แบบอย่างที่ดี ลูกที่ดี ให้แก่ลูกต้องทำอย่างไร มาดูกันเลย ว่าทำอย่างไร
1. แบบอย่างที่ดี แสดงความรักต่อลูก แบบอย่างที่ดี ลูกที่ดี
ความรักของพ่อแม่ยิ่งใหญ่ที่สุด แต่จะมีประโยชน์อะไรหากพ่อแม่ไม่แสดงออกให้ลูกเห็น การโอบกอด ยิ้ม พูดคุย รับฟังลูก ถือเป็นการแสดงความรักต่อลูกเช่นกัน ทำไม่ยากเลย ลูกจะสามารถสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น และความรักจากคุณพ่อคุณแม่ และความรักจะช่วยเติมเต็มให้กับลูก เด็กที่มีความรักความอบอุ่น จากพ่อแม่มักจะมีพัฒนาการที่ดี และมีทัศนคติที่ดีทั้งต่อตนเองและคนอื่น ๆ อย่าอายที่จะกอดลูก หอมลูก เพราะหากลูกโตแล้ว คุณอาจจะไม่ได้กอด หรือหอมเขาแบบนี้แล้ว มาแสดงความรักให้ลูกได้รู้กันตั้งแต่วันนี้กันนะคะ
2. มีวินัยและรับผิดชอบ แบบอย่างที่ดี
ปัจจุบันพ่อแม่มักพูดว่า เด็ก ๆ เดี๋ยวนี้เมื่อเริ่มทำอะไรแล้ว ก็ไม่ค่อยยอมทำให้เสร็จ เมื่อเป็นเช่นนี้ พ่อแม่จึงต้องรีบแก้ปัญหาโดยด่วน ด้วยการแสดงให้ลูกเรียนรู้ว่า การเริ่มต้นทำนั้น ย่อมหมายถึงต้องสานต่อให้เสร็จ เช่น โครงงานศิลปะ ฝึกเล่นกีฬา เป็นต้น ถ้าลูกเรียนรู้ว่า การทำอะไรต้องไม่ล้มเลิกกลางคัน เมื่อโตขึ้นแล้วต้องเจองานที่ยากขึ้น ก็จะพยายามทำต่อได้จนสำเร็จ ที่สำคัญคุณพ่อคุณแม่ควรให้กำลังใจลูก และคำพูดโน้มน้าวให้ลูกเห็นข้อดีของการทำจนสำเร็จ เพื่อเป็นแรงเสริมกระตุ้นให้ลูกมีวินัยและความรับผิดชอบต่อไป
3. ชีวิตสมดุล : งานและครอบครัว
“เวลาและวารีไม่เคยรอใคร” คำพูดนี้อาจจะดูล้าสมัยก็จริงแต่มันตั้งอยู่บนหลักของความเป็นจริง เมื่อพ่อแม่ไม่ค่อยมีเวลา มักเลี้ยงลูกด้วยการซื้อของเล่นให้ โตขึ้นก็กลายเป็นเด็กชอบขอ อยากได้อะไรก็ขอพ่อแม่ ไม่เคยจะคิดพึ่งตัวเอง จึงมีปัญหาเรื่องการดูแลอารมณ์ตัวเอง เพราะเด็กไม่เข้าใจตัวเอง ดังนั้น เวลาเป็นสิ่งสำคัญ การทำงานเพียงอย่างเดียวทำให้ชีวิตไม่มีความหมาย ทำให้ลูกรู้สึกว่าทุกนาทีผ่านไปอย่างไร้ความอบอุ่น กลับมาบ้านเจอแต่พี่เลี้ยง ปู่ ย่า ตา ยาย เท่านั้น แน่นอนว่า ทุกคนต้องทำงาน แต่อย่าลืมว่า ลูกก็ต้องการเวลาจากพ่อแม่เช่นกัน ต้องการความรัก ความเอาใจใส่ ต้องการที่ปรึกษา ต้องการสัมผัสอันอบอุ่น สิ่งนี้คุณพ่อคุณแม่ต้องสอนลูกในเรื่องชีวิตที่เป็นสุขต้องมีความสมดุล และพ่อแม่ก็ต้องปฏิบัติตามที่สอนลูกด้วยนะคะ อย่าปล่อยให้เวลาผ่านเลยไปกับความรู้สึกโดดเดี่ยวของลูกเลย !!!
