20 ข้อควรรู้ เกี่ยวกับประจำเดือน เช็กเลยว่าอาการไหนคือความผิดปกติ!

-

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

รู้หรือไม่ว่า “ประจำเดือน” ไม่ใช่เลือดเสีย เพราะมีหลายคนที่เข้าใจว่าการมีประจำเดือนคือการขับเลือดเสียทิ้ง หลายครั้งที่คุณผู้หญิงบางคนมีความกังวลใจ เพราะการขับประจำเดือนออกมาน้อยหรือนาน ๆ ทีมีประจำเดือน จะทำให้ร่างกายเกิดเลือดคั่งภายในหรือเปล่า วันนี้ theAsianparent จะพาหาคำตอบไปพร้อมกันว่า ข้อควรรู้ เกี่ยวกับประจำเดือน ทั้ง 20 ข้อมีอะไรบ้าง เช็กได้เลยที่นี่!

ว่าด้วยเรื่องวันนั้นของเดือนของคุณผู้หญิง ต้องเข้าใจก่อนว่ารอบเดือนและประจำเดือนของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะรู้สึกว่าเดือนนี้เมนมาเยอะเหลือเกิน แต่อีกเดือน ประจำเดือนมาน้อย ก็เป็นไปได้ ซึ่งความแปรปรวนเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้ในทุก 21 – 35 วัน ในแต่ละเดือนก็อาจจะมีปริมาณที่ไม่เท่าปกติที่เคยเป็นมาก็ได้

บทความที่น่าสนใจ : ประจำเดือนมาน้อย เรื่องอันตรายใกล้ตัวที่ห้ามปล่อยผ่าน

 

 

ทำความรู้จัก ประจำเดือน คืออะไร

ประจำเดือน คือ เลือดและเนื้อเยื่อบุโพรงมดลูกที่หลุดออกมาทุกรอบเดือนของผู้หญิง ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นทุก 21 – 35 วัน แต่ละรอบจะอยู่นาน 3 – 7 วัน การที่เราต้องมีการสร้างเนื้อเยื่อโพรงมดลูกใหม่เสมอก็เพื่อให้พร้อมต่อการฝังตัวของตัวอ่อน จึงทำให้เกิดวงโคจรของประจำเดือนแบบนี้ขึ้นมา ซึ่งก็จะขึ้นลงตามระดับของฮอร์โมนเพศด้วย อีกทั้งประจำเดือนไม่ใช่เลือดเสีย จึงไม่ต้องกังวลว่าการที่ประจำเดือนมาน้อย หรือนาน ๆ มาที จะทำให้เกิดเลือดคั่งในร่างกายได้ เพราะข้อมูลนี้แพทย์ยืนยันเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าไม่เป็นความจริง

 

สีของประจำเดือนเปลี่ยนแปลงไปเรื่องจริงหรือไม่?

โดยปกติแล้ว “ประจำเดือน” จะมีสีที่เปลี่ยนไปไม่ซ้ำกันในทุกรอบเดือนอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับความเก่าใหม่ของเลือดมากกว่า ถ้าหากเลือดที่ออกมาในช่วงต้น ๆ วันที่รอบเดือนมาก็จะเป็นสีแดงสด หากเข้าสู่ช่วงท้ายของรอบเดือนสีจะเข้มขึ้น เพราะว่าการไหลของเลือดจะลดลง รวมถึงมีเลือดค้างอยู่ในเยื่อบุโพรงมดลูก เมื่อถึงช่วงหนึ่งเลือดอาจสัมผัสกับอากาศก็เปลี่ยนให้มีสีคล้ำขึ้นได้

อีกทั้งการเปลี่ยนของสีรอบเดือนในช่วงท้ายนั้นเป็นเรื่องปกติ ขึ้นอยู่กับปริมาณเลือดและเยื่อบุที่หลุดออกมามากกว่าการเกี่ยวข้องกับโรคความเจ็บป่วยที่เป็นข้อมูลอยู่บนโลกออนไลน์

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

3 สิ่งที่ควรสังเกตเกี่ยวกับประจำเดือน

  • ปริมาณเลือดที่ออกมา หากผู้หญิงคนไหนที่ต้องเปลี่ยนในทุก 2 ชั่วโมงและปริมาณที่เยอะเกินไปหรือเต็มแผ่น ควรปรึกษาแพทย์เพราะอาจมีความผิดปกติที่ภายในก็เป็นได้
  • เลือดที่ออกมาเป็นลักษณะก้อนเลือด หากมีลิ่มเลือดสีแดงสด, แดงเข้ม หรือแดงคล้ำ อาจมีความผิดปกติภายในได้เช่นกัน ควรตรวจเพิ่มเติมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
  • ความสม่ำเสมอของรอบเดือน โดยปกติแล้วรอบเดือนของผู้หญิงจะมาทุก 21 – 35 วัน จะไม่มาเร็วกว่า 21 วัน และไม่มาช้ากว่า 35 วัน

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

20 ข้อควรรู้ เกี่ยวกับประจำเดือน

  1. ช่วงอายุที่เริ่มมีประจำเดือน โดยปกติจะอยู่ที่ 12 – 13 ปี แต่ปัจจุบันพบว่ามีแนวโน้มที่เด็กผู้หญิงจะมีประจำเดือนเมื่ออายุยังน้อยมากขึ้นด้วย
  2. โรคอ้วน คือปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผู้หญิงมีประจำเดือนเร็วขึ้น
  3. ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ ในช่วง 2 ปีแรก การมีประจำเดือนจะยังมาไม่สม่ำเสมอ เพราะฮอร์โมนในร่างกายยังไม่สมดุล
  4. ช่วงเวลามีประจำเดือน ปกติแล้วประจำเดือนจะมาทุก ๆ 28 วัน แต่ถ้าผู้หญิงที่อายุยังไม่ถึง 21 ปี มักจะมาเฉลี่ยที่ 33 วัน พออายุเพิ่มขึ้นจะมีการปรับเฉลี่ยที่ 28 วัน และเมื่ออายุเข้า 40 ปี ระยะห่างจะลดลงเหลือ 26 วัน
  5. โดยเฉลี่ยแล้วผู้หญิงมีประจำเดือนราว 6 วัน กว่าร้อยละ 5 เป็นผู้หญิงที่มีประจำเดือนน้อยกว่า 4 วัน
  6. ประจำเดือนมามาก การมีประจำเดือนมากกว่า 7 วัน เรียกว่าประจำเดือนมามาก
  7. มีผู้หญิงกว่าร้อยละ 9 – 14 ที่มีอาการประจำเดือนมามาก
  8. การมีประจำเดือนนานเกิน 9 วัน ถือว่าเป็นการมีรอบเดือนมากผิดปกติ และเกิดในผู้หญิงราว 4%
  9. ฮอร์โมนไม่สมดุล เป็นสาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนมามาก เยื่อบุโพรงมดลูกหนาหรือมากเกินไปเลยทำให้มีเลือดออกมาเยอะ
  10. การใช้ยาฮอร์โมนอาจมีผลข้างเคียง ที่ทำให้ประจำเดือนมามากผิดปกติ รวมถึงการใช้เคมีบำบัด, การใช้ห่วงคุมกำเนิด, ยาต้านหรือละลายลิ่มเลือด และการกินยาคุม ก็ทำให้ประจำเดือนมามากได้เช่นกัน
  11. โรคโลหิตจาง ถ้าประจำเดือนมามากอาจทำให้เป็นโรคโลหิตจางได้ ต้องสังเกตอาการเพลีย, เหนื่อยง่าย, ใจสั่น, มีเสียงในหู
  12. ผู้หญิงที่ไม่มีประจำเดือน มักจะมีฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำที่อาจเป็นสาเหตุเกิดโรคกระดูกพรุนในอนาคต การรับฮอร์โมนจะช่วยได้
  13. เมื่อเข้าสู่อายุ 50 ปีขึ้นไป หรือใกล้เข้าสู่ช่วงวัยทอง อาจมีอาการประจำเดือนมามากกว่าปกติ
  14. อาการปวดประจำเดือน เกิดจากมดลูกมีการบีบ และคลายตัวอย่างแรง เพื่อไล่เลือดออกมา
  15. การปวดท้อง อาจปวดก่อนมีรอบเดือนหลายวัน และเมื่อมาแล้วอาการปวดอาจจะดีขึ้นได้ด้วยตัวเอง
  16. ผู้หญิงที่ปวดท้องหนักมาก หรือมีอาการประจำเดือนมาผิดปกติบ่อย ๆ อาจจะมีเนื้องอกในมดลูก และเป็นหมัน
  17. มีผู้หญิงราว 10 – 15% ที่มีอาการปวดประจำเดือนหนักมากถึงขั้นต้องหยุดเรียนหรือหยุดงาน
  18. ยาที่นิยมใช้บรรเทาปวดประจำเดือนได้แก่ Aspirin, Ibuprofen
  19. ความผิดปกติที่พบได้บ่อยเกี่ยวกับประจำเดือน ได้แก่ ประจำเดือนขาด หรือ มามากเกินไป
  20. หากประจำเดือนมามาก อาจเกิดขึ้นเพราะความผิดปกติของระบบสืบพันธุ์ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจหาความผิดปกติ หรือมีการอักเสบหรือไม่

เพราะมดลูกมีความเกี่ยวโยงกับอาการของประจำเดือน หากเกิดความผิดปกติขึ้นที่มดลูก ประจำเดือนของเราก็จะผิดปกติไปด้วย ดังนั้นเมื่อเกิดอาการประจำเดือนมามากผิดปกติ, ประจำเดือนไม่มา หรือเดี๋ยวมาเดี๋ยวหาย ควรพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโดยละเอียดเพื่อหาสาเหตุของความผิดปกตินั้น

 

บทความที่น่าสนใจ :

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ประจำเดือนมาน้อย เรื่องอันตรายใกล้ตัวที่ห้ามปล่อยผ่าน

อารมณ์แปรปรวนก่อนมีประจำเดือน เดี๋ยวหงุดหงิด เดี๋ยวเศร้า รับมืออย่างไรดี ?

พฤติกรรมและอาหารที่สาว ๆ ควรเลี่ยงขณะเป็นประจำเดือน

ที่มา : (Polo Hospital) , (Rama Channel)

บทความโดย

Kanthamanee Phisitbannakorn