รู้หรือไม่? ลูกของคุณมีพรสวรรค์ด้านไหน
พรสวรรค์คืออะไร
ดร.แพง ชินพงศ์ กล่าวถึง “พรสวรรค์” (Talent) เป็นความสามารถหรือความถนัดเฉพาะบุคคล ที่ทำให้บุคคลนั้น ๆ มีความโดดเด่นกว่าคนอื่นทั่วไป คนบางคนเชื่อว่าพรสวรรค์เป็นความสามารถพิเศษที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด แต่บางคนก็เชื่อว่า พรสวรรค์เป็นสิ่งที่สามารถฝึกฝนได้ และเมื่อได้ฝึกฝนบ่อยๆ จนเกิดความชำนาญแล้ว ก็สามารถพัฒนาความสามารถนั้นให้โดดเด่นขึ้นมาได้เช่นกัน ประมาณร้อยละ 3-5 % ของคนที่มีพรสวรรค์ อาจไม่ได้แสดงความสามารถพิเศษออกมาจนกว่าจะเริ่มเป็นผู้ใหญ่ ดังนั้น พ่อแม่จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกเป็นเด็กมีพรสวรรค์ ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็กได้รวบรวมคุณสมบัติของเด็กที่มีพรสวรรค์ ไว้ดังนี้
– มีความอยากรู้อยากเห็น มีคำถาม บ่อยๆ
– มีช่วงสมาธิดี ยาวนานกว่าเด็กในวัยเดียวกัน คือ สามารถเล่น หรือทำกิจกรรมที่ต้องการสมาธิได้ดี
– มีความสามารถในการแก้ปัญหาต่างๆได้ดี
– มีจินตนาการค่อนข้างเด่นชัด เช่น เล่าว่าโตขึ้นจะเป็นนักบิน
– มีความจำดี
– ชอบเล่นกับเด็กที่โตกว่าวัยของตน
– มีพัฒนาการแบบก้าวกระโดดหรือข้ามขั้นตอน
พรสวรรค์หรือความสามารถพิเศษ แบ่งออกเป็น 8 ด้าน
นักจิตวิทยา Howard Gardner พบว่า “การมีพรสวรรค์หรือความสามารถพิเศษในด้านความฉลาดของมนุษย์ 8 แบบ” ได้แก่
1. ด้านภาษา (Linguistic)
เด็กที่มีความถนัดด้านภาษาสามารถเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว พวกเขาสนุกกับการต่อคำศัพท์และเกมอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกัน ในขณะเดียวกันก็ชื่นชอบโคลงกลอน เพลง และนิทาน เด็กกลุ่มนี้มีแนวโน้มที่จะเป็นนักพูดและนักเล่าเรื่องที่เก่ง
จุดเด่นของเด็กที่มีพรสวรรค์ภาษา คือ จำและคิดเป็นภาษาหรือคำศัพท์ สามารถอธิบายเรื่องที่เกี่ยวกับตนเองได้ดี
วิธีส่งเสริมพรสวรรค์ของลูกด้านภาษา
1. จัดกิจกรรมให้ได้รับประสบการณ์ตรง เพื่อนำมาเขียนเรื่องราว
2. จัดกิจกรรมให้ได้พูด ได้อ่าน ได้ฟัง ได้เห็น ได้เขียนเรื่องราวที่สนใจ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้
3. คุณพ่อคุณแม่ควรรับฟังความคิดเห็น คำถาม และตอบคำถามด้วยความเต็มใจ กระตือรือร้น
4. ควรจัดเตรียมหนังสือ สื่อการเรียนการสอนเพื่อการค้นคว้าที่หลากหลาย เช่น เทปเสียง วิดีทัศน์ จัดเตรียมกระดาษเพื่อการเขียน อุปกรณ์การเขียนให้พร้อม
5. แนวทางการสอนที่เหมาะสมกับลูก คือ ให้อ่าน ให้เขียน ให้พูด และให้ฟังเรื่องราวต่าง ๆ ที่ลูกสนใจ พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างพ่อแม่และลูก
2. ด้านตรรกะและคณิตศาสตร์ (Logical-Mathematical)
