X
TAP top app download banner
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้า
เข้าสู่ระบบ
  • อยากท้อง
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • โภชนาการ เเม่ท้อง เเม่ให้นม
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • ตั้งชื่อลูก
  • แม่ผ่าคลอด
    • พัฒนาการเด็กผ่าคลอด
    • เตรียมตัวผ่าคลอด
    • สุขภาพเด็กผ่าคลอด
    • คู่มือคุณแม่ผ่าคลอด
    • การดูแลหลังผ่าคลอด
    • โภชนาการเด็กผ่าคลอด
  • หลังคลอด
    • คลอดธรรมชาติ
    • ผ่าคลอด
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • ที่เที่ยว
    • เที่ยวไทย
    • เที่ยวต่างประเทศ
    • ที่พัก และ โรงแรม
  • ที่กิน
    • ร้านอร่อย
    • ร้านอร่อยสำหรับเด็ก
    • คาเฟ่
    • เมนูอาหาร
  • ไลฟ์สไตล์
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • TAPpedia
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
  • VIP

10 เรื่องแปลกแต่จริงของทารกแรกเกิด

บทความ 5 นาที
10 เรื่องแปลกแต่จริงของทารกแรกเกิด

อะไรนะ ที่เป็นเรื่องแปลกแต่จริงของทารกแรกเกิดที่คุณแม่อย่างเราควรทราบ...

ทารกแรกเกิด

1. โรคผิวหนังอักเสบเซบเดิร์ม เป็นโรคผื่นผิวหนังที่พบได้บ่อยในทารกแรกเกิด แม้แต่แพทย์ก็ไม่สามารถบอกได้ว่า โรคนี้เกิดจากอะไร แต่มีการศึกษากล่าวว่า น่าจะเกิดจากผิวมัน เชื้อรา ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายผิดปกติ หรือมีสิ่งต่าง ๆ เป็นตัวกระตุ้น ได้แก่ การระคายเคืองของผิวหนังจากการเกา หรือขัดถู การสระผมด้วยแชมพูที่มีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองของหนังศรีษะ หรือสระผมด้วยน้ำร้อน เป็นต้น โดยโรคที่ว่านี้ จะพบได้ในบริเวณหนังศรีษะ หน้าและลำตัว หากคุณพบว่าลูกมีอาการดังกล่าว ไม่ต้องกังวลไปนะคะ ลองปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับลูกก่อน ยกตัวอย่างเช่นยาสระผม แต่ถ้าทำแล้วไม่หาย และดูเหมือนว่าลูกจะมีอาการเพิ่มมากขึ้น หรือเริ่มลาม ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

2. อุจจาระของลูก ตอนอยู่ในครรภ์ คุณอาจจะคิดว่า อุจจาระลูก เป็นสิ่งสกปรก แต่จริง ๆ แล้ว อุจจาระของทารกแรกเกิดเป็นอะไรที่ไม่สกปรกมากเหมือนกับที่คิด เพราะพวกเขาไม่ได้ทานอะไรนอกจากนมเท่านั้น ซึ่งสิ่งที่คุณควรจะกังวลนั้นไม่ใช่เรื่องความสกปรกหรือสะอาด แต่ควรเป็นสีของอุจจาระมากกว่า เพราะสีของอุจจาระนั้น สามารถบ่งบอกถึงสุขภาพของทารกได้ และเมื่อใดก็ตามที่สีของอุจจาระเป็นสีคล้ำผิดปกติ มีมูกเลือดปน หรือมีสีขาวซีด คุณพ่อคุณแม่ต้องห้ามนิ่งนอนใจเด็ดขาด เพราะนั่นคือสัญญาณบอกถึงความผิดปกติค่ะ

