ก่อนที่จะเลือกซื้อรองเท้าให้ลูก ต้องรู้ ไซส์รองเท้าเด็ก เบื้องต้นก่อน ไม่ควรซื้อโดยไม่วัดขนาดของเท้า ทางที่ดีควรปรึกษากับทางร้านค้า และระวังไม่ควรซื้อไซส์ที่มีขนาดใหญ่ หรือเผื่อขนาดมากเกินไป เพราะจะทำให้ลูกเคลื่อนได้ลำบากขึ้นได้นั่นเอง
6 หลักก่อนเลือกซื้อรองเท้าให้ลูก ไซส์รองเท้าเด็ก ที่ต้องรู้ก่อนซื้อ
ผู้ปกครองที่กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับรองเท้าเด็ก เพราะมีวันนัดไปซื้อรองเท้าให้ลูกแล้ว ก่อนที่จะออกเดินทาง หรือสั่งซื้อออนไลน์ มาอ่านบทความนี้ก่อน เพราะอาจจะยังมีเรื่องที่ผู้ปกครองอาจหลุดพลาดไป ซึ่งเราจัดเป็นข้อมาให้ 6 ข้อง่าย ๆ ดังนี้
1. จะรู้ได้อย่างไรว่าต้องซื้อรองเท้าใหม่ให้กับลูกรักตัวน้อย ?
ตอนนี้ลูกรักยังมีรองเท้าใส่เป็นปกติอยู่ การได้เห็นลูกทุกวันผู้ปกครองอาจไม่ทันได้สังเกตว่า ขนาดเท้าของลูกใหญ่ขึ้นมาอีกนิดหนึ่งแล้ว พัฒนาการด้านร่างกายในจุดนี้อาจสังเกตได้ไม่ชัดเจน ผู้ปกครองจึงควรหันมาใช้การสังเกตลูกมากขึ้น คอยฟังว่าลูกบ่นไหมว่ารองเท้าคับ ใส่ลำบาก หรือแสดงอาการไม่อยากใส่คู่เดิม เพราะไม่สบายเท้า เป็นต้น นอกจากนี้กรณีที่ต้องการเปลี่ยนรองเท้าใหม่ จากที่รองเท้าชำรุด ลูกอาจไม่ได้เป็นคนบอก ให้ผู้ปกครองหมั่นคอยตรวจสอบรองเท้าลูกว่า มีส่วนไหนที่เริ่มชำรุดหรือไม่ หากพบว่ามีควรรีบเปลี่ยนให้ลูก เนื่องจากหากรองเท้าชำรุด หรือขาดขณะที่ลูกกำลังวิ่งเล่น อาจทำให้ลูกได้รับบาดเจ็บได้นั่นเอง
บทความที่เกี่ยวข้อง : 10 รองเท้าเด็ก แบบไหนดี? ปี 2023 วิธีเลือกรองเท้าให้เหมาะสมกับลูกน้อย
2. ไซส์รองเท้าเด็ก ต้องเลือกให้ถูก
การเลือกขนาดรองเท้าให้กับลูกนั้น ควรเลือกให้มีขนาดที่พอดีต่อการใช้งานจริง เนื่องจากหากหลวมมากจนเกินไป หรือคับอาจส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของลูกได้ โดยเฉพาะเด็กที่ยังเคลื่อนไหวไม่คล่อง เป็นต้น โดยเรามีตารางที่ใช้สำหรับเทียบขนาดของรองเท้าลูกน้อย โดยนับตั้งแต่อายุ 1 ปีขึ้นไป จนถึง 7 ปี ซึ่งเป็นข้อมูลโดยเฉลี่ยจากข้อมูลของเด็กเอเชีย ดังนั้นข้อมูลขนาดจริงที่วัดกับลูกรักจึงอาจคลาดเคลื่อนได้ หากเป็นไปได้เมื่อต้องการเลือกซื้อ ควรวัดขนาดเท้าของลูกให้แน่ใจก่อน
