังอย่าให้หล่น เพราะผลอาจช้ำได้
การเก็บรักษามะไฟ
นำมะไฟที่ตัดแล้ว มาใส่ในภาชนะที่โปร่ง ระบายอากาศ จะช่วยทำให้เก็บได้นานกว่า โดยที่ไม่ต้องแช่ตู้เย็น
มะไฟทั่วไป กับ มะไฟสีชมพู แตกต่างกันอย่างไร
มะไฟ สีชมพู
มะไฟสีชมพู เป็นพันธุ์เดียวกับมะไฟทั่ว ๆ ไป แต่จะแตกต่างกันที่ ผลจะมีขนาดใหญ่กว่า เนื้อในเมื่อสุกแล้วจะเป็นสีชมพู เพียงแค่มีเปลือกเหมือนมะไฟธรรมดาทั่วไป มีรสหวานอมเปรี้ยวนิด ๆ
บทความที่เกี่ยวข้อง : ต้นไม้มงคลเสริมดวง ทำมาค้าขึ้น ปลูกแล้วรวย ควรมีติดบ้าน
ประโยชน์และสรรพคุณของมะไฟ
- มะไฟสุกนิยมนำมารับประทานเป็นผลไม้หรือนำมาทำเป็นน้ำผลไม้
- ผลอ่อนของมะไฟนำไปใช้ทำแกงได้
- วิตามินซีจากมะไฟ ช่วยสร้างคอลลาเจน
- กินมะไฟช่วยให้ผิวเรียบเนียน เปล่งปลั่ง
- ผลของมะไฟ สามารถนำมาใช้ปรุงอาหาร ดอง และหมักไวน์ได้
- รากสดหรือรากแห้ง สามารถนำมาใช้แก้วัณโรค ช่วยรักษาโรคเริม บรรเทาอาการปวดข้อ ปวดหัวเข่า แก้ผื่นคัน ลมพิษ
- ใบของมะไฟช่วยแก้พิษฝี
- รากสดหรือรากแห้ง ช่วยแก้อาการผิวหนังอักเสบ ผิวหนังที่เป็นถุงน้ำ และลอกออกมา
- เปลือกมะไฟนำมาต้มกับน้ำเดือด แล้วพักไว้ให้เย็น จะช่วยแก้โรคผิวหนังได้
- ใบช่วยรักษากลากเกลื้อน และโรคเรื้อน
- ใบของมะไฟช่วยขับปัสสาวะ
- บรรเทาอาการปวดท้อง
- กินมะไฟจะช่วยทำให้ชุ่มคอ
- บำรุงธาตุในร่างกาย
- แก้โรคหวัด หรืออาการหวัด คัดจมูก
- แก้ไข้มาลาเรีย
- บรรเทาอาการไอ ขับเสมหะ และมีส่วนช่วยในการละลายเสมหะ
- ใครที่มีปัญหา อาหารไม่ย่อย ท้องอืด กินมะไฟจะช่วยบรรเทาอาการได้
- แก้อาการท้องร่วง
บทความที่เกี่ยวข้อง : น้ำผลไม้สำหรับสาย Non Coffee ทั้งอร่อย ทั้งสดชื่นนน
ที่มา : thai-thaifood,medthai
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!