ความฉลาดทางด้านนี้เกี่ยวกับความสามารถในการนำตรรกะมาแก้ไขปัญหา จำแนกสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเป็นระเบียบแบบแผนได้ นอกจากนั้น ยังชื่นชอบการแก้โจทย์คณิตศาสตร์ และเรียนรู้ปรากฏการณ์ทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ อีกด้วย เด็กที่ฉลาดทางด้านนี้จะชอบเล่นเกมที่ต้องแก้ปัญหาทุกชนิด และสามารถเชื่อมโยงเหตุและผลของสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
จุดเด่นของเด็กที่มีความฉลาดด้านคณิตศาสตร์และตรรกะ คือ เชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างเหตุและผลได้ดี เมื่อเผชิญสถานการณ์ที่ซับซ้อน เด็กสามารถแยกแยะ จัดลำดับและเข้าใจรูปแบบของสิ่งที่เกิดขึ้น
วิธีส่งเสริมพรสวรรค์ของลูกด้านคณิตศาสตร์
1. ให้ลูกได้มีโอกาสได้ทดลอง หรือทำอะไรด้วยตนเอง
2. ให้เล่นเกมที่ฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เช่น เกมไพ่ เกมตัวเลข ปริศนาตัวเลข ฯลฯ โดยคุณพ่อคุณแม่ร่วมเล่นกับลูกเพื่อสังเกตพรสวรรค์ในตัวลูก
3. ฝึกการใช้เหตุผล การแก้ปัญหา การศึกษาในเรื่องที่ลูกสนใจ เช่น ลูกสนใจเรื่องดวงดาวเป็นพิเศษ ส่งเสริมโยพาลูกไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ หาหนังสือ สื่อการเรียนเกี่ยวกับจักรวาลและอวกาศมาให้ลูกศึกษา เป็นต้น
4. ฝึกฝนทักษะการใช้เครื่องคิดเลข เครื่องคำนวณ เครื่องคอมพิวเตอร์ ฯลฯ
5. แนวทางการสอนที่เหมาะสมกับลูก คือ ให้ฝึกคิดแบบมีวิจารณญาณ วิพากษ์ วิจารณ์ ฝึกกระบวนการสร้างความคิดรวบยอด การชั่ง ตวง วัด การคิดในใจ การคิดเลขเร็ว ฯลฯ
3. ด้านดนตรี (Musical)
เด็กที่ฉลาดด้านดนตรีจะมีความว่องไวต่อเสียง และสามารถเชื่อมโยงระหว่างเพลงและเครื่องดนตรีได้ พวกเขามักจะชอบร้องเพลงและใช้เทคนิคในการเรียนรู้ผ่านบทเพลงและจังหวะต่างๆ ได้
จุดเด่นของเด็กที่มีความฉลาดด้านดนตรี คือ พวกเขามักหลงเสน่ห์ดนตรีและเสียงเพลงทำให้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตเป็นคำคล้องจองหรือเป็นแบบแผน ในขณะที่คนอื่นทำไม่ได้ พวกเขาซึมซับและจดจำข้อมูลเป็นแบบแผนและบทกลอนหรือคำคล้องจอง
วิธีส่งเสริมพรสวรรค์ของลูกด้านดนตรี
1. ให้เล่นเครื่องดนตรี ร้องเพลง ฟังเพลงสม่ำเสมอ
2. หาโอกาสพาลูกไปดูการแสดงดนตรี หรือฟังดนตรีเป็นประจำ
3. บันทึกเสียงดนตรีที่ลูกแสดงไว้ฟังเพื่อปรับปรุงหรือชื่นชมผลงาน
4. แนวทางการสอนที่เหมาะสมกับลูก ได้แก่ คุณพ่อคุณแม่ร่วมการร้องเพลง ช่วยการเคาะจังหวะ ฟังเพลง เล่นดนตรี การวิเคราะห์ดนตรี วิจารณ์ดนตรีร่วมกับลูก
4. ด้านร่างกาย (Bodily-Kinesthetic)
ความฉลาดด้านนี้มีความหมายตรงกับชื่อ คือ เป็นเด็กที่แข็งแรง สามารถทำกิจกรรมและเคลื่อนไหวได้อย่างแคล่วคล่องว่องไว ชอบแสดงออก และสนุกกับกิจกรรมเกี่ยวกับศิลปะและงานฝีมือ
จุดเด่นของเด็กที่มีความฉลาดด้านร่างกาย คือ พวกเขาตอบสนองต่อสิ่งเร้าทางกายภาพได้ดีพวกเขาใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่และกล้ามเนื้อมัดเล็กได้อย่างยอดเยี่ยม มักเคลื่อนไหวตลอดเวลาที่เรียนรู้ จนดูเหมือนจะอยู่นิ่งเฉยไม่ได้
วิธีส่งเสริมพรสวรรค์ของลูกด้านร่างกาย
1. เรียนรู้ได้ด้วยการสัมผัส จับต้อง การเคลื่อนไหวร่างกาย และการปฏิบัติจริง
2. คุณพ่อคุณแม่ควรสนับสนุนให้เล่นกีฬา การแสดง เต้นรำ การเคลื่อนไหวร่างกาย
3. จัดกิจกรรมให้นักเรียนได้รับประสบการณ์ตรง หรือได้ปฏิบัติจริง
4. ให้ลูกได้เกม เดิน วิ่ง หรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้การเคลื่อนไหวร่างกาย
5. ให้ลูกเล่นหรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง กีฬา การเคลื่อนไหวประกอบจังหวะ
6. แนวการสอนที่เหมาะสมกับลูก คือ การให้ลูกได้ลงมือปฏิบัติจริง ลงมือทำจริง ได้สัมผัส เคลื่อนไหว ใช้ประสาทสัมผัสในการเรียนรู้
อ่าน รู้หรือไม่?ลูกของคุณมีพรสวรรค์ด้านไหน ข้อ 5 – 8 คลิกหน้าถัดไป
5. ด้านมิติสัมพันธ์ (Spatial)
เด็กที่มีความฉลาดด้านนี้จะคิดและสื่อสารด้วยภาพ พวกเขาชอบเล่นเกมต่อรูปภาพ เช่น จิ๊กซอว์ มีจินตนาการมากมาย และชื่นชอบงานศิลปะ นอกจากนี้ ยังจดจำทิศทางได้ดี และอ่านแผนที่เก่ง
จุดเด่นของเด็กที่มีความฉลาดด้านมิติสัมพันธ์ คือ เขาสามารถจัดการสิ่งต่างๆ ได้ในหัว และวิเคราะห์ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเขาสามารถจินตนาการและสร้างโลกใหม่ขึ้นมาในความคิด สามารถจัดการและเล่นสิ่งของต่างๆ ได้ดี และมีทักษะในการใช้มือที่ดี
วิธีส่งเสริมพรสวรรค์ของลูกด้านมิติสัมพันธ์
1. ให้ลูกทำงานศิลปะ งานประดิษฐ์ เพื่อเปิดโอกาสให้คิดได้อย่างอิสระ
2. พาลูกไปเที่ยวชมนิทรรศการศิลปะ พิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ
3. ฝึกให้ใช้กล้องถ่ายภาพ การวาดภาพ
4. คุณพ่อคุณแม่ควรจัดเตรียมอุปกรณ์การวาดภาพให้พร้อม จัดสิ่งแวดล้อมให้ลูกได้ทำงานด้านศิลปะ
5. ฝึกลูกให้เล่นเกมปริศนาอักษรไขว้ เกมตัวเลข เกมที่ต้องแก้ปัญหา เล่นเกมเกี่ยวกับภาพ เกมตัวต่อเลโก้ เกมจับผิดภาพ ฯลฯ
6. แนวทางการสอนที่เหมาะสมกับลูก คือการให้ดู ให้วาด ให้ระบายสี ให้คิดจินตนาการ
6. ด้านมนุษยสัมพันธ์ (Interpersonal)
เด็กที่ฉลาดด้านนี้จะมีมนุษยสัมพันธ์ดีเยี่ยม พวกเขาจึงเป็นคนที่มีเพื่อนมาก ชอบทำงานร่วมกับคนอื่น และมีความสามารถในการเป็นผู้นำสูง
จุดเด่นของเด็กที่มีความฉลาดด้านมนุษยสัมพันธ์ คือ เขาชอบเล่นเป็นกลุ่มเขาสามารถนำผู้อื่นได้ดีเขาสนใจความรู้สึกและมักเห็นอกเห็นใจคนอื่น
วิธีส่งเสริมพรสวรรค์ของลูกด้านมนุษยสัมพันธ์
1. คุณพ่อคุณแม่ควรให้ลูกได้เข้ากลุ่มเล่น หรือทำกิจกรรมกับเพื่อน ๆ
2. ส่งเสริมให้ลูกรู้จักการ เรียนรู้ร่วมกัน แก้ปัญหาร่วมกันกับเพื่อน ๆ
3. สามารถเรียนได้ดีหากให้โอกาสในการทำงานร่วมกับผู้อื่น
4. แนวทางการสอนที่เหมาะสมกับลูก ได้แก่ การเปิดโอกาสให้ลูกได้เล่น ทำงานร่วมกัน การปฏิสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มเพื่อน การเรียนรู้ในชุมชน เป็นต้น
7. ด้านเข้าใจตนเอง (Intrapersonal)
ในทางตรงกันข้าม เด็กที่เข้าใจตนเองชอบทำงานเพียงลำพัง พวกเขามักเป็นตัวของตัวเอง และแม้ว่าจะไม่ค่อยเข้าสังคม แต่พวกเขาก็เชื่อมั่นในความสามารถของตนและมีแรงจูงใจในการทำสิ่งต่างๆ
จุดเด่นของเด็กที่มีความฉลาดด้านเข้าใจตนเอง คือ พวกเขาเก่งในการทำงานให้ไปถึงเป้าหมายชัดเจนว่าตนเองชอบหรือไม่ชอบอะไรรักความยุติธรรม
วิธีส่งเสริมพรสวรรค์ของลูกด้านเข้าใจตนเอง
1. คุณพ่อคุณแม่ควรเปิดโอกาสให้ลูกทำงานตามลำพัง ทำงานคนเดียว อิสระ แยกตัวจากกลุ่มบ้าง
2. ควรสอนให้เห็นคุณค่าของตัวเอง นับถือตัวเอง (self esteem)
3. สอนและสนับสนุนให้ทำงานเขียน บันทึกประจำวัน
4. พาลูกไปทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่นบ้าง
5. แนวทางการสอนที่เหมาะสมกับลูก คือ ควรเน้นที่การเปิดโอกาสให้เลือกศึกษาในสิ่งที่สนใจเป็นพิเศษ และส่งเสริมในแนวทางที่ลูกชอบและถนัด
8. ด้านรู้จักธรรมชาติ (Naturalistic)
ในด้านนี้เป็นเด็กที่ชอบผจญภัยในโลกกว้าง (นอกบ้าน) มาตั้งแต่เด็ก จึงมักเห็นเขาชอบเตร็ดเตร่เพื่อสำรวจสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ พวกเขายังสนใจในเรื่องของต้นไม้และสัตว์ต่างๆ อย่างมาก
จุดเด่นของเด็กที่มีความฉลาดด้านรู้จักธรรมชาติ คือ สังเกตเห็นรูปแบบและคุณลักษณะเฉพาะของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ชอบจัดระบบสิ่งของที่สะสมไว้มีความสามารถในการแยกแยะระหว่างสิ่งของในหมวดเดียวกันและสังเกตเห็นความแตกต่างเล็ก ๆ น้อย ๆ
วิธีส่งเสริมพรสวรรค์ของลูกด้านรู้จักธรรมชาติ
1. คุณพ่อคุณแม่อาจจะพาลูกไปทำกิจกรรมฝึกปฏิบัติงานด้านเกษตรกรรมเกี่ยวกับการปลูกพืชหรือเลี้ยงสัตว์
2. พาลูกเข้ากิจกรรมเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมศึกษา ค่ายสิ่งแวดล้อม ฯลฯ
จะเห็นว่าพรสวรรค์หรือความฉลาดในแต่ละด้านของลูก ยังต้องการการส่งเสริมจากคุณพ่อคุณแม่ เพื่อต่อยอดการเรียนรู้และความสามารถให้ลูกในด้านที่เขาสนใจหรือถนัด ซึ่งจะเป็นผลดีกับลูกต่อไป ถึงอย่างไรพรสวรรค์ยังต้องควบคู่ไปกับพรแสวง คือ ยังต้องเรียนรู้และฝึกประสบการณ์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น แล้วคุณพ่อคุณแม่จะเห็นว่า “หนูทำได้”