ก่อนที่เราจะไปทำความรู้จักกับสีของน้ำมูกนั้น เรามาทำความรู้จักกับหน้าที่ “น้ำมูก” กันก่อน
น้ำมูกทำหน้าที่อะไร?
น้ำมูกทำหน้าที่จับกับสิ่งต่าง ๆ ที่ปนมากับลมหายใจ เช่น สารก่อภูมิแพ้ และเชื้อโรค นอกจากนี้ในน้ำมูกยังมีสารต่อต้านเชื้อโรคอีกด้วย คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ให้ความสนใจกับน้ำมูกหรือเสมหะมากนัก แต่เชื่อหรือไม่ว่าสีของน้ำมูกหรือเสมหะสามารถบ่งบอกถึงปัญหาเกี่ยวกับจมูกได้ ตัวอย่างเช่น
น้ำมูกที่มีสีใส คือ น้ำมูกหรือเสมหะที่ใสมักประกอบด้วยน้ำ แอนติบอดีที่ต่อต้านเชื้อโรค เกลือ และโปรตีน ส่วนใหญ่มักจะไหลลงคอ และเรามักจะกลืนลงไปในกระเพาะอาหาร ซึ่งสาเหตุเกิดจากหวัด (เยื่อบุจมูกอักเสบ) หรือการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ หรืออาจเกิดจากโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ ไวรัสมากระตุ้นทำให้เกิดการอักเสบของเยื่อบุจมูก ทำให้มีน้ำมูกใส ๆ ไหลออกมาหรือไหลลงคอได้ สารก่อภูมิแพ้ก็เช่นเดียวกัน สามารถกระตุ้นเยื่อบุจมูกของผู้ป่วยที่เป็นโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ ทำให้มีการหลั่งของฮิสทามีน (Histamine) ออกมา ซึ่งฮิสทามีนสามารถกระตุ้นต่อมสร้างน้ำมูกในเยื่อบุจมูกให้ผลิตน้ำมูกใส ๆ ออกมาได้ การให้ยาต้านฮิสทามีนและการล้างจมูกด้วยน้ำเกลือสามารถบรรเทาอาการน้ำมูกที่ไหลออกมาหรือไหลลงคอได้
น้ำมูกสีขาว คือ การที่น้ำมูกไหลออกมามีลักษณะหนา เหนียว และขาวขุ่น อาจเนื่องมาจากการที่น้ำมูกถูกขังอยู่ในโพรงจมูกเป็นระยะเวลานานจากเยื่อบุจมูกที่บวม นอกจากนั้นการที่เรารับประทานผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับนมมากเกินไปอาจทำให้น้ำมูกที่ออกมาหรือไหลลงคอมีสีขาวขุ่นได้เนื่องจากไขมันในผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับนมสามารถทำให้น้ำมูกสูญเสียความชุ่มชื้น ทำให้น้ำมูกหรือเสมหะมีลักษณะหนา เหนียว และมีสีขาวขุ่นตามมาได้
น้ำมูกสีเหลือง คือ มีการติดเชื้อแบคทีเรียในโพรงจมูกหรือไซนัส ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเราจะส่งเซลล์ที่ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย เช่น เซลล์เม็ดเลือดขาว ออกมาทำลายเชื้อแบคทีเรีย ทั้งเซลล์เม็ดเลือดขาวและเชื้อแบคทีเรียที่ตายแล้ว รวมทั้งเมือกและหนองต่าง ๆ จะรวมตัวกัน ทำให้น้ำมูกมีสีเหลืองได้ นอกจากนั้นการที่น้ำมูกค้างอยู่ในโพรงจมูกเป็นระยะเวลานานมาก ๆ เช่น ทั้งช่วงกลางคืน อาจทำให้น้ำมูกมีสีเหลืองได้เวลาตื่นมาตอนเช้าโดยที่ไม่มีการติดเชื้อแบคทีเรีย แต่ในกรณีนี้น้ำมูกมักจะมีสีเหลืองเวลาตื่นนอนตอนเช้า แต่ในช่วงเวลาอื่น ๆ ของวัน น้ำมูกจะมีสีใส
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หน้าถัดไปค่ะ
น้ำมูกสีเทา คือ น้ำมูกที่มีสีเทาอาจบ่งบอกว่าในจมูกของคุณมีริดสีดวงจมูก เกิดจากเยื่อบุจมูกหรือไซนัสที่บวมออกมาเป็นก้อนในโพรงจมูก หรือไซนัส ซึ่งไม่ใช่เนื้องอกร้ายแต่อย่างใด มักเกิดจากการอักเสบเรื้อรังของเยื่อบุจมูก ซึ่งมีสาเหตุมาจากโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ โรคไซนัสอักเสบเรื้อรัง โรคหืด หรือภาวะแพ้ยาแอสไพริน โรคไซนัสอักเสบจากเชื้อราสามารถทำให้น้ำมูกหรือเสมหะมีสีเทาได้ ซึ่งมักเกิดจากสปอร์ของเชื้อรามาเกาะที่ผิวเยื่อบุจมูกและเจริญเติบโตมากขึ้น มักมีสาเหตุมาจากการบาดเจ็บของเยื่อบุจมูกเรื้อรัง หรือภูมิต้านทานของร่างกายลดน้อยลง
น้ำมูกสีเขียว คือ การแสดงถึงระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายกำลังทำงานต่อต้านเชื้อแบคทีเรียเหมือนกับการที่น้ำมูกมีสีเหลือง สีเขียวเกิดจากเอนไซม์ ซึ่งสร้างโดยเม็ดเลือดขาว น้ำมูกที่มีสีเขียวมักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียภายในโพรงจมูกหรือไซนัส (ไซนัสอักเสบ)
น้ำมูกสีแดง คือการเกิดจากมีเส้นเลือดในโพรงจมูกแตกแล้วปนมากับน้ำมูก ซึ่งเส้นเลือดที่แตกอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การระคายเคืองหรือบาดเจ็บบริเวณจมูก การอักเสบในโพรงจมูก เนื้องอก โรคของหลอดเลือดชนิดต่าง ๆ หรือแม้แต่การที่เยื่อบุจมูกแห้ง ทำให้เส้นเลือดในเยื่อบุโพรงจมูกอยู่ชิดกับผิวมากขึ้น มีการแตกของเส้นเลือดได้ง่าย ในกรณีที่น้ำมูกมีสีแดงโดยเฉพาะออกจากจมูกเพียงข้างใดข้างหนึ่งควรรีบไปปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัด สาเหตุของจมูกแห้ง ได้แก่ ดื่มน้ำน้อย อยู่ในห้องแอร์ ซึ่งมักจะทำให้เราต้องสัมผัสกับอากาศที่เย็นและแห้งเป็นประจำ หรือเปิดพัดลมเป่าจ่อที่หน้าหรือจมูกเป็นระยะเวลานาน หรืออยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีอากาศเย็นหรือหนาวจัด อาจต้องพ่นน้ำเกลือเข้าในโพรงจมูกบ่อย ๆ หรือใช้เครื่องปรับอากาศให้อุ่นและชื้นขึ้น
น้ำมูกสีดำ คือ การที่น้ำมูกมีสีดำมักพบในผู้ที่สูบบุหรี่หรือสูดยานัตถุ์ ใช้ยาเสพติดที่ผิดกฎหมาย หรือผู้ที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีมลภาวะทางอากาศมาก หรืออาจเกิดจากการติดเชื้อราของโพรงจมูกหรือไซนัสดังนั้นครั้งหน้าที่คุณสั่งน้ำมูกหรือขากเสมหะ อย่าลืมดูสีของน้ำมูกหรือเสมหะด้วยนะคะ เพราะสีของน้ำมูกอาจบ่งบอกถึงโรค หรือพยาธิสภาพที่ซ่อนอยู่ในโพรงจมูกหรือไซนัสคุณได้ แต่ถ้าจะให้แน่ใจควรปรึกษาแพทย์ เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้องโดยเร็ว
ขอบคุณข้อมูลจาก โรงพยาบาลธนบุรีและ Health Today
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ:
ล้างจมูกลูก แบบง่ายๆ ทำอย่างไรไม่ให้สำลักลงปอด
ล้างจมูกให้ลูก อันตรายไหม?
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!