|
ตารางเทียบขนาดเท้าลูกน้อยคร่าว ๆ |
อายุของลูก |
ไซส์รองเท้า |
1 ปี |
20 |
1.5 ปี |
20.5 |
2 ปี |
21 |
3 ปี |
21.5 |
3.5 ปี |
22.5 |
4 ปี |
23 |
4.5 ปี |
23.5 |
5 ปี |
23.5 |
5.5 ปี |
24 |
6 ปี |
24 |
6.5 ปี |
24.5 |
7 ปี |
25 |
จะเห็นได้ว่าไซส์รองเท้าในช่วงแรก ก่อนอายุ 4 ปี ขนาดเท้าของลูกจะเพิ่มขึ้นทีละนิดทีละหน่อย และเริ่มมีความคงที่มากขึ้นหลังอายุผ่านไปมากกว่า 4 ปี ดังนั้นผู้ปกครองจึงไม่จำเป็นที่จะต้องเผื่อไซส์รองเท้ามากเกินไป เพราะเท้าของลูกอาจไม่ได้โตไวอย่างที่คิดนั่นเอง
3. เทคนิคการเลือกซื้อรองเท้าให้ลูกหน้าร้าน
ผู้ปกครองที่พาลูกไปเลือกซื้อรองเท้าที่ร้าน นอกจากความเหมาะสมของลวดลาย และสีของรองเท้าแล้ว ยังมีเทคนิคพื้นฐานในการเลือกซื้อ ดังนี้
- ไม่ควรพลาดเลือกรองเท้าใหม่ จากขนาดเท้าเดิมของลูก เพราะขนาดของเท้าอาจเปลี่ยนแปลงไปได้ ก่อนการซื้อทุกครั้งจึงควรวัดเท้าของลูกใหม่ตลอด
- ขณะที่ทำการวัดรองเท้า ควรวางตำแหน่งให้นิ้วหัวแม่โป้งเท้า ห่างจากผนังปลายสุดประมาณ 1 นิ้วครึ่ง
- กรณีเลือกรองเท้าที่หุ้มส้น ควรใช้การวัดด้วยการให้หลังเท้าแตะกับตัวรองเท้า โดยระวังไม่ให้มีการรัดเท้าของลูกมากจนเกินไป
- หากต้องการซื้อเผื่อลูกโตในอนาคต สามารถซื้อได้ แต่ไม่ควรซื้อเผื่อเบอร์เกิน 1 ไซส์ เนื่องจากจะทำให้อายุการใช้งานของรองเท้าเสี่ยงเสียหาย อีกทั้งยังส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของลูกด้วย
เคล็ดไม่ลับอีกอย่างหนึ่งที่ผู้ปกครองไม่ควรพลาด นั่นคือ เวลาที่พาลูกไปซื้อ ควรพาลูกไปร้านที่มีประสบการณ์ในการขายรองเท้าให้เด็ก เพราะลูกอาจไม่เข้าใจเหตุผลเท่ากับผู้ใหญ่ พนักงานจะสามารถรองรับได้ดี นอกจากนี้ยังควรเลือกเวลาช่วงเที่ยงจนถึงเย็น เพราะเป็นช่วงเวลาที่เท้าของเด็กมีโอกาสเติบโตมากที่สุด
4. ระวังรองเท้าที่ไม่ได้ผลิตมาเพื่อเด็ก
บางครั้งอาจมีความจำเป็นที่จะต้องซื้อรองเท้าให้ลูกอย่างกะทันหัน แต่อาจด้วยเวลา และงบที่มีอย่างจำกัด หรือพลาดตรวจสอบรองเท้าก่อนซื้อ ทำให้เผลอไปได้ของผิดลิขสิทธิ์ ราคาไม่แพง หรือรองเท้าที่ไม่ได้ออกแบบมา เพื่อให้รองรับการใช้งานของเด็ก ดังนั้นหากต้องรีบซื้อ หรือยังไม่มีงบ เราแนะนำให้รอจนกว่าจะพร้อมดีกว่า เนื่องจากรองเท้าเหล่านั้นมักทำให้เท้าของเด็กได้รับบาดเจ็บ หรือหกล้ม จากรูปร่างของรองเท้าที่ออกแบบมาไม่ดีนั่นเอง หรือถ้าหากไม่สามารถเลี่ยงได้ ก็ระวังรองเท้าที่มีราคาถูกมากเกินไปก็ได้เช่นกัน
5. ลักษณะรองเท้าที่ถูกต้องเหมาะสมกับเด็ก
ตัวรองเท้าควรเลี่ยงการซื้อรองเท้าเปิดส้น ให้ซื้อแบบคลุมส้น เนื่องจากจะทำให้เด็กเดินไม่สะดวก มีผลต่อการเดินของเด็กได้ นอกจากนี้ยังต้องให้ความสำคัญของรูปแบบรองเท้า และวัสดุ เนื่องจากต้องเน้นให้ระบายอากาศได้ดี รองรับการวิ่งเล่นของเด็ก ๆ ไม่ให้เกิดการอับชื้น จนมีกลิ่นเหม็น ในส่วนของพื้นรองเท้า ควรเลือกแบบไม่มีส้น พื้นรองเท้าจะเสมอกัน และให้สังเกตรองเท้าควรมีรอยหยักด้วย เนื่องจากจะช่วยให้การเคลื่อนที่ของลูกสะดวกขึ้น โดยเฉพาะตอนที่วิ่งเล่นจะช่วยชะลอความเร็ว และช่วยเรื่องการทรงตัวได้ดี
บทความที่เกี่ยวข้อง : สอนลูกใส่รองเท้าครั้งแรก ต้องทำอย่างไร ? เทคนิคง่าย ๆ ทำตามไม่ยาก
6. เลือกรองเท้าได้ดี อย่าพลาดความสะอาดของเท้าลูก
แม้จะเลือกรองเท้าได้ดี ชำรุดเมื่อไหร่ก็เสีย มีขนาดที่ส่งเสริมต่อการเคลื่อนไหวของลูกได้ดี แต่อย่าพลาดเรื่องง่าย เช่น ตัดเล็บของลูกให้สั้นอยู่เสมอ เพราะในรองเท้าอาจมีเชื้อโรคอยู่แล้ว เล็บไม่ยาว โอกาสที่เชื้อโรคจะเข้าไปเกาะก็น้อยตามไปด้วย ส่วนรองเท้าหลังจากนำไปขัดทำความสะอาดแล้ว ก่อนนำมาให้กับลูกน้อยได้ใส่ ควรสังเกตให้ดีก่อนว่า รองเท้าคู่นั้น ๆ แห้งสนิทแล้วหรือยัง หากยังไม่แห้ง ควรเลือกคู่อื่นมาใส่ไปก่อน
รองเท้าของลูกรักสำคัญกว่าที่คิดมาก เนื่องด้วยส่งผลต่อการวิ่ง การเดิน การเล่นของลูกด้วย หากรองเท้าลูกไม่ดี อาจทำให้ลูกมีปัญหาด้านการเคลื่อนไหวไปได้โดยไม่รู้ตัว
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
ห้ามพลาด! แนะนำ 10 รองเท้าเด็กผู้หญิงน่ารัก ๆ ราคาเบา ๆ เลือกรองเท้าให้ลูกสาว
ลูกไม่ยอมใส่รองเท้า วิ่งเล่นเท้าเปล่าบ่อยๆ พ่อแม่ต้องทำยังไง ปล่อยแบบนี้ดีไหม?
10 วิธีทำให้รองเท้าหายเหม็น รองเท้าเหม็น ซักยังไงก็ไม่หาย เคล็ดลับแม่บ้าน
ที่มา : promotions, nike
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!