ลูกก้าวร้าว และพูดว่าไม่ตลอดเวลา พ่อแม่ควรรับมืออย่างไรดี?

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

คุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจมักเคยเจอกับเหตุการณ์ลูกดื้ออยู่หลายครั้ง และอาจพบว่า ลูกก้าวร้าว และพูดว่าไม่ตลอดเวลา จนอาจเกิดคำถามว่าทำไมเด็กเล็ก ๆ ถึงมีพฤติกรรมการใช้คำพูดเหล่านี้ วันนี้ theAsianparent Thailand จะพาคุณพ่อคุณแม่มาดูสาเหตุที่ว่า ทำไมลูกถึงมีพฤติกรรมก้าวร้าว และพูดคำว่าไม่ตลอดเวลา ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกัน

 

ลูกก้าวร้าว และพูดว่าไม่ตลอดเวลา

ในช่วงเวลาที่ลูกน้อยของคุณใกล้จะครบหนึ่งขวบ พวกเขาจะมีการสำรวจโลกและเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากมาย พวกเขาสามารถเลือกที่จะกินอาหารที่คุณให้หรือไม่ก็ได้ พวกเขาสามารถเลือกที่จะมาหาคุณในตอนที่คุณยื่นมือออกไปหา หรือไม่ก็ได้ เพราะเด็กในวัยนี้พวกเขามีความสามารถในการเลือกแล้ว ด้วยความสามารถในการเลือกที่เด็กได้ค้นพบนี้ จึงทำให้ลูกของคุณอาจหัน และไปในทิศทางตรงกันข้ามกับที่คุณเรียกเขา ลูกก้าวร้าว อาจเมินเฉยต่อคุณ หรือแม้กระทั่งทำในสิ่งตรงกันข้ามกับที่คุณบอกเขาให้ทำ ดันคุณออกเมื่อคุณพยายามหอมหรือกอดเขา และอาจมีการปฏิเสธการไปกับบางคน เช่น ยายหรือตาที่เขาไม่ได้อยู่ด้วยบ่อยนัก พฤติกรรมเหล่านี้ไม่ได้เป็นพฤติกรรมต่อต้านหรือท้าทายแต่อย่างใด (อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในวัยนี้) แต่เป็นพฤติกรรมการเลือกบางสิ่งที่พวกเขาเพิ่งค้นพบว่าพวกเขาสามารถทำได้ ดังนั้นลูกจึงเริ่มพูดคำว่า “ไม่” เพื่อประกาศความเป็นอิสระของตัวเองนั่นเอง

 

พ่อแม่ควรตอบสนองอย่างไร ลูกก้าวร้าว และพูดว่าไม่ตลอดเวลา

การประกาศความเป็นอิสระของลูกน้อยโดยใช้คำพูดง่าย ๆ ว่า “ไม่” ไม่ควรทำให้คุณรู้สึกไม่ดีหรือเครียดกับพฤติกรรมนี้ ถึงแม้คุณจะเริ่มคิดว่าพฤติกรรมเช่นนี้อยู่นอกเหนือการควบคุม แต่คุณก็ไม่ควรปล่อยให้ลูกของคุณทำอะไรได้ตามใจเขาไปซะทุกอย่าง การที่คุณไม่ควรเครียดไปกับพฤติกรรมนี้ของลูก นั่นหมายถึง คุณไม่ควรคิดมากกับความจริงที่ว่าลูกของคุณพูดคำว่า “ไม่” กับคุณ เพราะนี่เป็นธรรมชาติของเด็ก เรามาดูวิธีการตอบสนองเมื่อลูกมีพฤติกรรมเช่นนี้กันค่ะ

