อาการแพ้ท้องตอนเช้า หรือที่เรียกว่า morning sickness เมื่อตื่นมาคุณแม่ก็ต้องต่อสู้กับความรู้สึกที่อยากจะอาเจียน คลื่นไส้อยู่ตลอดเวลา ยิ่งคุณแม่ผู้ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนอาจจะรู้สึกยากลำบากมาก มาช่วยจัดการอาการแพ้ท้องที่จะช่วยให้คุณแม่รู้สึกดีขึ้นและสามารถผ่านช่วงไตรมาสแรกนี้ได้อย่างไม่หมดแรงไปกับการแพ้ท้องซะก่อน!
8 วิธีจัดการกับ อาการแพ้ท้องตอนเช้า
#1 ไม่ปล่อยให้ท้องว่างทั้งก่อนเข้านอนและก่อนที่จะลุกจากที่นอนในตอนเช้า
ของกินในที่นี้อาจจะเป็นพวกขนมปัง บิสกิต แครกเกอร์ ที่ใส่กล่องวางไว้ที่โต๊ะหัวเตียง คุณแม่ควรทานมันนิดหน่อยก่อนที่จะเข้านอนและก่อนที่จะลุกขึ้นจากเตียงในตอนเช้า การกินก่อนนอนจะช่วยให้คุณแม่รู้สึกอิ่มท้องและนอนหลับสบายขึ้น โดยไม่รู้สึกหิวกลางดึก และการกินก่อนลุกจากเตียงในตอนเช้านั้นจะช่วยให้คุณแม่รู้สึกท้องไม่ว่าง ก่อนที่จะลุกขึ้นและเดินไปโน่นไปนี่ โดยตื่นมาอาจจะหยิบแครกเกอร์กินทันทีแล้วนอนพักต่อประมาณ 15 นาทีก่อนลุกจากเตียง เพราะอาการแพ้ท้องในช่วงไตรมาสแรกส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นในตอนที่ท้องว่างนี่แหละค่ะ
#2 จิบน้ำผลไม้ ดื่มน้ำอุ่น
หลังอาเจียน ควรดื่มน้ำอุ่น ๆ หรือน้ำผลไม้คั้นสดระหว่างวันให้มาก ๆ เพื่อลดอาการคลื่นไส้ พะอืดพะอมลง
#3 อย่าลืมกินอาหารมื้อเล็กระหว่างวัน
ในช่วงไตรมาสแรกที่มีอาการแพ้ท้องต้องอย่าปล่อยให้ท้องว่างนะคะ อาหารมื้อเล็ก ๆ ระหว่างวันจึงสำคัญไม่น้อยที่จะช่วยคุณแม่บรรเทาอาการแพ้ลงได้ เป็นอาหารมื้อเล็ก ๆ ที่ดีต่อสุขภาพ
วิธีแก้แพ้ท้อง ช่วยให้หายโอ้กอ้าก ยังมีอีกนะคะ >>
#4 ดื่มน้ำขิง
สำหรับแม่ท้องอ่อน การได้รับประทานขิงสด การดื่มน้ำขิงอุ่น ๆ หรือนำขิงมาเป็นส่วนประกอบในอาหาร จะช่วยคุณแม่ท้องอ่อนที่เริ่มมีอาการแพ้ท้อง คลื่นไส้ วิงเวียนศีรษะ ซึ่งน้ำมันหอมระเหยในขิงจะช่วยลดอาการเหล่านี้ได้ แถมยังช่วยลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยขับลม ช่วยลดอาการบวมน้ำที่มักพบบ่อยในระหว่างตั้งครรภ์ รวมถึงในขิงยังมีธาตุเหล็กสูง ช่วยในการบำรุงเลือด แก้อาการอ่อนเพลีย และแก้อาการโลหิตจางของแม่ท้อง มีสารช่วยต้านโรคมะเร็ง ยังไม่หมดแค่นี้ในน้ำขิงยังมีแคลเซียมที่ช่วยสร้างกระดูกและฟันให้แก่ลูกในท้อง รวมถึงป้องกันโรคกระดูกพรุนในแม่ท้องด้วย หากคุณแม่ไม่ชอบดื่มรสชาติของน้ำขิงเปล่า ๆ ลองเลือกทานเต้าฮวยน้ำขิง หรือบัวลอยน้ำขิงก็ได้ค่ะ
#5 ดมกลิ่นหอมอ่อน ๆ