Advertisement

3. มีเต้านมโต เป็นเรื่องปกติที่ภาวะนี้จะสามารถเกิดได้ในเด็กแรกเกิด ทั้งเพศหญิงและเพศชาย คุณแม่ไม่ต้องเป็นกังวลไปนะคะ เพราะเต้านมของน้องจะยุบหายไปได้เองภายในสองสัปดาห์ สาเหตุที่เป็นเช่นนี้นั่นเป็นเพราะฮอร์โมนที่น้องได้รับมาจากคุณแม่ผ่านทางสายสะดือนั่นเอง ซึ่งเป็นฮอร์โมนตัวเดียวกับที่กระตุ้นให้เกิดประจำเดือน ขอเพียงอย่าไปบีบหรือจับกระตุ้น เพราะนั่นอาจเป็นอันตรายได้ แต่ถ้าหากน้องมีไข้จากอาการดังกล่าว จงอย่าได้นิ่งนอนใจ ให้รีบพาไปพบแพทย์เพื่อขอคำปรึกษาทันที

4. ชอบทำเสียงครวนครางหรือส่งเสียงแปลก ที่เป็นเช่นนี้นั่นเป็นเพราะ ทารกอยู่ในครรภ์ของคุณแม่มาตลอด เมื่อเขาเกิดมาก เขาจะรู้สึกว่าโลกใบใหม่นี้แปลกใหม่และกว้างใหญ่สำหรับเขาเป็นอย่างมาก ดังนั้น คุณแม่ควรที่จะให้การดูแลเขาเป็นพิเศษด้วยการสัมผัส กอด หอมและพูดกับลูกเบา ๆ ว่าคุณแม่อยู่ที่นี่ เขาจะได้รู้สึกอุ่นใจมากขึ้น แต่หากเสียงครางที่ว่านั้น เป็นการส่งเสียงแปลก ๆ เหมือนกับหายใจไม่สะดวก คุณแม่ไม่ควรเพิกเฉยนะคะ เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณบอกถึงความผิดปกติก็ว่าได้

5. ลูกจามบ่อย การที่ทารกแรกเกิดจะชอบจามบ่อย ๆ นั่นไม่ได้หมายความว่า น้องป่วยหรือเป็นหวัดหรอกนะคะ แต่เป็นเพราะว่า ร่างกายกำลังหาทางทำให้ทางเดินหายใจนั้นโล่งสบายมากขึ้น เว้นแต่ ถ้าลูกมีไข้ น้ำมูก หรืองอแงมากผิดปกติ นั่นแหละ คุณแม่ควรพาไปพบแพทย์ค่ะ เพราะน้องอาจจะไม่สบายก็เป็นได้

6. ชอบกระตุก ผวา หรือตกใจง่าย ตลอดเวลาเก้าเดือนที่ลูกอยู่ในท้อง ลูกก็จะรู้สึกว่าปลอดภัยอยู่ในบ้านเล็ก ๆ หลังหนึ่ง แต่พอเขาออกมาสู่โลก ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะรู้สึกตกใจกับเสียงรอบข้าง แม้ว่าจะเป็นเสียงที่เบาก็ตาม ลูกก็อาจจะมีอาการกระตุก ผวา หรือตกใจได้ง่าย อาการดังกล่าวนี้เป็นอาการปกติค่ะ เนื่องจากลูกเริ่มมีการพัฒนาระบบประสาทและการได้ยินมากขึ้น ไม่ต้องกังวลไปนะคะ เพราะอาการนี้จะสามารถหายไปได้เองเมื่อลูกมีอายุสามถึงสี่เดือนขึ้นไป

7. รูปทรงของศรีษะทารก เนื่องจากกระโหลกศรีษะของทารกยังบาง จึงไม่แปลกถ้าหากจะเกิดการเปลี่ยนแปลงรูปทรงไป ยกตัวอย่างเช่น หัวแบน เป็นต้น ถ้าหากคุณแม่อยากให้น้องไม่มีศรีษะแบน คุณแม่ก็ควรที่จะให้น้องนอนตะแคง สลับข้างไปมา ส่วนการนอนคว่ำนั้น ก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่ว่าอาจจะเป็นอันตรายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กสามเดือนแรก ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ควรที่จะต้องเฝ้าลูกอย่างใกล้ชิดเลยละค่ะ

8. อวัยวะเพศบวม เนื่องจากฮอร์โมนการตั้งครรภ์ ทำให้ทารกแรกเกิดทั้งเพศหญิงเพศชายนั้น อาจมีอาการบวมหรือใหญ่กว่าปกติ สำหรับทารกเพศหญิงนั้น จะสามารถหายได้อย่างรวดเร็ว แต่สำหรับเพศชาย หากถุงอัณฑะข้างใดข้างหนึ่งใหญ่ผิดปกติ ก็ต้องใช้เวลานานหน่อย ซึ่งอาจจะเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือนได้ ทั้งนี้ ทารกเพศชายที่คลอดในเวลาที่ครบกำหนดร้อยละ 3 เกิดมาโดยที่มีอัณฑะข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้างยังไม่อยู่ในถุงอัณฑะ เด็กทารกชายที่คลอดก่อนกำหนดร้อยละ 30 มีปัญหานี้ อัณฑะที่ยังไม่หล่นลงไปในถุงอัณฑะจะย้ายลงไปในถุงอัณฑะเองได้ในช่วงเดือนแรก ๆ หลังคลอด หากภายในเวลาหนึ่งปีแล้วอัณฑะยังไม่หล่นลงไปในถุงอัณฑะ ให้รีบปรึกษาแพทย์

9. มีเลือดออกคล้ายประจำเดือน อาการเลือดออกเหมือนมีประจำเดือนหรือมีตกขาวในทารกแรกเกิดหรือช่วง 2 เดือนแรกนั้นเป็นเรื่องปกติ สาเหตุเกิดจากการที่ฮอร์โมนของคุณแม่ระหว่างตั้งครรภ์เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะฮอร์โมนเอสโตรเจน ฮอร์โมนเอสโตรเจนจากคุณแม่ สามารถผ่านทางรกไปสู่ตัวลูกได้ โดยที่ในเด็กแรกเกิดนั้นตับยังทำการสลายฮอร์โมนได้ไม่ดีพอ ทำให้ในช่วงแรกคลอดเด็กบางคนที่ได้รับฮอร์โมนมาก หรือร่างกายตอบสนองต่อฮอร์โมน จะมีร่างกายเหมือนวัยสาว กล่าวคือ ช่องคลอดอาจจะมีสีคล้ำขึ้น มีตกขาว หรือมีเลือดออกได้ ซึ่งอาการเหล่านี้จะหายไปใน 1- 2 เดือน ขึ้นอยู่กับว่าร่างกายของเด็กจะกำจัดฮอร์โมนที่ได้จากคุณแม่เมื่อไหร่ โดยเฉลี่ยคุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตอาการลูกประมาณ 2 เดือน

10. ตาเหล่หรือเข เนื่องการจากการปรับโฟกัสสายตา แก้วตา เลนส์ตา และการเคลื่อนไหวสายตาของทารก ยังไม่สามารถปรับตัวได้ดีพอในตอนแรก อาจจะทำให้คุณแม่รู้สึกว่าลูกของเราตาเหล่หรือตาเข ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะลูกอาจจะกำลังขมวดสายตา เพื่อเพ่งมองวัตถุใดอยู่ และอาการดังกล่าวจะหายได้เอง เมื่อทารกมีอายุได้สามหรือสี่เดือน แต่ถ้าลูกไม่ดีขึ้น หรือมีอาการตาเหล่หรือเขตลอดเวลา แนะนำให้คุณแม่รีบปรึกษาแพทย์โดยเร็ว เพราะอาการดังกล่าวจะดีขึ้นได้หากเรารักษาพวกเขาตั้งแต่เนิ่น ๆ

ที่มา: The Bump

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ:

ลูกหัวเบี้ยวทำไงดี

4 อาการบาดเจ็บของทารกแรกเกิดจากการคลอด

theAsianparent Community

 

 

บทความจากพันธมิตร
Dadi International Kindergarten เรียนรู้สนุก เล่นอย่างสร้างสรรค์ ด้วย 3 ภาษา พร้อมเสริมสร้างทักษะ EF
Dadi International Kindergarten เรียนรู้สนุก เล่นอย่างสร้างสรรค์ ด้วย 3 ภาษา พร้อมเสริมสร้างทักษะ EF
ดูแลทารกแรกเกิดวิกฤติน้ำหนักเพียง 500 กรัมสำเร็จ ด้วยความเชี่ยวชาญระดับสากล ที่ โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล
ดูแลทารกแรกเกิดวิกฤติน้ำหนักเพียง 500 กรัมสำเร็จ ด้วยความเชี่ยวชาญระดับสากล ที่ โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล
Easy Life III เครื่องปั๊มนม Hands-Free จากแบรนด์ไทยอย่าง Attitude Mom ออกแบบเพื่อชีวิตการปั๊มนมของคุณแม่ที่ง่ายขึ้นกว่าเดิมพร้อมการควบคุมการทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ
Easy Life III เครื่องปั๊มนม Hands-Free จากแบรนด์ไทยอย่าง Attitude Mom ออกแบบเพื่อชีวิตการปั๊มนมของคุณแม่ที่ง่ายขึ้นกว่าเดิมพร้อมการควบคุมการทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ
ซีรีแล็ค จูเนียร์ โจ๊ก อร่อย ได้ประโยชน์ ตัวช่วยแม่ยุคใหม่
ซีรีแล็ค จูเนียร์ โจ๊ก อร่อย ได้ประโยชน์ ตัวช่วยแม่ยุคใหม่

 

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
img
บทความโดย

Muninth

  • หน้าแรก
  • /
  • พัฒนาการลูก
  • /
  • 10 เรื่องแปลกแต่จริงของทารกแรกเกิด
แชร์ :
  • หากลูกหมกมุ่นกับ 3 สิ่งนี้... พฤติกรรมที่ผู้ปกครองควรจับตา และรับมืออย่างทันท่วงที

    หากลูกหมกมุ่นกับ 3 สิ่งนี้... พฤติกรรมที่ผู้ปกครองควรจับตา และรับมืออย่างทันท่วงที

  • เคลือบสูติบัตรได้ไหม เรื่องต้องรู้ก่อนเคลือบสูติบัตร

    เคลือบสูติบัตรได้ไหม เรื่องต้องรู้ก่อนเคลือบสูติบัตร

  • อย่ามองแค่เกรด! 5 ทักษะที่มีค่าที่สุด ช่วยลูกรับมือกับอุปสรรคในชีวิต

    อย่ามองแค่เกรด! 5 ทักษะที่มีค่าที่สุด ช่วยลูกรับมือกับอุปสรรคในชีวิต

  • หากลูกหมกมุ่นกับ 3 สิ่งนี้... พฤติกรรมที่ผู้ปกครองควรจับตา และรับมืออย่างทันท่วงที

    หากลูกหมกมุ่นกับ 3 สิ่งนี้... พฤติกรรมที่ผู้ปกครองควรจับตา และรับมืออย่างทันท่วงที

  • เคลือบสูติบัตรได้ไหม เรื่องต้องรู้ก่อนเคลือบสูติบัตร

    เคลือบสูติบัตรได้ไหม เรื่องต้องรู้ก่อนเคลือบสูติบัตร

  • อย่ามองแค่เกรด! 5 ทักษะที่มีค่าที่สุด ช่วยลูกรับมือกับอุปสรรคในชีวิต

    อย่ามองแค่เกรด! 5 ทักษะที่มีค่าที่สุด ช่วยลูกรับมือกับอุปสรรคในชีวิต

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • พัฒนาการลูก
  • ชีวิตครอบครัว
  • ระยะการตั้งครรภ์
  • โภชนาการ
  • ไลฟ์สไตล์
  • TAP สังคมออนไลน์
  • ติดต่อโฆษณา
  • ติดต่อเรา
  • Influencer Marketing (KOL)
  • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Vietnam flag Vietnam
© Copyright theAsianparent 2025. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว