อยากให้ลูกเกิดมาสมองดี 4 สิ่งที่เป็นอันตรายต่อสมอง ของลูกในท้องให้เลี่ยงไปเลย
สิ่งที่เป็นอันตรายต่อสมองของลูกน้อยถ้าคุณแม่ อยากให้ลูกเกิดมาสมองดี 4 สิ่งที่เป็นอันตรายต่อสมอง ของลูกในท้องให้เลี่ยงไปเลย
#1 ใช้อุปกรณ์ไอทีใกล้ตัวมากเกินไป
โทรศัพท์มือถือ อาจเป็นสิ่งจำเป็นที่คุณแม่ต้องใช้ เพราะเดี๋ยวนี้การติดต่อสื่อสารที่สะดวกรวดเร็ว จะติดต่อผ่านทางโทรศัพท์มือถือเป็นอันดับแรก แต่รู้ไหมว่าที่โทรศัพท์ก็มีรังสีและคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่รุนแรงเหมือนกัน การใช้โทรศัพท์หรืออยู่ใกล้โทรศัพท์นานๆ จึงอาจได้รับผลกระทบ โดยคลื่นเหล่านี้จะเข้าไปทำลายเซลล์ของทารกในครรภ์ ทำให้ลูกน้อยมีระบบการคุ้มกันที่อ่อนแอ พัฒนาการล่าช้า และอาจเกิดมาเป็นเด็กสมาธิสั้นได้ แถมยังเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคเนื้องอกในสมองในคุณแม่อีกด้วย เพราะฉะนั้นช่วงตั้งครรภ์ ควรใช้โทรศัพท์เมื่อจำเป็นดีกว่า และพยายามพูดคุยผ่านทางโทรศัพท์ให้น้อยที่สุดด้วย
แม้อุปกรณ์อย่างโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต แล็ปท็อป คอมพิวเตอร์ จะถือเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปแล้ว แต่สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ถ้าไม่อยากให้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากอุปกรณ์เหล่านี้ส่งผลกระทบต่อสมองของเจ้าตัวน้อย ควรใช้ในเวลาที่น้อยที่สุดหรือเมื่อไม่ใช้ก็ควรเก็บไว้ให้ห่างตัว เนื่องจากการใช้อุปกรณ์ไอทีติดกันเป็นเวลานานไปรังสีที่แผ่ออกมาก็สามารถไปทำลายเซลล์ประสาทและเซลล์ตัวอ่อนของทารกในครรภ์ อาจกระตุ้นให้ทารกเป็นโรคต้อกระจก ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ สมาธิสั้น พัฒนาการล่าช้าได้ในอนาคต
#2 กินอาหารไม่ดีมีสารเคมีและปนเปื้อนสารพิษมากเกินไป
หมายถึง สารที่ปนเปื้อนกับอาหารโดยไม่ตั้งใจ แต่เป็นผลซึ่งเกิดจากกระบวนการผลิต กรรมวิธีการผลิต โรงงาน หรือสถานที่ผลิต การดูแลรักษา การบรรจุ การขนส่งหรือการเก็บรักษา หรือเกิดเนื่องจากการปนเปื้อนจากสิ่งแวดล้อม ยังรวมถึงชิ้นส่วนจากแมลง สัตว์ หรือ สิ่งแปลกปลอมอื่นด้วย อาทิเช่น
1.บอแรกซ์
2.สารกันรา (กรดซาลิซิลิค)
3.สารฟอกขาว(โซเดียมไฮโดรซัลไฟต์)
4.ฟอร์มาลิน
และ สารตกค้างยาฆ่าแมลง
อาหารที่ไม่มีประโยชน์ที่คนท้องไม่ควรกิน เช่น อาหารแปรรูป อาหารที่มีรสชาติจัด ไม่ปรุงสุก ของหมักดอง เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ น้ำอัดลม ฯลฯ แม้แต่ผัก ผลไม้ก็ควรเน้นล้างให้สะอาดทุกครั้งเพื่อป้องกันสารปนเปื้อนจากยาฆ่าแมลง เรื่องกินของแม่ท้องจึงถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่มีผลอย่างมากต่อลูกในท้อง เพราะหากแม่ทานเข้าไปก็จะส่งผลต่อพัฒนาการสมองและร่างกายของเจ้าตัวน้อยได้
#3 อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี
สิ่งแวดล้อมที่น่าจะมีผลต่อการตั้งครรภ์ได้แก่
การเลี้ยงแมว
มูลของแมวจะมีพยาธิ์เมื่อคนตั้งครรภืณับประทานเข้าไปจะทำให้เกิดโรค Toxoplasmosis ดังนั้นคนตั้งครรภ์ไม่ควรจะดูแลแมว
นมที่ไม่ผ่านการ Unpasteurized Milk Products: การดื่มนมสดที่ไม่ผ่านการเชื้อโรคด้วยวิธี pasteurized จะทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียที่เรียกว่าโรค Listeriosisซึ่งอาจจะทำให้เกิดการแท้ง หรือทารกเสียชีวิตในครรภ์
การรับประทานอาหารทะเลและปลา
อาหารทะเลบางชนิดจะมีสารปรอทซึ่งจะส่งผลเสียต่อทารกในครรภ์ หลีกเลี่ยงปลาที่มีสารตะกั่ว เช่น swordfish, shark, fresh/frozen tuna, lake trout and walleyeโดยลดการรับประทานเหลือเพียง 1 มื้อต่อเดือน
การได้รับอุบัติเหต
สำหรับคนตั้งครรภ์ที่นั่งรถและไม่ได้รัดเข็มขัดนิรภัยจะได้รับอุบัติเหตุสูง ผู้ที่ตั้งครรภ์เมื่อเดินทางควรจะคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้ง การรัดต้องทำให้ถูกต้อง โดยรัดที่ระดับสะโพกไม่ผ่านหน้าท้อง ส่วนอีกจุดหนึ่งต้องผ่านไหล่
น้ำยาดัดผมและน้ำยาย้อมผม
สารเคมีในน้ำยาย้อมผมหรือน้ำยาดัดผมอาจจะมีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อทารก ดังนั้นจึงไม่ควรที่จะใช้ในขณะตั้งครรภ์
เนื่องจากครรภ์ของคุณแม่ก็เปรียบเสมือนเป็นบ้านที่อบอุ่นของทารก หากคุณแม่อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีอากาศถ่ายเท หายใจสบาย ไม่มีฝุ่นควัน ไม่มีเสียงดัง ไม่มีความตึงเครียดจากรอบด้าน ก็จะไม่ทำให้คุณแม่เกิดภาวะเครียด สภาพแวดล้อมทั้งหมดนี้จะส่งผลโดยตรงกับสภาพจิตใจของแม่ ทำให้แม่ท้องอารมณ์ดีถ่ายทอดความสุข ความอบอุ่นไปถึงเจ้าตัวน้อยในท้อง ซึ่งก็จะทำให้ทารกในครรภ์ไม่เกิดภาวะเครียด ก็จะส่งผลต่อสมองและอารมณ์ที่ดีตามไปด้วย
ยาทากันแมลง
ควรจะใช้วิธีอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงยุงและแมลง เช่น การใส่เสื้อแขนยาวหรือกางเกงขายาว ไม่ควรไปอยู่ในช่วงที่ยุงมาก หรือสถานที่ยุงมาก อย่างไรก็ตามจากการวิจัยพบว่ายังไม่มีหลักฐานว่าสารดังกล่าวมีผลเสียต่อการตั้งครรภ์
สำหรับผลต่อทารกโดยเฉพาะคุณแม่ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับสารเคมีเหล่านี้อาจจะทำให้เกิดการแท้ง เด็กพัฒนาการช้า คลอดก่อนกำหนด การป้องกันการได้รับสารทำละลาย
- ปรับเรื่องระบบระบายอากาศให้ถ่ายเทอย่างดี
- สวมหน้ากากอนามัย ถุงมือ เสื้อผ้าที่ป้องกันสารทำละลาย
- อย่ารับประทานอาหาร หรือดื่มน้ำในบริเวณที่ทำงาน
มลภาวะมีผลต่อการตั้งครรภ์หรือไม่
มลภาวะคือสภาพอากาศที่มีก๊าซ ควัน ฝุ่นหรือสารเคมีในอากาศสูง หญิงมีครรภ์ที่อยู่ในมลภาวะจะมีอุบัติการณ์ของการคลอดก่อนกำหนด และทารกตัวเล็กกว่าคนทั่วไปเล็กน้อย หากคุณแม่อยู่ในสภาพมลภาวะให้หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายกลางแจ้ง
#4 ดื่มน้ำน้อยเกินไป
ตั้งครรภ์ควรดื่มน้ำกี่ลิตร
คนท้องบางคนไม่รู้ว่าควรดื่มน้ำเพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหน คนทั่วไปจะต้องดื่มราว ๆ 1.5 ลิตร หรือ 6 – 8 แก้วต่อวัน น้ำนั้นอยู่ในอาหาร ผัก ผลไม้ ที่รับประทานเข้าไป ซึ่งคนที่ตั้งครรภ์ควรศึกษาและคำนึงถึงในส่วนนี้ด้วย แต่ในวันที่ไม่ได้ดื่มน้ำชนิดอื่น ๆ เลย คนท้องควรดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อย 8 แก้วต่อวันและในวันที่อากาศร้อนก็ควรดื่มน้ำให้มากขึ้นได้แต่ไม่จำเป็นต้องดื่มทีละเยอะ ๆ ควรค่อย ๆ จิบทีละนิด เพื่อให้ร่างกายได้รับน้ำอย่างเพียงพอ แต่ในวันที่ดื่มน้ำชนิดอื่น ๆ ก็ลดปริมาณน้ำเปล่าได้แต่เมื่อรวม ๆ แล้วควรดื่มน้ำอยู่ที่ 1.5 ลิตร แต่ห้ามดื่มเกินวันละ 2 ลิตรต่อวัน
ตั้งครรภ์ควรดื่มน้ำเย็นหรือน้ำอุ่น
การดื่มน้ำเย็นหรือของเย็นนั้นไม่ได้เป็นข้อห้ามทางการแพทย์ คนท้องสามารถดื่มน้ำเย็น รับประทานของเย็นได้ น้ำอัดลมเย็น ๆ ดื่มแก้กระหายก็ดื่มได้ แต่ไม่แนะนำให้ดื่มบ่อย เพราะในน้ำอัดลมมีแก๊สและคาเฟอีน ที่จะส่งผลไม่ดีต่อสุขภาพของคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ หากต้องการดื่มน้ำเย็น ๆ แนะนำให้ดื่มเป็นน้ำผลไม้ ผลไม้ที่ปั่นหรือคั้นจากผลไม้สด ๆ กินได้เย็นชื่นใจและยังได้วิตามิน แร่ธาตุจากผลไม้อีกด้วย
ส่วนน้ำอุ่นนั้นจะช่วยให้หลอดเลือดขยายตัว ส่งผลดีสำหรับการเตรียมพร้อมที่ให้นมแม่หลังคลอด การได้ดื่มเครื่องดื่มอุ่น ๆ ในตอนก่อนเข้านอนหรือตอนเช้า เช่น นมอุ่น ๆ น้ำอุ่น ๆ จะช่วยให้สบายท้องและเลือดไหลเวียนดี
นอกจากอาหารการกินแล้ว การดื่มน้ำก็เป็นส่วนสำคัญสำหรับแม่ท้อง การดื่มน้ำที่ไม่เพียงพอต่อร่างกาย หรือดื่มน้ำน้อยไปจะทำให้ร่างกายแม่เกิดภาวะขาดน้ำ ส่งผลต่ออาการปวดตามข้อต่อต่าง ๆ เมื่อยล้า ปวดหัว เพิ่มโอกาสในการเป็นความดันโลหิตสูง และอาจส่งผลกระทบโดยตรงกับลูกในครรภ์ เนื่องจากทำให้น้ำคร่ำข้นขึ้น ลูกจะอึดอัดและมีพัฒนาการที่ช้าลงได้
เห็นแบบนี้แล้วสิ่งที่เป็นอันตรายต่อสมองของลูกน้อยเกิดขึ้นจากใกล้ตัวแม่นี่เอง ดังนั้นหากอยากให้ลูกฉลาดตั้งแต่ในท้อง มีพัฒนาการที่ดีทุกด้าน คุณแม่ควรดูแลตัวเองและช่วยกระตุ้นพัฒนาการให้ลูกน้อยตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์กันเลยนะคะ.
ที่มา : sanook
บทความอื่นที่น่าสนใจ :
แม่ท้องขาดธาตุเหล็ก แย่แน่! โรคโลหิตจางถามหา อันตรายเสี่ยงแท้ง!!
รู้ก่อนกิน! ผลไม้อันตราย 5 ประเภท คนท้องกินมากไปไม่ถึงกับตายแต่ก็เสี่ยงสารพัดโรค
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!