4. แบบอย่างที่ดี ควรสอนลูกให้รู้จักวิธีตัดสินใจ
คุณพ่อคุณแม่ต้อง สอนลูกให้รู้จักตัดสินใจ โดยเฉพาะเวลาที่ลูกต้องเลือกทำอะไรแสดงให้ลูกเห็นว่า เวลาที่คุณพ่อคุณแม่ต้องเลือกทำอะไร ไม่ใช่เลือกเพราะสิ่งนั้นทำได้ง่าย แต่ทำเพราะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าเจอสถานการณ์ที่ต้องเลือกทำ ให้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกันให้ลูกได้ยิน เพื่อให้ลูกได้เรียนรู้ขั้นตอนในการให้ได้มาถึงข้อสรุปในการตัดสินใจทำสิ่ง ต่างๆ เช่น “คืนนี้พ่ออยากพักผ่อนอยู่บ้านจังเลย เพราะพ่อเหนื่อยมาก แต่พ่อก็ต้องไปงานเลี้ยงของที่ทำงาน เพราะรับปากเขาไว้แล้ว และพ่อก็ต้องรักษาคำพูด ดังนั้นพ่อต้องเตรียมตัวไปแล้วหล่ะ” คำพูดเช่นนี้ทำให้ลูกรู้สึกว่า ความรับผิดชอบและการรักษาสัญญาเป็นสิ่งที่ควรกระทำ สามารถสอนลูกให้เป็นคนรักษาสัญญาได้อีกด้วย
5. สอนลูกให้พึ่งพาตนเองได้ตามวัย
คุณพ่อคุณแม่ ควรปลูกฝังเรื่องระเบียบวินัย เลี้ยงลูกให้พึ่งพาตัวเองตั้งแต่เด็ก ปล่อยให้ลูกแสวงหา ถ้ามีปัญหาพ่อแม่ก็ช่วย พอพ่อแม่แก่เฒ่าลูกก็มาดูแล แต่คนชราฝรั่งจะไม่ชอบอยู่กับลูกเพราะชอบอิสระ อยากไปเที่ยวไหนก็ไป ส่วนสังคมญี่ปุ่นสอนลูกเรื่องการทำงาน ระเบียบวินัย และจริยธรรมจะเน้นมาก นี่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนรู้สึกว่าสังคมญี่ปุ่นเครียด เพราะอยู่ในระเบียบ แต่ด้านหนึ่งก็ดี เพราะการสอนให้เด็กมีวินัยและมีความรับผิดชอบต่อตนเองได้ตั้งแต่ยังเด็ก เมื่อโตขึ้นลูกจะสามารถพัฒนาต่อยอดต่อไปกลายเป็นคนที่มีวินัยและมีความรับผิดชอบต่อไป
6. สอนเรื่องความกตัญญู
เรื่องของความกตัญญูคุณพ่อคุณแม่สามารถสอนลูกได้โดยไม่ต้องมาบอกลูกว่า ลูกต้องกตัญญูต่อพ่อแม่นะ เพียงแต่สอนด้วยการ กระทำ ได้แก่ การส่งเสริมให้ลูกได้ปฏิบัติและทำกิจกรรมที่เป็นการปลูกฝังให้เกิดความกตัญญู เช่น สอนให้ลูกช่วยยกน้ำดื่มมาให้พ่อแม่ เมื่อกลับมาจากทำงาน การช่วยถือของเล็ก ๆ น้อย ๆ เมื่อต้องไปซื้อของ หรือการที่ลูกช่วยงานบ้านง่าย ๆ พ่อแม่ควรชื่นชม และเน้นถึงความสำคัญของพฤติกรรมว่าลูกได้แสดงออกถึงความกตัญญูต่อพ่อแม่แล้ว
ข้อคิด : พ่อแม่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในเรื่องความกตัญญู
พ่อแม่ต้องแสดงพฤติกรรมความกตัญญูให้ลูกเห็น เช่น การซื้อของหรือการทำอาหารให้คุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย หรือญาติผู้ใหญ่ที่มีพระคุณ ให้ลูกได้มีส่วนร่วมในการมอบสิ่งของ หรืออธิบายสาเหตุที่ต้องแสดงความกตัญญูต่อท่านเหล่านั้นว่า ท่านมีบุญคุณอย่างไรต่อเรา ถ้าไม่ท่านเหล่านั้น เราจะเป็นอย่างไร และให้ลูกวิเคราะห์ผลของการทำกิจกรรมนั้น ไม่ว่าจะเป็นทางกาย หรือความรู้สึกอิ่มเอมทางจิตใจ เมื่อได้แสดงความกตัญญูต่อผู้อื่น
7. สร้างและส่งเสริมแรงบันดาลใจให้ลูก
ต้องส่งเสริมให้ลูกได้ใช้ศักยภาพที่มีอยู่อย่างเต็มที่ โดยการเปิดโอกาสให้เขาได้ลองทำกิจกรรมด้วยตนเอง เช่น การใช้เหตุผล การคำนวณ ปรัชญา วิทยาศาสตร์ ความคิดสร้างสรรค์ การร่วมกิจกรรมเพื่อประโยชน์ส่วนรวม เล่นกีฬา ดนตรี ทำอาหาร เป็นต้น จากนั้นพ่อแม่ก็สังเกตว่าเขาชอบอะไร แล้วจึงส่งเสริมให้เขาทำสิ่งนั้นอย่างจริงจัง รวมถึงการสร้างแรงบันดาลใจให้ลูกรู้สึกว่าอยากใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า สิ่งนี้จะเกิดขึ้นกับลูกเมื่อเขาได้ใช้ศักยภาพของตนเองให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น โดยพ่อแม่จะต้องชี้แนะแนวทางและเป็นแบบอย่างที่ดี เช่น สั่งสอนลูกให้รู้จักมีเมตตาต่อผู้อื่น หาเวลาพาลูกไปทำกิจกรรมเพื่อสังคม เพื่อให้เห็นโลกภายนอกที่ทุกข์ยากลำบากกว่าตัวเขาเอง สิ่งเหล่านี้ทำให้เด็กเรียนรู้ที่จะมีเมตตาและการรู้จักการแบ่งปัน
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว วิธีปฏิบัติตนในการเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ลูกนั้นทำไม่ยากเลยใช่ไหมคะ สิ่งสำคัญการแสดงความรัก การมีเวลาให้กับลูกนั้นเป็นเรื่องที่พ่อแม่อย่ามองข้าม เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งดี ๆ ที่ลูกจะได้รับจากพ่อแม่นั่นเอง เรามาเป็นแบบอย่างทีดีเพื่อลูกกันค่ะ
The Asianparent Thailand เว็บไซต์ข้อมูลคุณภาพและสังคมคุณแม่ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และในเอเชีย เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารแพทย์ แหล่งความรู้แม่และเด็ก รวมถึงแอพพลิเคชั่น The Asianparent ที่ติดตามการตั้งครรภ์ ให้คุณแม่ได้ลงทะเบียนใช้งานฟรี เพื่อติดตามพัฒนาการของทารก ตั้งแต่ตั้งครรภ์ จนถึงติดตามหลังคลอดที่ครอบคลุมที่สุด และผู้ใช้งานสูงสุดในประเทศไทย นอกจากความรู้ยังมีไลฟ์สไตล์ และสื่อมัลติมีเดียหลากหลาย ไม่ว่าสุขภาพแม่และเด็ก โภชนาการแม่และเด็ก กิจกรรมสำหรับครอบครัว การวางแผนครอบครัวไปจนถึง การดูแลลูก การศึกษา และจิตวิทยาเด็ก The Asianparent เราพร้อมสนับสนุนพ่อแม่ทุกท่าน ให้มีความรู้และมีสุขภาพกายใจเข้มแข็ง เพื่อเสริมสร้างครอบครัวอย่างแข็งแรง
เพราะเราเชื่อว่า “พ่อแม่เข้มแข็ง ครอบครัวแข็งแรง”
อ้างอิงข้อมูลจาก
https://www.breastfeedingthai.com
บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
เบื้องหลังความสำเร็จของลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ คือ พ่อแม่สุดแนว
4 เรื่องต้องห้าม พ่อแม่ไม่ควรทำกับลูกวัยเรียน
7 วิธีสอนมารยาทในโรงหนัง ที่ผู้ปกครองควรสอนให้เด็ก ๆ