เด็ก 6 ขวบน้ำใจงาม คิดค้นโปรเจกต์ใหม่ เพื่อเพื่อนที่ยากไร้
พ่อแม่คนไหนก็อยากให้ลูกเติบโตขึ้นไปเป็นคนดี มีแต่คนรัก และชื่นชมกันทั้งนั้น ใช่ไหมล่ะคะ การ สอนลูกให้ใจดี มีน้ำใจ หัดที่จะให้ความช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์นั้น คุณพ่อคุณแม่ต้องปลูกฝังลูก ๆ ตั้งแต่ยังเด็ก มาดูข่าวนี้ เด็กน้อยคิดโปรเจกต์ เพื่อเพื่อนมนุษย์ที่ยากไร้ สร้างตู้ปันสุข พร้อมทั้งเทคนิคการ สอนลูกให้ใจดี มีน้ำใจ เหมือนอย่างแพกส์ตัน เด็ก 6 ขวบน้ำใจงาม ในข่าวนี้ด้วยค่ะ
เด็ก 6 ขวบน้ำใจงาม
แมกกี้ บัลลาร์ด และแพกส์ตัน ลูกชายวัย 6 ปี ช่วยกันคิดค้นโปรเจคใหม่ โดยตั้งชื่อโปรเจคนี้ว่า “การให้ความสุข” โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือ คนแปลกหน้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อนมนุษย์ที่ยากไร้ คนไร้บ้าน หรือใครก็ตามที่ต้องการของเหล่านี้ ก็สามารถมาหยิบไปจากตู้ได้เลยโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ
สองแม่ลูกคู่นี้ได้แรงจูงใจนี้มาจากในโลกของโซเชียลมิเดีย พวกเขาจึงร่วมมือร่วมใจกันจัดทำตู้เอนกประสงค์นี้ โดยมีเพื่อนของแมกกี้มาช่วยทำตู้ และหนุ่มน้อยแพกส์ตันช่วยทาสี พร้อมทั้งร่วมกันติดตั้งตู้ดังกล่าวไว้ที่สนามหญ้าหน้าบ้าน ภายหลังจากที่ติดตั้งเสร็จ ก็ช่วยกันนำของมาใส้ไว้ในตู้ ซึ่งของที่ว่านี้ก็ได้แก่ เครื่องประป๋องจำพวก ผัก ผลไม้ ปลาทูน่า ซุปต่าง ๆ ข้าวโอ๊ต ซีเรียล และไม่ใช่แค่นั้น ยังมียาสีฟ้า แปรงสีฟัน รวมถึงของใช้ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันที่จำเป็นอีกด้วย
สองคนแม่ลูกมีความสุขกับการแอบดูผู้คนมาหยิบของต่าง ๆ ไปจากตู้ และทุกครั้งที่ของใกล้หมด ทั้งคู่ก็จะมาช่วยกันเติมเต็ม พร้อมกับชักจูงเพื่อนบ้านให้มาช่วยกันร่วมกิจกรรมการแจกจ่ายความสุขร่วมกับพวกเขา ซึ่งก็มีเพื่อนบ้านให้การตอบรับและสนับสนุนโปรเจคของเขาด้วย
สิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อพวกเขาได้รับการ์ดขอบคุณจากคนแปลกหน้า พร้อมกับเรียก แพกส์ตันว่า “ฮีโร่” และนั่นก็ทำให้พวกเขาได้รู้ว่า ไม่มีอะไรจะมีความสุขเท่าไปกับการให้จริง ๆ สมกับคอนเซปต์ที่พวกเขาตั้งไว้คือ “จงรับความสุขไป และจงมอบให้เมื่อมีโอกาสทำ”
วิธีสอนลูกให้มีจิตใจดีงาม มาสอนลูกกันค่ะ
บทความ : 5 วิธีสอนลูกให้มีจิตใจดีงาม
1. ผู้ให้ความสุขย่อมได้รับความสุข
เด็กทุกคนเติบโต มาจากการเป็นผู้รับ ไม่ว่าจะเป็นน้ำนม อาหาร ความรัก และ ความอบอุ่น บทเรียนนี้คือบทเรียนแรก ที่เราควรจะสอนลูก รู้จักการให้โดยไม่หวังผลตอบแทน และ การให้ไม่ได้หมายถึงการให้เพียง เพื่อตอบแทน หรือ ทำตามหน้าที่เท่านั้น ด้วยเหตุนี้ การสอนลูก ให้มีจิตใจดีในสมัยก่อนจึงนิยมพาเด็ก ไปทำบุญตักบาตร ตั้งแต่ยังเล็ก การถวายของให้ พระถือว่าเป็นบุญ แต่บุญไม่ได้จำกัด อยู่แค่นั้น ให้ของแก่ผู้อื่น โดยเฉพาะคนที่ยากลำบาก ก็ถือว่าเป็นบุญเช่นกัน ลูกๆ สามารถทำบุญ ได้ด้วยการสละของเล่น ให้แก่เด็กยากจนหรือเด็กด้อย โอกาสในเมือง และในชนบท หรือให้เงินช่วยคนพิการหรือสัตว์ยากไร้เป็นต้น
2. โลกสวยด้วยน้ำใจ
สอนให้เขารู้ว่า จะให้อะไร ราคาเท่าไร ไม่สำคัญเท่ากับน้ำใจที่คิดจะให้ พ่อแม่จะช่วยลูก ได้มากหากสอนให้ตระหนักว่า แม้เขาจะมี กำลังน้อย เงินไม่มาก แต่เขาก็ สามารถทำบุญ และ ได้บุญเท่าเทียมกับผู้ใหญ่ หากเรามีน้ำใจ คุณค่าของคน มิได้อยู่ที่วัยหรือชื่อเสียงเงินทอง แต่อยู่ที่คุณภาพทางใจต่างหาก พวกเขาสามารถเสียสละ เพื่อส่วนรวมได้โดยอาจจะเริ่มสอนลูก ให้มีจิตใจดีจากการช่วยเหลืองานบ้าน งานที่โรงเรียน ช่วยเก็บขยะ หรือ ถือของให้คนแก่เป็นต้น
3. อยู่อย่างไม่เบียดเบียน
การช่วยเหลือผู้อื่น ต้องเริ่มจากการไม่สร้าง ความเดือดร้อน ให้กับคนอื่น หรือ เอาเปรียบส่วนรวม ยกตัวอย่างเช่น การไม่ฆ่าหรือทำร้ายสัตว์ การลักขโมยหรือฉ้อโกงเป็นต้น พ่อแม่ที่สอนลูก ให้ไม่ไปเบียดเบียนใคร ไม่ว่าบุคคลหรือส่วนรวมก็เท่ากับ การสร้างรั้วป้องกัน ไม่ให้ความเดือดเนื้อร้อนใจเข้ามาใกล้ตัว ความชะล่าใจเพียงเล็กน้อย อาจจะจำไปสู่ความผิดพลาดอันยิ่งใหญ่ได้ ดังนั้นพ่อแม่ จึงไม่ควรที่จะนิ่งดูดายหากลูกขโมยปากกาของเพื่อน ลอกการบ้าน ลอกข้อสอบหรือ ฆ่ามดบี้ไส้เดือน เป็นต้น
4. ทำบุญที่ใจ
คนเราสามารถ ทำบุญได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ที่โรงเรียน หรือ บนท้องถนน ไม่เกี่ยวกับว่าจะ มีเงิน หรือ ไม่มีเงิน แค่อยู่เฉยๆแล้วทำใจให้สงบถูกต้องจนเกิดความรู้สึกดีๆก็ถือว่าทำบุญแล้ว ยกตัวอย่างเช่น ยินดีเมื่อเห็นคนอื่นได้ดี ไม่อิจฉาริษยา ไม่ค่อนแคะคนอื่นว่าอยากดัง การมีความอ่อนน้อมถ่อมตน การสอนให้ลูกชื่นชมคนดีคือการสร้างนิสัยใฝ่ดีขึ้นมาในตัวเด็ก
การทำบุญที่ใจคือ การทำใจให้เป็น กุศล และ มีความสุข ตรงกันข้ามหากมี ความอิจฉา ที่คนอื่นทำได้ดีกว่าตน ก็จะทำให้จิตใจเร่าร้อนและเครียดง่าย ดังนั้นถ้าอยากให้ลูกมีสุขภาพใจที่สมบูรณ์ พ่อแม่ควรที่จะสอนให้ลูกรู้จักฝึกจิตใจให้มีภูมิคุ้มกันความทุกข์ และฉลาดที่จะจัดการกับสิ่งต่างๆที่มากระทบจิตใจด้วย
5. ฝึกจิตใจให้สงบเบาสบาย
ข้อนี้เปรียบเสมือนกับการฝึกสมาธิให้กับลูก ฝึกให้ลูกหายใจเข้า-ออก ช้าๆ สัก 4 – 5 ครั้งเป็นอย่างน้อยทุกเช้า ถ้าพ่อแม่สามารถทำร่วมกันกับลูกได้ก็จะดีมาก การฝึกจิตใจนี้จะช่วยให้ลูกใจสงบง่าย สามารถดับความโกรธความเร่าร้อนได้ดี แล้วถ้าหากสามารถฝึกลูกๆให้สวดมนต์ไหว้พระได้อย่างง่ายๆ โดยการกล่าวนะโม 3 จบ และกล่าวด้วยไตรสรณคมน์ (เริ่มต้นด้วยพุทธัง สะระณัง คัจฉามิ 3 จบ) และแนะนำให้ลูกกราบพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ 3 ครั้ง เพื่อระลึกถึงคุณของบิดามารดาและครูบาอาจารย์ พร้อมทำใจให้สงบก่อนเข้านอน หากลูกยังเล็ก พ่อแม่สามารถที่จะสอนให้ลูกรดน้ำต้นไม้หรือเลี้ยงสัตว์พร้อมกันนั้นก็สอนให้ลูกรู้จักแผ่เมตตาแล้วพูดว่า ขอให้ต้นไม้และสัตว์ทั้งปวงจงมีความสุขและพ้นทุกข์ หากทำได้เช้าเย็น ลูกๆของเราก็จะเปี่ยมไปด้วยความเมตตา
6. อบรมจิตให้คิดชอบ
หลังจากฝึกใจให้สงบแล้ว ถ้าจะให้ดียิ่งขึ้นควรฝึกใจให้มีปัญญาด้วยคือ คิดถูกคิดชอบ เมื่อประสบกับสิ่งใดก็ตาม ก็เอาความถูกต้องเป็นหลัก แม้ไม่ถูกใจแต่ก็ต้องรับฟังเพื่อมาใคร่ครวญว่าที่เขาพูดนั้นถูกต้องไหม การคิดถูกคิดชอบต้องอาศัยการฟังและอ่านสิ่งที่มีประโยชน์ พ่อแม่จึงควรสนับสนุนให้ลูกได้รับรู้สิ่งที่ดีงาม ได้ฟังสิ่งที่เป็นคติธรรมของชีวิต เช่น แนะนำหนังสือที่ดี หรือรายการโทรทัศน์ที่มีประโยชน์ นอกจากนั้นเวลาดูโทรทัศน์หรือสื่อต่างๆ พ่อแม่ควรที่จะอยู่เป็นเพื่อนเพื่อคอยช่วยแนะนำสิ่งที่ดีมีประโยชน์ให้กับลูกด้วย
ที่มา : Huffington Post
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
จิตใจ&อารมณ์ของทารกเติบโตไปพร้อมกับร่างกาย
5 วิธีสอนลูกไม่ให้ขี้อิจฉา ทำยังไงดีให้ลูกเป็นเด็กดีไม่อิจฉาคนอื่น
16 สิ่งที่ต้องสอนลูกสาวให้เป็นเด็กน่ารักและนิสัยดีในอนาคต
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!