ในระหว่างการตั้งครรภ์ คุณแม่จะต้องเผชิญ และรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายทั้งด้านร่างกาย และจิตใจ โดยอาการท้องผูกในระหว่างการตั้งครรภ์ นับว่าเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์หลายคนรู้สึกไม่สบายตัว รวมถึงยังส่งผลต่อเรื่องอารมณ์และความรู้สึกได้อีกด้วย ในวันนี้ Ask the Expert จะมาบอกเล่าถึงสาเหตุและวิธีแก้ปัญหา โดยคุณหมอโอ นายแพทย์โอฬาริก มุสิกวงศ์ สูตินรีแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธ์ุ เพื่อให้คุณแม่ดูแลตัวเองในระหว่างตั้งครรภ์ได้อย่างดีที่สุด
ปัญหาท้องผูกในระหว่างการตั้งครรภ์ อันตรายหรือไม่
อาการท้องผูกในระหว่างการตั้งครรภ์ถือว่าเป็นเรื่องอันตรายที่หลายคนไม่ควรมองข้าม เพราะอาการท้องผูกอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความผิดปกติที่อาจเกิดอันตรายได้ โดยอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ปวดท้อง ท้องเสีย กินไม่ได้ นอนไม่หลับ มีเลือดออก หรือริดสีดวงทวาร ซึ่งแน่นอนว่าอาการเหล่านี้สามารถส่งผลกระทบต่อลูกในท้องได้เช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าอาการท้องผูกในระหว่างการตั้งครรภ์อาจฟังดูแล้วไม่ใช่เรื่องอันตรายร้ายแรงมากเท่าไร แต่จะส่งผลต่อความรู้สึกของคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ทำให้เกิดอาการไม่สบายตัว อึดอัด หรือหงุดหงิด ซึ่งก็มาจากการถ่ายไม่ออกและอาการท้องอืด ดังนั้นการขับถ่ายตามปกติย่อมเป็นผลดีต่อสุขภาพของคุณแม่ ส่งต่อถึงลูกน้อย ได้อย่างแน่นอน
อาการท้องผูกระหว่างตั้งครรภ์ส่งผลต่อผู้ที่ทำ IVF หรือ ICSI หรือไม่
สำหรับคุณแม่ที่ผ่านการทำ IVF หรือ ICSI จะมีภาวะท้องผูกในระหว่างตั้งครรภ์ที่เพิ่มมากกว่าคนปกติทั่วไป เนื่องจากผู้ที่ทำ IVF และ ICSI จะต้องปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์ โดยส่วนใหญ่แล้วคือการขยับตัวให้น้อยที่สุด ไม่ควรลุกนั่งบ่อย ห้ามออกกำลังกาย หรือยกของหนัก เพราะพฤติกรรมเหล่านี้จะเสี่ยงต่อการแท้งบุตรได้ จึงทำให้ผู้ที่ผ่านการทำ IVF หรือ ICSI สร้างความเป็นกังวลอย่างมาก และมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดปัญหาท้องผูกในระหว่างการตั้งครรภ์
ควรเตรียมตัวอย่างไรก่อนเข้าทำ IVF และ ICSI
หากคู่สามีภรรยาได้ตัดสินใจว่าจะเข้ารับการทำ IVF และ ICSI ขั้นตอนแรก คือ การเข้าพบแพทย์เพื่อขอคำปรึกษา รวมทั้งรับการตรวจวินิจฉัยและการเตรียมตัวต่าง โดยก่อนที่จะเข้าทำการรักษา ทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชายจะต้องดูแลตัวเองและปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัดตามคำแนะนำ ดังนี้
ฝ่ายหญิง
- รับประทานโปรตีนอย่างน้อยวันละประมาณ 60 มิลลิกรัม
- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูง อาหารแปรรูป และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 1.5 – 2 ลิตร
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และการรับควันบุหรี่มือสอง
- ควบคุมน้ำหนัก และออกกำลังกายที่เคลื่อนไหวน้อย เช่น โยคะ หรือเดิน
- พักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เกิดความเครียด
ฝ่ายชาย
- หลีกเลี่ยงการติดเชื้อ เพราะอาจทำให้คุณภาพของเชื้ออสุจิลดลง
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ และคาเฟอีน
- งดสูบบุหรี่อย่างน้อย 3 เดือน ก่อนเริ่ม และระหว่างการรักษา
- พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เกิดความเครียด และความวิตกกังวล
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ป้องกันอาการท้องผูกในระหว่างตั้งครรภ์ได้อย่างไร
อาการท้องผูกที่เกิดขึ้นในระหว่างการตั้งครรภ์ของคุณแม่ อันดับแรกที่คุณหมอแนะนำคือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและรูปแบบการใช้ชีวิต รวมถึงการเลือกรับประทานอาหาร โดยมีวิธีปฏิบัติดังนี้
- รับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์ จะเป็นการช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบขับถ่ายและอาการท้องผูกให้ดีขึ้น
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ จะช่วยทำให้ไฟเบอร์จากอาหารที่รับประทานเข้าไปส่งผลดีต่อการขับของเสียออกจากร่างกาย รวมทั้งยังช่วยให้ร่างกายได้รับปริมาณน้ำที่เพียงพออีกด้วย
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบลำไส้ได้เป็นอย่างดี คุณแม่ตั้งครรภ์ควรออกกำลังกายเบา ๆ เช่น โยคะ ว่ายน้ำ หรือเดิน
อย่างไรก็ตาม หากคุณแม่ที่กำลังเผชิญกับปัญหาท้องผูกในขณะตั้งครรภ์อยู่ แล้วได้ทำตามวิธีข้างต้นแต่กลับพบว่าอาการยังไม่ดีขึ้นเท่าที่ควร แนะนำว่าควรเข้าพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาอาการ โดยแพทย์อาจให้ยาระบายที่เพิ่มปริมาณของไฟเบอร์เพื่อช่วยให้อุจจาระนิ่มและสามารถขับถ่ายได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม
นอกจากนี้ การมองหาตัวช่วยเพื่อแก้ปัญหาสุขภาพของลำไส้และแก้อาการท้องผูก ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ โดยในประเทศญี่ปุ่น สูตินรีแพทย์มักจะจ่าย LACTIS ให้กับคุณแม่ที่มาฝากครรภ์ รวมถึงคุณแม่ที่อยู่ในกระบวนการทำ IVF และ ICSI เพื่อป้องกัน บรรเทาปัญหาท้องผูกระหว่างตั้งครรภ์ อีกทั้งยังช่วยเสริมผลลัพธ์ที่ดีในการตั้งครรภ์อีกด้วย เพราะ LACTIS เป็น โพสไบโอติก จึงทำให้ LACTIS ปลอดภัยที่สุด ไม่เสี่ยงต่อผลข้างเคียงของโพรไบโอติก ที่อาจจะทำให้เกิดอาการแพ้หรือท้องเสียตามมา LACTIS มั่นใจได้มากที่สุด เนื่องจากยังมีงานวิจัยในคุณแม่ตั้งครรภ์ ในปี ค.ศ. 2011 และมีการตีพิมพ์ผลงานวิจัย โดยสมาคมสุขภาพคนท้องในญี่ปุ่น สูตินรีแพทย์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้าการทำ IVF และ ICSI ต่างแนะนำให้คุณแม่รับประทาน LACTIS ได้ผลลัพธ์มากที่สุด เพียงแค่คุณแม่รับประทาน LACTIS อย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 14 วัน ก็จะได้รับผลลัพธ์ที่ชัดเจนภายใน 30 วัน เมื่อหายขาดจากอาการท้องผูกก็ไม่จำเป็นต้องรับประทานอย่างต่อเนนื่อง และด้วยคุณสมบัติเหล่านี้นี่เองที่ทำให้คุณแม่ไว้วางใจใน LACTIS มามากว่า 30 ปี หากคุณแม่ท่านใดสนใจสามารถขอรับคำแนะนำ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ LACTIS ได้ที่นี่
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!