ลูกดิ้นแรง ปกติไหม? เข้าใจการดิ้นของลูกในแต่ละช่วงอายุครรภ์

lead image

ทำความเข้าใจการดิ้นของลูกในแต่ละช่วงอายุครรภ์ ลูกดิ้นบอกอะไร ลูกดิ้นแรงปกติไหม สาเหตุที่ทำให้ลูกดิ้นแรง สังเกตการดิ้นของลูกแบบไหนอันตราย

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

การได้รู้สึกถึงลูกน้อยดิ้นอยู่ในครรภ์ การดิ้นของลูกไม่ใช่แค่การเคลื่อนไหวธรรมดา แต่เป็นสัญญาณสำคัญที่บ่งบอกถึงสุขภาพและความเป็นอยู่ของลูกน้อยค่ะ การสังเกตการดิ้นของลูกจึงเป็นสิ่งที่คุณแม่ทุกคนควรให้ความสำคัญ แต่บ่อยครั้งที่คุณแม่เกิดความกังวลใจเกี่ยวกับการดิ้นของลูก ลูกดิ้นแรง ปกติไหม? ดิ้นบ่อยแค่ไหนถึงจะปกติ? บทความนี้จะไขข้อข้องใจเรื่อง ลูกดิ้นแรง เพื่อให้คุณแม่เข้าใจและดูแลตัวเองได้อย่างถูกต้องค่ะ

 

ลูกดิ้น…บอกอะไรเราได้บ้าง?

การดิ้นของลูกน้อยในครรภ์ เป็นมากกว่าแค่การเคลื่อนไหว แต่เป็นภาษาแรกที่ลูกใช้สื่อสารกับคุณแม่ เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการเจริญเติบโต พัฒนาการ และสุขภาพของลูก

 

ความรู้สึกเมื่อลูกดิ้น

คุณแม่อาจรู้สึกเหมือนปลาตอดอยู่ในท้อง บางครั้งเป็นการสะกิดเบาๆ บางครั้งเป็นการถีบหรือกระทุ้งอย่างแรง ซึ่งความรู้สึกเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องปกติค่ะ การดิ้นของลูกแต่ละคนจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ปริมาณน้ำคร่ำ อาหารที่คุณแม่รับประทาน ระดับน้ำตาลในเลือด หรือแม้แต่สิ่งเร้าภายนอกอย่างเสียงและแสง

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ลูกดิ้น…สื่อสารอะไรกับเรา?

การสังเกตและทำความเข้าใจการดิ้นของลูก ช่วยให้คุณแม่เชื่อมโยงและใกล้ชิดกับลูกน้อยมากยิ่งขึ้น

  • บอกถึงการเจริญเติบโต: การดิ้นของลูกเป็นเครื่องยืนยันว่าลูกน้อยกำลังเติบโตและแข็งแรง
  • บอกถึงพัฒนาการ: การดิ้นแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ลูกกำลังเรียนรู้ที่จะควบคุมร่างกายของตัวเอง
  • บอกถึงการตอบสนอง: ลูกดิ้นตอบสนองต่อสิ่งเร้าต่างๆ รอบตัว เช่น เสียงเพลง เสียงของคุณพ่อคุณแม่ หรือรสชาติของอาหารที่คุณแม่ทาน
  • บอกถึงอารมณ์: แม้จะยังอยู่ในครรภ์ แต่ลูกก็มีอารมณ์ความรู้สึก การดิ้นอาจบ่งบอกถึงความสุข ความตื่นเต้น หรือแม้แต่ความรู้สึกไม่สบายตัว

สาเหตุที่ทำให้ ลูกดิ้นแรง

ลูกดิ้นแรง อาจทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์หลายคนกังวลใจ แต่จริงๆ แล้ว การดิ้นของลูกน้อยเป็นเรื่องเฉพาะตัว ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย มาดูกันค่ะว่าอะไรบ้างที่ทำให้ลูกน้อยดิ้นแรง

  1. ช่วงเวลาที่ลูกตื่นและหลับ เช่นเดียวกับเรา ลูกน้อยในครรภ์ก็มีช่วงเวลาที่ตื่นตัวและหลับ โดยส่วนใหญ่ลูกจะตื่นตัวและดิ้นมากในช่วงเย็นและกลางคืน ส่วนช่วงกลางวันลูกมักจะนอนหลับ
  2. การตอบสนองต่ออาหารที่แม่รับประทาน อาหารบางชนิดอาจกระตุ้นให้ลูกดิ้นมากขึ้น เช่น อาหารรสหวาน อาหารที่มีรสจัด หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
  3. การเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำตาลในเลือดของแม่ ระดับน้ำตาลในเลือดของคุณแม่มีผลต่อระดับพลังงานของลูก หากระดับน้ำตาลในเลือดของคุณแม่สูงขึ้น ลูกก็จะได้รับพลังงานมากขึ้นและดิ้นมากขึ้น
  4. การเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ เมื่อลูกน้อยเติบโตขึ้น ขนาดตัวที่ใหญ่ขึ้นและพละกำลังที่เพิ่มขึ้น ก็ทำให้การดิ้นของลูกแรงขึ้นตามไปด้วย
  5. พื้นที่ในครรภ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละไตรมาส ในช่วงไตรมาสแรก ลูกยังมีพื้นที่มากพอที่จะเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ แต่เมื่อเข้าสู่ไตรมาสที่สองและสาม พื้นที่ในครรภ์จะเริ่มจำกัด ทำให้การดิ้นของลูกอาจดูแรงขึ้น

การดิ้นของลูกแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนอาจดิ้นแรงเป็นปกติ ในขณะที่บางคนอาจดิ้นเบากว่า หากคุณแม่สังเกต”รูปแบบ” การดิ้นของลูกผิดปกติไป เช่น ลูกดิ้นน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด หรือหยุดดิ้นไปเลย ควรรีบไปพบแพทย์ทันทีค่ะ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ลูกดิ้นแรง ปกติไหม? เข้าใจการดิ้นของลูกในแต่ละช่วงอายุครรภ์

การดิ้นของลูกน้อยเป็นสัญญาณสำคัญที่บ่งบอกถึงสุขภาพของลูกในครรภ์ แต่การดิ้นของลูกในแต่ละช่วงอายุครรภ์ มีความแตกต่างกันอย่างไร? และเมื่อไหร่ที่คุณแม่ควรเริ่มกังวล?

การดิ้นของลูกในแต่ละช่วงอายุครรภ์

  • ไตรมาสแรก (สัปดาห์ที่ 1-12): ในช่วงนี้ ลูกยังตัวเล็กมาก คุณแม่อาจยังไม่รู้สึกถึงการดิ้น
  • ไตรมาสที่สอง (สัปดาห์ที่ 13-27): คุณแม่จะเริ่มรู้สึกถึงการดิ้นของลูก ช่วงแรกอาจเป็นเพียงแค่การกระเพื่อมเบาๆ แต่เมื่อลูกโตขึ้น การดิ้นจะชัดเจนและแรงขึ้น คุณแม่มักจะรู้สึกถึงลูกดิ้นเป็นครั้งแรก ประมาณสัปดาห์ที่ 20 ค่ะ
  • ไตรมาสที่สาม (สัปดาห์ที่ 28-40): ลูกจะดิ้นบ่อยขึ้นและแรงขึ้น คุณแม่อาจรู้สึกถึงการเตะ การชก หรือการพลิกตัวของลูก อย่างไรก็ตาม เมื่อใกล้คลอด พื้นที่ในครรภ์จะน้อยลง ทำให้การดิ้นอาจลดลงบ้าง