  • หากคุณบอกให้ลูกของคุณเลิกเล่นกับอาหารของเขาและลูกเมินต่อคำสั่งคุณ ให้คุณสันนิษฐานว่าเขากินอิ่มแล้ว และให้เอาอาหารออกห่างจากเขา นี่จะช่วยให้เขามีพฤติกรรมที่ดีขึ้น และรับประทานอาหารได้ดีขึ้นในครั้งต่อไป
  • หากลูกน้อยพูดคำว่า “ไม่” เมื่อคุณสั่งให้เขาวางบางอย่างลงหรือไม่เก็บบางสิ่งขึ้นมา ให้คุณเอาสิ่งนั้นออกจากมือของพวกเขา และวางในที่ของมัน ให้คุณกล่าวคำว่า “ไม่” กับเขาและทำในสิ่งที่ถูกต้องต่อไป
  • ฉันไม่ได้เกิดเมื่อวานนี้ และฉันรู้ว่าเด็กในวัยหัดเดินจะอยากกลับไปเอาสิ่งนั้นอีกเรื่อย ๆ มาถึงตรงนี้มันจะกลายเป็นสงครามการแย่งของระหว่างคุณกับลูกและมันควรเป็นสงครามที่คุณชนะ หากเกิดเหตุการณ์สงครามแย่งของนี้ขึ้น คุณควรนำลูกออกจากสถานการณ์นั้น ๆ โดยเบี่ยงเบนความสนใจเขา ให้สิ่งอื่นกับเขาหรือให้ลูกนั่งตัก และกอดเขาในอ้อมแขนคุณเพื่อแสดงความรัก
  • ให้โอกาสเขาเล็กน้อยในการกล่าวคำว่า “ไม่” และสำหรับตัวคุณเอง แทนที่จะพูดคำว่า “ทำนั่นสิ ทำนี่สิ” ให้เปลี่ยนมาเป็น “ลูกทำ…ให้แม่ได้มั้ย” หรือ “แม่ต้องการให้ลูก….” หรือ “ลูกลองแสดงให้แม่ดูหน่อยได้มั้ยว่าลูกโตมากแค่ไหนแล้วโดยการ…”
  • อย่าคิดมากในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น การที่เขาต่อต้านการหอมหรือกอด โดยเฉพาะกับผู้ที่เด็กไม่ค่อยได้คุ้นเคยด้วย

บทความที่เกี่ยวข้อง : ลูกดื้อ พฤติกรรมนี้เกิดจากอะไร? คุณแม่ควรรับมือเจ้าตัวแสบด้วยวิธีไหนจึงจะได้ผลดี

 

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

เมื่อไหร่คุณควรให้ความสำคัญ

บ่อยครั้งที่เด็กในวัยหัดเดินนี้ต้องการที่จะ “ทำด้วยตัวเอง” โดยที่พวกเขาไม่รู้ว่าอาจเกิดอันตรายขึ้นได้ สถานที่ต่าง ๆ เช่น ลานจอดรถ สวนสนุก ห้างสรรพสินค้า และสถานที่สาธารณะต่าง ๆ สามารถเกิดอันตรายกับลูกน้อยได้ ดังนั้น เวลาที่ลูกน้อยของคุณพูดว่า “ไม่” เขาจะพยายามออกจากมือของคุณในขณะที่คุณอุ้มพวกเขาอยู่ ฉะนั้น คุณควรอุ้มเขาให้แน่นเพื่อความปลอดภัย

 

ลูกน้อยมีอาการเกรี้ยวกราด และท้าทาย เกิดจากอะไร

หากลูกน้อยของคุณยังคงมีการท้าทายคุณจนกระทั่งเขาโตขึ้นและโตพอที่จะรู้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่ทำได้และอะไรที่เขาไม่ควรทำ คุณต้องเข้าใจก่อนว่าพฤติกรรมนี้เกิดมาจากอะไร และคุณต้องทำอะไรสักอย่างกับพฤติกรรมเช่นนี้ของลูก

  • พวกเขารู้สึกไม่สบายหรือไม่? เด็กที่ป่วยหรือรู้สึกไม่สบายมักจะแสดงพฤติกรรมเชิงปฏิเสธมากกว่าที่จะแสดงออกให้เห็นว่าพวกเขาไม่สบายอยู่
  • เขากำลังกลัวอะไรอยู่หรือไม่? เช่น อาการนี้เกิดขึ้นในเวลาที่เขาต้องไปสถานเลี้ยงเด็ก เวลาที่ต้องอาบน้ำ เวลาที่ต้องเข้านอน เป็นต้น อาการต่อต้านอาจหมายถึงความกลัวบางอย่างที่เขามีอยู่ พยายามหาสาเหตุเมื่ออาการนี้เกิดขึ้นซ้ำในขณะที่เขาต้องทำกิจกรรมเหล่านี้และช่วยเขาดึงเอาความกลัวออกไปจากเขา
  • แล้วอาหารที่เขารับประทานล่ะ? หากคุณให้ลูกกินอาหารที่มีส่วนประกอบของอาหารขยะ ขนมขบเคี้ยวที่มีปริมาณน้ำตาลสูงหรือมีปริมาณคาร์โบไฮเดรตสูง จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดของลูกสูง และสิ่งนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าจะทำให้ลูกมีอารมณ์แปรปรวนได้ง่าย นั่นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ลูกของคุณมีอารมณ์ฉุนเฉียวและไม่ให้ความร่วมมือ
  • ลูกของคุณเบื่อหรือเหนื่อยล้าหรือไม่? สิ่งนี้ที่มีผลต่ออารมณ์และพฤติกรรมที่พวกเขาแสดงออกมาเช่นกัน

บทความที่เกี่ยวข้อง : ลูกดื้อ สอนไม่จำ ผิดที่ลูกหรือเป็นเพราะเราเองที่สอนลูกผิดวิธี

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

พ่อแม่ควรใช้คำว่า ไม่ กับลูกไหม

คุณพ่อคุณแม่ไม่ใช้คำว่า “ไม่” มากเกินไป เพราะเด็ก ๆ จะเรียนรู้โดยการทำซ้ำ และล้อเลียนพฤติกรรมของเรา พูดง่าย ๆ ว่า หากเขาได้ยินแต่คำว่า “ไม่” จากคุณ พวกเขาจะคิดว่านี่เป็นคำพูดที่ถูกต้องที่พวกเขาควรพูด เนื่องจากคุณแสดงให้พวกเขาเห็นว่ามันเป็นเช่นนั้น ดังนั้น คุณควรหาคำอื่นแทนการพูดคำว่า “ไม่” สำหรับสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ โดยแทนที่จะพูดคำว่า “ไม่ ลูกจะไม่กินลูกอมมากกว่านี้”  หรือ “ไม่ ลูกไม่สามารถลุกจากเตียงได้” หรือ “ไม่ ลูกจะไม่สาดน้ำออกจากอ่างอาบน้ำ” คุณควรเปลี่ยนสถานการณ์ให้ฟังดูนิ่มนวลลง เช่น “เราจะเก็บลูกอมไว้กินอีกวันหลังนะลูก” ซึ่งนี่จะฟังดูอ่อนโยนกว่า และอีกอย่าง ลูกน้อยของคุณก็จะได้มีบางสิ่งที่เขารอคอยด้วย

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

ตอนนี้ คำว่า “ไม่” อาจเป็นคำพูดที่คุณไม่อยากได้ยินบ่อยนัก แต่มันก็เป็นคำพูดที่ช่วยไม่ให้คุณปล่อยให้ลูกเป็นอิสระมากเกินไปจนเสียคน มันจะดีกับลูกของคุณเมื่อพวกเขาโตขึ้นและต้องเจอกับสถานการณ์ที่กดดันต่าง ๆ เนื่องจากพวกเขาจะสามารถรับกับมันได้ดีขึ้น

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

ลูกดื้อมาก ชอบปีนป่ายและไม่เชื่อฟัง ลูกเราผิดปกติไหม?

ลูกซน ลูกดื้อ ลูกอยู่ไม่นิ่งชอบการปีนป่าย ต้องทำอย่างไรดี?

ทำไมลูกก้าวร้าว ต้นตอของปัญหาความก้าวร้าวในตัวเด็ก มีแบบไหนบ้าง

บทความโดย

theAsianparent Thailand Team