ลูกเลือดจาง ทำไงดี ? ปัญหาใหญ่ ปล่อยไว้เสี่ยงพัฒนาการล่าช้า

ลูกเลือดจาง ทำไงดี ? ภาวะเลือดจางพบได้บ่อยในเด็กเล็ก ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ ทำให้อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ซีดเซียว เสี่ยงพัฒนาการล่าช้า

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ลูกเลือดจาง ทำไงดี ? ภาวะเลือดจาง หรือที่เรียกกันว่า “โลหิตจาง” พบได้บ่อยในเด็ก โดยเฉพาะเด็กเล็ก เป็นภาวะที่ร่างกายมีเม็ดเลือดแดงหรือฮีโมโกลบินไม่เพียงพอ ส่งผลให้ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ เกิดอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ซีดเซียว 

 

ลูกเลือดจาง ทำไงดี ? ปัญหาใหญ่ที่ไม่ควรมองข้าม

ภาวะโลหิตจางในเด็ก ส่งผลต่อพัฒนาการทั้งด้านร่างกาย สติปัญญา และอารมณ์ ดังนี้

  • ภาวะเลือดจางส่งผลต่อพัฒนาการ ด้านร่างกาย

เจริญเติบโตช้า เด็กที่เป็นโลหิตจาง มักมีน้ำหนักและส่วนสูงต่ำกว่าเกณฑ์ มีพัฒนาการทางร่างกายล่าช้า เช่น การนั่ง การคลาน การเดิน ติดเชื้อบ่อย เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ

  • ภาวะเลือดจางส่งผลต่อพัฒนาการ ด้านสติปัญญา

เรียนรู้ช้า เด็กที่เป็นโลหิตจาง มักมีสมาธิสั้น จดจ่อกับสิ่งต่าง ๆ ได้ยาก เรียนรู้ช้า มักมีผลการเรียนด้อย ไม่สามารถเรียนรู้ได้อย่างเต็มศักยภาพ มีปัญหาพฤติกรรม เช่น หงุดหงิด โกรธง่าย ก้าวร้าว

  • ภาวะเลือดจางส่งผลต่อพัฒนาการ ด้านอารมณ์

ซึมเศร้า เด็กที่เป็นโลหิตจาง มักรู้สึกซึมเศร้า อารมณ์แปรปรวน มักรู้สึกวิตกกังวล กลัว มักขาดความมั่นใจ รู้สึกด้อยค่า

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

สังเกตอย่างไรว่าลูกของคุณกำลังเผชิญกับภาวะเลือดจาง?

สัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าลูกของคุณอาจมีภาวะเลือดจาง มีดังนี้

  • สีผิวซีด สังเกตได้จากใบหน้า ริมฝีปาก เหงือก หรือฝ่ามือ
  • อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ลูกของคุณอาจดูอ่อนแรง หมดแรงง่าย เล่นได้ไม่นาน
  • หายใจเร็ว หายใจเร็วกว่าปกติ โดยเฉพาะตอนออกกำลังกายหรือเล่น
  • ใจสั่น รู้สึกเหมือนหัวใจเต้นเร็วหรือแรงกว่าปกติ
  • เวียนหัว รู้สึกเหมือนหน้ามืด หรือมึนหัว
  • นอนหลับยาก หรือหลับไม่สนิท
  • เบื่ออาหาร ทานอาหารได้น้อยลง
  • ผมร่วง ผมร่วงมากกว่าปกติ
  • เจริญเติบโตช้า น้ำหนักตัวและความสูงไม่เพิ่มขึ้นตามเกณฑ์

หากพบสัญญาณเตือนเหล่านี้ ควรพาลูกไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม

เด็กเลือดจางต้องกินอะไร?

การทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเด็กที่เลือดจาง แหล่งอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง ได้แก่

  • เนื้อสัตว์ เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อไก่ ปลาแซลมอน
  • เครื่องในสัตว์ ตับ ไต ม้าม
  • ไข่ ไข่แดง
  • ผักใบเขียว คะน้า ผักโขม บร็อคโคลี่
  • ธัญพืช ถั่วแดง ถั่วเหลือง ข้าวโอ๊ต
  • ผลไม้แห้ง ลูกเกด อินทผลัม
  • อาหารทะเล หอยนางรม ปลาทูน่า

นอกจากนี้ ยังควรทานอาหารที่มีวิตามินซีควบคู่ไปด้วย เพื่อช่วยดูดซึมธาตุเหล็กได้ดียิ่งขึ้น แหล่งอาหารที่มีวิตามินซีสูง ได้แก่ ผลไม้รสเปรี้ยว ส้ม มะนาว กีวี สตรอเบอร์รี่ พริกหวาน

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ตัวอย่างเมนูอาหารสำหรับเด็กเลือดจาง

  • ข้าวผัดเนื้อวัวใส่ผักใบเขียว
  • ไข่เจียวตับ
  • แกงจืดเต้าหู้หมูสับใส่ผักคะน้า
  • ปลานึ่งซีอิ๊ว ราดซอสพริก
  • ส้มตำไทยใส่กุ้งแห้ง

เลือดจาง ห้ามกินอะไร?

ภาวะโลหิตจาง หรือที่เรียกกันว่า “เลือดจาง” เป็นภาวะที่ร่างกายมีเม็ดเลือดแดงหรือฮีโมโกลบินไม่เพียงพอ ส่งผลให้ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ เกิดอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ซีดเซียว

การรับประทานอาหาร มีบทบาทสำคัญในการรักษาภาวะโลหิตจาง นอกจากการทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงแล้ว ผู้ป่วยโลหิตจางยังควร หลีกเลี่ยง อาหารบางชนิด ดังนี้

1. อาหารที่มีแคลเซียมสูง

อาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น นม เนย ชีส โยเกิร์ต มีสารที่ขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็ก ควรงดทานอาหารเหล่านี้ ควบคู่กับมื้ออาหารที่มีธาตุเหล็ก หรือทานห่างกันอย่างน้อย 2 ชั่วโมง

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

2. ชา กาแฟ และน้ำอัดลม

ชา กาแฟ และน้ำอัดลม มีสารแทนนิน และฟอสเฟต ที่ขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็ก ควรงดทานเครื่องดื่มเหล่านี้ ควบคู่กับมื้ออาหารที่มีธาตุเหล็ก หรือทานห่างกันอย่างน้อย 2 ชั่วโมง

3. ดาร์กช็อกโกแลต

ดาร์กช็อกโกแลต มีสารออกซาเลต ที่ขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็ก ควรงดทานดาร์กช็อกโกแลต ควบคู่กับมื้ออาหารที่มีธาตุเหล็ก หรือทานห่างกันอย่างน้อย 2 ชั่วโมง

4. อาหารแปรรูป

อาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก แฮม เบคอน มีไขมันอิ่มตัวสูง และโซเดียมสูง ไม่ดีต่อสุขภาพ ควรงดทานอาหารแปรรูป และเลือกทานอาหารสดใหม่ ปรุงสุกใหม่

5. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ส่งผลต่อการดูดซึมธาตุเหล็ก และอาจทำให้อาการของภาวะโลหิตจางแย่ลง ควรงดทานเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

6. ข้าวกล้อง

ข้าวกล้อง มีสารไฟเทต ที่ขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็ก ผู้ป่วยโลหิตจางควรเลือกทานข้าวขาว แทนข้าวกล้อง

เทคนิคการรับประทานอาหารเพื่อป้องกันภาวะเลือดจาง

การป้องกันภาวะเลือดจางในเด็ก ย่อมดีกว่าการรักษา ทำได้โดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารเพื่อให้ลูกน้อยมีสุขภาพแข็งแรง

  • เริ่มต้นจากการให้นมแม่ น้ำนมแม่เป็นแหล่งสารอาหารที่เหมาะสมที่สุดสำหรับทารกแรกเกิด น้ำนมแม่มีธาตุเหล็กเพียงพอต่อความต้องการของลูกน้อยในช่วง 6 เดือนแรก
  • เลือกใช้นมผงสูตรที่มีธาตุเหล็ก สำหรับทารกที่ไม่ได้รับนมแม่ คุณแม่ควรเลือกใช้สูตรนมผงที่มีธาตุเหล็กผสมอยู่ เพื่อให้ลูกน้อยได้รับธาตุเหล็กที่เพียงพอ
  • อาหารเหล็กสูงตั้งแต่วัยเริ่มทานอาหารเสริม เมื่อลูกน้อยเริ่มทานอาหารเสริม คุณแม่ควรเลือกอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น เนื้อสัตว์บด ไข่แดง ผักบดละเอียด ซีเรียลสำหรับเด็ก เป็นต้น
  • ซ่อนธาตุเหล็กไว้ในมื้ออาหาร เด็ก ๆ บางคนอาจไม่ชอบรับประทานอาหารบางชนิด คุณแม่สามารถปรับเปลี่ยนสูตรอาหาร โดยการซ่อนแหล่งของธาตุเหล็กไว้ในมื้ออาหาร เช่น ผสมเนื้อสัตว์บด หรือผักโขมลงในซุป โรยธัญพืชลงบนโยเกิร์ต
  • จับคู่กับวิตามินซี วิตามินซีมีส่วนช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็ก คุณแม่ควรจัดมื้ออาหารที่มีทั้งอาหารเหล็กสูง ควบคู่กับผลไม้รสเปรี้ยว หรือผักที่มีวิตามินซีสูง เช่น ส้ม มะละกอ ผักกาดขาว เป็นต้น
  • หลีกเลี่ยงอาหารบางชนิด เช่น นม ชา กาแฟ มีสารที่ขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็ก คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงการให้ลูกน้อยดื่มนม หรือเครื่องดื่มเหล่านี้ ควบคู่กับมื้ออาหารที่มีธาตุเหล็ก
  • แบ่งมื้ออาหาร : การแบ่งมื้ออาหารออกเป็นมื้อเล็ก ๆ หลายมื้อ จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดียิ่งขึ้น
  • เป็นแบบอย่างที่ดี : พฤติกรรมการรับประทานอาหารของพ่อแม่ ส่งผลต่อลูกน้อย คุณพ่อคุณแม่ควรเป็นแบบอย่างที่ดี โดยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และหลากหลาย

เสริมเกราะป้องกัน ด้วยวิตามินและแร่ธาตุอื่น ๆ ที่จำเป็น

นอกจากธาตุเหล็กแล้ว วิตามินและแร่ธาตุอื่น ๆ ก็มีส่วนสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดแดง ดังนั้นคุณแม่ควรใส่ใจในเรื่องของโภชนาการที่ครบถ้วน ดังนี้

  • วิตามินบี 12 พบมากในเนื้อสัตว์ ไข่ นม ซีเรียล มีส่วนช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง
  • กรดโฟลิค พบมากในผักใบเขียว ผลไม้ ถั่ว มีส่วนช่วยในการสร้างและฟื้นฟูเซลล์เม็ดเลือดแดง
  • วิตามินเอ พบมากในตับ ไข่แดง ผักใบเขียว มีส่วนช่วยในการสร้างเม็ดเลือด
  • ทองแดง พบมากในเนื้อสัตว์ ถั่ว ธัญพืช มีส่วนช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็ก

รู้ทันสัญญาณเตือนเมื่อลูกอาจขาดวิตามินและแร่ธาตุ

คุณแม่ควรสังเกตอาการของลูกน้อย เพื่อดูว่าร่างกายได้รับวิตามินและแร่ธาตุไม่เพียงพอ เช่น อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย เบื่ออาหาร น้ำหนักไม่ขึ้นตามเกณฑ์ ผมร่วง เป็นต้น

 

ชวนลูกสนุกไปกับอาหาร

เด็ก ๆ หลายคนอาจเบื่ออาหาร หรือไม่ชอบรับประทานผัก ซึ่งเป็นแหล่งสำคัญของธาตุเหล็กและวิตามินต่าง ๆ คุณแม่สามารถปรับใช้เทคนิคเหล่านี้ เพื่อให้การรับประทานอาหารเป็นเรื่องสนุก

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา
  • ให้ลูกน้อยมีส่วนร่วม ชวนลูกน้อยช่วยเตรียมอาหารง่าย ๆ เช่น การล้างผัก หยิบผลไม้ การช่วยคนอาหาร จะช่วยให้เด็ก ๆ รู้สึกภูมิใจ และอยากทานอาหารมากยิ่งขึ้น
  • จัดแต่งอาหารให้น่ารับประทาน ใช้แม่พิมพ์ในการตัดผัก หรือผลไม้เป็นรูปร่างต่าง ๆ จัดวางอาหารให้สวยงาม ดึงดูดความสนใจของลูกน้อย
  • สร้างบรรยากาศในการรับประทานอาหาร เปิดเพลงเบา ๆ หรือเล่าเรื่องราว เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดี ช่วยให้เด็ก ๆ มีสมาธิ และรับประทานอาหารได้มากขึ้น
  • เป็นตัวอย่างที่ดี รับประทานอาหารร่วมกับลูกน้อย แสดงความชื่นชอบ และทานผักต่าง ๆ จะช่วยให้เด็ก ๆ เลียนแบบพฤติกรรมของคุณแม่
  • หลีกเลี่ยงการบังคับ การบังคับให้ลูกน้อยรับประทานอาหาร อาจส่งผลเสียในระยะยาว คุณแม่ควรใช้วิธีการโน้มน้าว อธิบายประโยชน์ของอาหาร และให้ลูกน้อยเลือกทานอาหารในปริมาณที่เหมาะสม

ภาวะเลือดจางสามารถป้องกันได้ โดยการใส่ใจในเรื่องของโภชนาการ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบถ้วน 5 หมู่ หลีกเลี่ยงอาหารขยะ และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง นอกจากนี้ การพาลูกน้อยไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพประจำปี ก็เป็นสิ่งสำคัญ แพทย์จะสามารถประเมินภาวะโภชนาการ และแนะนำวิตามินเสริม หากร่างกายของลูกน้อยขาดวิตามินหรือแร่ธาตุ

การมีสุขภาพที่ดี เริ่มต้นได้ตั้งแต่วัยเด็ก พ่อแม่ ผู้ดูแล มีบทบาทสำคัญในการปลูกฝังพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ดี และสร้างรากฐานให้ลูกน้อยเติบโตอย่างแข็งแรง สมวัย

ที่มา โรงพยาบาลบางปะกอก 3 , โรงพบยาบาลวัฒนะแพทย์ ตรัง , โรงพยาบาลเปาโล , โรงพยาบาลจุฬา

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

แม่แชร์ประสบการณ์ ลูกขาดธาตุเหล็ก ทั้งที่กินครบ 5 หมู่! หมอแนะปรับตารางการกินด่วน!

คุณแม่ควรให้ลูกน้อยทาน วิตามิน หรือ ยาเสริมธาตุเหล็ก หรือไม่ ?

ทารกตัวซีด มือเท้าเย็น เสี่ยง IQ ต่ำ เพราะ ขาดธาตุเหล็ก จริงไหม?