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

การนับลูกดิ้น เรื่องสำคัญที่แม่ต้องใส่ใจ

การนับลูกดิ้นเป็นวิธีง่ายๆ ที่คุณแม่สามารถทำได้เองที่บ้าน เพื่อประเมินสุขภาพของลูกน้อย การนับลูกดิ้นและการสังเกตความถี่ จะช่วยให้คุณแม่รู้จักรูปแบบการดิ้นของลูก และสังเกตเห็นความผิดปกติได้เร็วขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ลูกน้อยได้รับการดูแลอย่างทันท่วงทีค่ะ

วิธีการนับลูกดิ้น

  • เลือกช่วงเวลาที่ลูกมักจะดิ้น เช่น หลังอาหาร หรือก่อนนอน
  • นอนตะแคงซ้าย เพื่อให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงลูกได้ดี
  • จดบันทึกจำนวนครั้งที่ลูกดิ้น โดยเริ่มนับตั้งแต่ครั้งแรกที่รู้สึก จนครบ 10 ครั้ง
  • หากลูกดิ้นครบ 10 ครั้ง ภายใน 2 ชั่วโมง ถือว่าปกติ
  • หากลูกดิ้นไม่ครบ 10 ครั้ง ภายใน 2 ชั่วโมง ให้ลองกระตุ้นลูก และสังเกตอาการ หากลูกยังคงดิ้นน้อย ควรรีบไปพบแพทย์

ลูกดิ้นแบบไหนอันตราย? ต้องรีบไปพบแพทย์

การสังเกตการดิ้นของลูกเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการดิ้นของลูกสามารถบ่งบอกถึงสุขภาพและความเป็นอยู่ของลูกได้ แต่เมื่อไหร่ที่การดิ้นของลูกเป็นสัญญาณเตือนว่าคุณแม่ควรไปพบแพทย์? เช็กเลย

  1. เมื่อลูกดิ้นน้อยลงหรือหยุดดิ้น

    • ลูกดิ้นน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด: หากคุณแม่รู้สึกว่าลูกดิ้นน้อยลงกว่าปกติ หรือลูกดิ้นน้อยกว่า 10 ครั้ง ภายใน 2 ชั่วโมง ควรรีบไปพบแพทย์
    • ลูกหยุดดิ้น: หากลูกหยุดดิ้นไปเลย แม้ว่าจะพยายามกระตุ้นแล้ว เช่น การนอนตะแคงซ้าย การดื่มน้ำเย็น หรือการรับประทานอาหาร ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
  1. เมื่อลูกดิ้นแรงมากผิดปกติ

    • ลูกดิ้นแรงจนผิดสังเกต: หากลูกดิ้นแรงมากผิดปกติ จนคุณแม่รู้สึกเจ็บ หรือมีอาการปวดท้องร่วมด้วย ควรรีบไปพบแพทย์
  1. อาการอื่นๆ ที่ควรสังเกตร่วมกับการดิ้นของลูก

    • มีเลือดออกทางช่องคลอด
    • มีน้ำเดิน
    • ปวดท้องอย่างรุนแรง
    • มีไข้
    • อาเจียนอย่างรุนแรง
    • บวมที่มือ เท้า หรือใบหน้า

หากคุณแม่สังเกตเห็นความผิดปกติในการดิ้นของลูก หรือมีอาการผิดปกติอื่นๆ ร่วมด้วย อย่ารอช้าที่จะไปพบแพทย์นะคะ เพราะการไปพบแพทย์แต่เนิ่นๆ จะช่วยให้ลูกน้อยได้รับการดูแลอย่างทันท่วงที และช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ค่ะ

 

ที่มา : โรงพยาบาลบางปะกอกสมุทรปราการ, โรงพยาบาลเปาโล, pobpad

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ลูกดิ้นตอนกี่เดือน นับลูกดิ้นยังไง การดิ้นของลูกน้อยในครรภ์ เรื่องสำคัญที่แม่ต้องรู้

ลูกดิ้นแบบไหนอันตราย ลูกแค่นอนหลับหรือเข้าขั้นวิกฤต

ทำไม ลูกดิ้นน้อยลง ? เคล็ดลับรับมือ ภาวะทารกเครียด

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา