การกระตุ้นสมองลูกน้อย เทคนิคสร้างความฉลาดให้ลูก ตั้งแต่อยู่ในท้องแม่

การกระตุ้นสมองลูกน้อย เทคนิคสร้างความฉลาดให้ลูก ตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ คืออะไร มาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันเลย

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

สำหรับรายการ TAP Ambassador ของเราในสัปดาห์นี้ มาพร้อมกับประเด็นที่น่าสนใจมาก ๆ เพราะเป็นเรื่องที่คุณแม่หลาย ๆ ท่านให้ความสนใจ โดยหัวข้อในวันนี้คือ “ การกระตุ้นสมองลูกน้อย เทคนิคสร้างความฉลาดให้ลูก ตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ ” ซึ่งในวันนี้  theAsianparent จะพาคุณพ่อคุณแม่ทุกคนมาไขข้อข้องใจไปพร้อม ๆ กันกับคุณหมอแอม แพทย์หญิงพรนิภา ศรีประเสริฐ กุมารแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของจิตวิทยาพัฒนาการ และจิตวิทยาสมองและการเรียนรู้ของเด็ก

 

เราทำให้ลูกฉลาดตั้งแต่ในท้องได้จริงไหม และเพราะอะไร ?

สำหรับ เทคนิคสร้างความฉลาดให้ลูก นั้น จริง ๆ ควรเรียกว่าการกระตุ้นทางด้านสมอง กระตุ้นเซลล์สมอง กระตุ้นประสาทสัมผัสของลูก สามารถทำได้ตั้งแต่ในครรภ์ ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นการเตรียมพร้อม วอร์มอัพสมองของลูกน้อย ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ต้องขอทำความเข้าใจก่อนว่า ไม่ใช่แค่ทำตามขั้นตอน แล้วลูกจะออกมาฉลาด หรือเป็นอัจฉริยะ แต่ความฉลาดนั้น เหมือนกับว่าต้องได้มาจากการฝึกฝน กระตุ้นสมอง ให้การทำงานของสมองได้มีการทำงานที่ประสานงานกันเก่งขึ้น โดยสิ่งที่เราจะแนะนำในวันนี้คือการที่เราสามารถกระตุ้นให้ลูกมีการใช้เซลล์ประสาท และมีการใช้การเชื่อมโยงของเซลล์สมองได้ตั้งแต่อยู่ในท้อง เลยอยากขอให้ทำความเข้าใจใหม่ว่าไม่ใช่การทำให้ลูกฉลาด แต่เป็นการกระตุ้นสมองของลูกตั้งแต่อยู่ในท้อง ทั้งหมด 5 อย่าง โดยทารกในครรภ์จะมีการสร้างสมองตั้งแต่วันแรกของการปฏิสนธิ โดยตั้งแต่ 0 – 1 เดือนแรก ทารกในครรภ์ก็จะมีการสร้างสมองแล้ว ซึ่งอาจจะยังไม่มีลักษณะเป็นก้อนสมอง แต่ก็จะเริ่มมีเซลล์ที่มารวมตัวกัน เพราะฉะนั้นใช่วงของ 0 – 1 เดือนแรก ต้องได้รับสารอาหารจากแม่ที่เพียงพอ โดยสารอาหารที่เรียกได้ว่าสำคัญที่สุดในช่วงตั้งครรภ์ก็คือ โฟเลต ซึ่งหากช่วงตั้งครรภ์แล้วขาดสารอาหารสำคัญอย่างโฟเลตไป อาจทำให้ทารกมีความพิการที่ส่งผลต่อสมองได้ โดยสารอาหารอีก 2 ชนิดที่อยากเน้นคือไอโอดีน และธาตุเหล็ก เพราะคุณแม่ที่ตั้งท้องบางคนจะถูกลูกในทารกดึงสารอาหารไปใช้ค่อนข้างเยอะ

 

ภาพจาก pixabay.com

 

เปิดเพลงให้ลูกฟังช่วงตั้งครรภ์ ช่วยเรื่องพัฒนาการของทารกได้จริงไหม ?

ทารกในครรภ์ จะเริ่มได้ยินเสียง ตั้งแต่ประมาณช่วงไตรมาศที่ 2 หรือตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไป และจะได้ยินชัดในช่วงไตรมาสที่ 3 หรืออายุครรภ์ 7 เดือน โดยการเปิดเพลงให้ทารกฟัง หรือการที่คุณแม่ฮัมเพลง จะเป็นเหมือนการกระตุ้นการได้ยินของลูกในครรภ์ได้ และเมื่ออายุครรภ์ได้ 7 เดือน ก็จะได้ยินเสียงชัดเจนมากขึ้น ประสาทหูเริ่มพัฒนาเต็มที่ แนะนำให้ว่าให้หาเพลงกล่อมเด็กฟังในช่วงนี้ โดยฟังเพลงเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ในช่วงเวลาเดิม ๆ  จะช่วยทำให้ลูกเป็นเด็กที่หลับง่าย ซึ่งหากในลูกได้ยินเสียงที่เราเตรียมไว้ ตั้งแต่เด็กอยู่ในครรภ์นั้น จะช่วยให้หลังคลอดจะมีการตอบสนองกับเสียงนั้นมากกว่า โดยไม่จำเป็นต้องเป็นเพลงโมซาร์ทเท่านั้น แต่เป็นเพลงอะไรก็ได้ที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ซึ่งในส่วนนี้ก็จะช่วยส่งเสริมในด้านพัฒนาการอีกด้วย

 

การส่องไฟที่ท้องตอนท้องคืออะไร ส่องเพื่ออะไร มีผลยังไงกับเด็ก ?

ทารกในครรภ์จะเริ่มมองเห็นในช่วง 7 เดือน เพราะผนังหน้าท้องเริ่มบาง และเริ่มตึง ทำให้แสงจากด้านนอกส่องเข้าไปในท้องได้มากขึ้น ทำให้เด็กในครรภ์เริ่มที่จะเรียนรู้เรื่องกลางวันและกลางคืน เพราะฉะนั้นในช่วงกลางวัน อยากแนะนำให้คุณแม่ได้ออกไปสัมผัสธรรมชาติบ้าง เพื่อให้รู้จักกลางวันและกลางคืน ไม่อย่างนั้นจะทำให้เด็กทารกบางคนมีปัญหาตื่นกลางคืน นอนกลางวัน ในส่วนของการเอาไฟฉายส่องตรงบริเวณหน้าท้อง เป็นเหมือนการเล่นกับลูกอย่างหนึ่ง โดยต้องระวังไม่ให้แสงไฟที่ส่องสว่างมากเกินไป เพื่อเป็นการช่วยกระตุ้นเกี่ยวกับประสาทตาของลูก

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

บทความที่น่าสนใจ : วิธีเล่นกับทารกในครรภ์ เล่นกับลูกในท้อง กระตุ้นพัฒนาการ เสริมสร้างความฉลาดตั้งแต่อยู่ในครรภ์

 

นั่งเก้าอี้โยกช่วงตั้งครรภ์ และการลูบหน้าท้องบ่อย ๆ ตอนท้องจะช่วยกระตุ้นสมองของลูกให้มีพัฒนาการดีขึ้นจริงไหม ?

การนั่งเก้าอี้โยก และการลูบหน้าท้องจะเป็นในเรื่องของประสาทสัมผัสทางกาย หรือว่าการเคลื่อนไหว เพราะโดยปกติเมื่อทารกอยู่ในท้อง ทารกจะอยู่ในน้ำคร่ำ เมื่อคุณแม่นั่งเก้าอี้โยก ลูกในท้องก็จะรู้สึกโยกตรงนี้ไปด้วย จะเป็นการช่วยกระตุ้นเกี่ยวกับประสาทสัมผัส และทิศทาง รวมถึงเรื่องของการเคลื่อนไหวตัว การลูบหน้าท้องเองก็เหมือนกัน เป็นการเหมือนส่งสัมผัสไปถึงลูกในท้อง จะเป็นการกระตุ้นประสาทสัมผัสทางกายได้เช่นกัน

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ภาพจาก freepik.com

 

อารมณ์ของคุณแม่ ส่งผลต่อการพัฒนาการของทารกในท้องไหมคะ ?

ข้อนี้ถือเป็นปัจจัยที่เรียกว่าสำคัญที่สุด ถ้าเกิดคุณแม่ตั้งครรภ์แล้วเครียด พักผ่อนน้อย จะส่งผลต่อลูกในท้องได้ การที่คุณแม่ตั้งครรภ์เครียด ทำให้หัวใจเต้นเร็ว สูบฉีดแรง หลอดเลือดเกร็ง มดลูกเกร็ง ทำให้สารอาหารที่ส่งไปหาลูกในท้องลดลง ทำให้ลูกได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ทารกตัวเล็ก น้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์ นอกจากนี้ยังส่งผลให้ทารกบางคนมีอารมณ์หงุดหงิด โมโหง่าย งอแง งี่เง่า และอาจทำให้มีภาวะควบคุมอารมณ์ที่ต่ำ

บทความที่น่าสนใจ : การดูแลหญิงตั้งครรภ์ วิธีดูแลคนท้อง บทบาทของสามีเมื่อภรรยาตั้งครรภ์ คนท้องต้องการกําลังใจ

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

วิธีวัด IQ ลูก เพื่อดูว่าลูกฉลาดหรือเปล่า ต้องทำอย่างไร จะมีวิธีไหนบ้าง

วิธีการวัด IQ นั้น ต้องอาศัยความรอบรู้ของลูกด้วย การวัด IQ จะทดสอบเมื่อโตขึ้นเท่านั้น โดยเริ่มทดสอบได้ตั้งแต่ช่วงที่เริ่มสื่อสารได้ และตอบคำถามได้ แต่หากเป็นไปได้ไม่ควรนำไปทดสอบ เพราะถ้าเป็นเด็กปกติ มักจะไม่ทดสอบ IQ กัน เพราะการวัด IQ เป็นการวัดความฉลาดเพียงแค่ไม่กี่ด้านเท่านั้น

 

และสำหรับหัวข้อ  ” การกระตุ้นสมองลูกน้อย เทคนิคสร้างความฉลาดให้ลูก ตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ ” นั้น เรื่องของการกระตุ้นทารกตั้งแต่ในครรภ์นั้น เราไม่ได้คิดว่าลูกจะต้องฉลาด แต่เป็นการกระตุ้นสมอง และประสาทสัมผัสของลูกตั้งแต่อยู่ในท้อง โดยจะเป็นเรื่องของสารอาหาร เพื่อเตรียมพร้อมในการผลิตสมอง เรื่องของหู การกระตุ้นเรื่องของการได้ยินของลูกตั้งแต่ในท้อง การกระตุ้นดวงตาโดยการใช้ไฟฉายในท้อง หรือรับแสงแดด เรื่องของการนั่งเก้าอี้โยก และการลูบท้อง เพื่อกระตุ้นประสาทสัมผัสทางกาย และการเคลื่อนไหวให้กับลูก และสุดท้ายคุณแม่ต้องไม่ลืมดูแลตัวเอง ทั้งทางร่างกายและจิตใจให้แข็งแรงตั้งแต่ในท้อง

 

คุณหมอแอม แพทย์หญิงพรนิภา ศรีประเสริฐ กุมารแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของจิตวิทยาพัฒนาการ และจิตวิทยาสมองและการเรียนรู้ของเด็ก

 

บทความที่เกี่ยวข้อง : 

คนท้องกินอะไรลูกฉลาด อาหารที่ดีที่สุดสำหรับการพัฒนาสมองของทารก

DHA ดีต่อคนท้องอย่างไร? ช่วยเสริมให้ทารกในครรภ์ฉลาดจริงหรือไม่

โฟลิกในอาหาร ที่ดีต่อสุขภาพของคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์

 

ที่มา : คุณหมอแอม แพทย์หญิงพรนิภา ศรีประเสริฐ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

เจ้าของเพจ เรื่องเด็ก ๆ by หมอแอม

บทความโดย

watcharin