การได้ดมกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากธรรมชาติบางกลิ่น เช่น กลิ่นอะโรมาเทอราปี กลิ่นลาเวนเดอร์ โดยเฉพาะกลิ่นเปปเปอร์มินต์และเลมอน จากน้ำมันหอมระเหย หรือเทียนหอม กลิ่นเหล่านี้จะสามารถช่วยลดอาการแพ้ท้องคลื่นไส้ให้ดีขึ้นได้ ลองเติมน้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่ชอบไว้ในห้องนอนเวลากลางคืนก็จะช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องในตอนเช้าของวันถัดมาได้ค่ะ
#6 อมลูกอม
ถ้ามีอาการแพ้ท้องหนักมาก กินอะไรเข้าไปก็แหวะออกหมด แนะนำให้อมลูกอมบ่อย ๆ จิบน้ำหวาน หรือน้ำผลไม้ทีละน้อย ๆ บ่อย ๆ เพื่อรับมือกับอาการแพ้ท้อง ความหวานจากลูกอมจะช่วยให้พลังงานและป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ถ้าอาการแพ้ไม่ดีขึ้นควรรีบไปพบแพทย์นะคะ
#7 อมน้ำแข็ง
จะเป็นก้อนน้ำแข็งที่ทำจากน้ำสะอาดแช่แข็งไว้หรือจะทำน้ำแข็งก้อนจากเครื่องดื่มเกลือแร่ดู มันเป็นวิธีง่าย ๆ ที่ทำให้คุณแม่ได้รับเกลือแร่เข้าไปในระบบของร่างกายทดแทนน้ำที่สูญเสียไปจากการอาเจียนแพ้ท้องได้
#8 อย่าปล่อยให้ท้องว่างและไม่ปล่อยให้รู้สึกหิวมากเกินไป
ในช่วงแพ้ท้องนี้ คุณแม่ควรรับประทานอาหารอ่อน ๆ ที่ย่อยได้ง่าย แบ่งออกเป็นมื้อย่อย ๆ ประมาณวันละ 5-6 มื้อ เพื่อไม่ให้ท้องว่างและไม่ทำให้รู้สึกหิวมากเกินไป จะช่วยลดความรู้สึกคลื่นไส้อาเจียน และอาการแน่นท้องของคุณแม่ได้ นอกจากอาหารอ่อนแล้วผลไม้ที่จะช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องของคุณแม่ได้ดีคือ สับปะรด ที่จะช่วยในการย่อยอาหาร บรรเทาอาการคลื่นไส้ และกล้วย ที่จะช่วยเพิ่มปริมาณน้ำตาลในเลือดและบรรเทาอาการแพ้ท้องได้เช่นกัน
อาการแพ้ท้องอาจจะทำให้คุณแม่รู้สึกแย่ ๆ แต่เมื่อคุณแม่รับมือกับอาการแพ้ท้องได้ ก็จะช่วยให้คุณแม่รู้สึกหายทรมานและผ่านอาการแพ้ในช่วงไตรมาสแรกนี้ไปได้ สู้ ๆ เพื่อลูกน้อยนะคะ ในกรณีที่คุณแม่แพ้ท้องหนักมาก หรืออาเจียนรุนแรงต่อเนื่อง อาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ ขาดสารอาหาร ซึ่งสงสัยว่าเป็นอาการแพ้ท้องอย่างแรง ไม่แนะนำให้ซื้อยามารับประทานเอง ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อเช็กอาการโดยด่วนนะคะ
อ้างอิงข้อมูลจาก :
www.lifewithmylittles.com
www.medthai.com
บทความเกี่ยวข้องที่น่าสนใจ :
โอ้กอ้าก! อาการแพ้ท้องแทนเมีย แสดงว่ารักเมียมากจริงป่ะ
แพ้ท้อง มาก vs ไม่แพ้ท้องเลย แบบไหนดีกว่ากัน
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!