วิธีเสริมพัฒนาการลูกน้อยอายุ 1 เดือนจนถึงขวบปีแรก
อายุ 1 เดือน : พ่อแม่ควรใช้เวลาได้อยู่ใกล้ชิดลูกให้มากที่สุด เพราะทารกในช่วงแรกเกิดจะมีสายตาที่สั้น มองเห็นภาพได้ในระยะที่ไม่เกิน 12 นิ้ว ลูกอายุ 1 เดือนชอบมองใบหน้าคน ดังนั้นถ้าลูกไม่หลับ ให้เอาหน้าคุณพ่อหรือคุณแม่ไปใกล้ ๆ ลูก และพูดด้วยว่า “อากูๆ” ดูนะคะ
อายุ 2 เดือน : เสริมพัฒนาการกล้ามเนื้อมัดเล็กที่มือและสายตาลูกโดยการจับมือลูกตบแปะและร้องเพลง ไม่เกิน 2-3 เดือน ลูกจะสามารถทำเองได้ รวมถึงการทำสีหน้าเลียนแบบได้ด้วย เช่น แลบลิ้น อ้าปากกว้าง ยิ้มยิงฟัน เป็นต้น
อายุ 3 เดือน : วัยนี้ลูกจะเริ่มสนใจกับมือตัวเองมากขึ้นและใช้มือปัดป่ายสิ่งของที่อยู่ข้างหน้า เสริมพัฒนาลูกได้โดยนำของเล่นสีสันสดใสให้ลูกฝึกจับ และกล้ามเนื้อคอของลูกน้อยวัย 3 เดือนแข็งแรงขึ้นมาก ลูกสามารถใช้แขนดันพื้นเพื่อยกหน้าอกและศีรษะขึ้นจากพื้น ให้จับลูกนอนเล่นในท่าคว่ำอยู่หน้ากระจกขณะที่ลูกตื่นอยู่ ลูกจะพยายามผงกหัวขึ้นมามองตัวเองในกระจก
อายุ 4 เดือน : ลูกในวัยนี้สามารถทำอะไรได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน ด้านการเคลื่อนไหว หรือด้านการสื่อความหมาย ทารกจะส่งเสียงออกมาอย่างมีความสุขเมื่อเห็นของเล่นสีสันสดใส หรือร้องไห้จ้าเมื่อเวลาที่พ่อแม่เดินจากไป และตอนนี้ลูก ๆ เริ่มสนุกกับการเล่นจั๊กจี๋ รู้จักบ้าจี้เป็นแล้ว
อายุ 5 เดือน : ประสาทสัมผัสด้านการมองเห็นและการได้ยินเริ่มทำงานดีมากคล้ายผู้ใหญ่ ลูกเริ่มเปล่งเสียงเลียนแบบการพูดแต่ยังไม่เป็นคำ พ่อแม่ช่วยเสริมพัฒนาการลูกได้โดยการพูดโต้ตอบไปมาเวลาที่ลูกพยายามส่งเสียง หรือเสียง อ่านหนังสือนิทาน ชี้ให้ดูรูปภาพพร้อมบอกว่าคืออะไร
อายุ 6 เดือน : ลูกจะเริ่มหัดนั่งและเคลื่อนที่ได้เองแล้ว เสริมพัฒนาการลูกในช่วงเดือนนี้ด้วยการจับให้ลูกนอนคว่ำแล้วเอาของเล่นมาวางล่อไว้ด้านหน้า เพื่อลูกจะได้พยายามเคลื่อนที่ไปหาของเล่น โดยของเล่นที่ใช้ต้องเลือกชนิดที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก ไม่อันตรายเป็นพิษ หรือชิ้นเล็กเกินไปเพราะลูกอาจนำเข้าปากไปติดหลอดลมเกิดการสำลักเป็นอันตรายได้ ควรจัดบ้านให้ปลอดภัย เช่น ปิดรูปลั๊กไฟ ระวังพัดลมตั้งพื้น ตู้ลิ้นชัก ขั้นบันไดที่ลูกอาจไปเล่น เป็นต้น
อายุ 7 เดือน : ลูกเริ่มใช้มือหยิบจับกำของได้ดีขึ้น อีก 2-3 เดือนจะใช้นิ้วชี้นิ้วโป้งหยิบของชิ้นเล็ก ๆ ได้ เสริมพัฒนาการลูกโดยการหาของที่ปลอดภัยให้ลูกฝึกหยิบ เช่น กล้วยสุกหั่นเป็นชิ้นเล็ก แอปเปิ้ลชิ้นเล็ก ๆ นึ่งให้นิ่ม ลองให้ลูกได้จับช้อนหรือถ้วยพลาสติกด้วยตัวเอง
อายุ 8 เดือน : วัยนี้สามารถกระตุ้นการเรียนรู้เรื่องภาษาให้ลูก เช่น การสอนคำศัพท์รอบตัวต่าง ๆ สอนเรียกอวัยวะของร่างกาย ฝึกพัฒนาการของกล้ามเนื้อ เช่น หยอดของใส่กล่อง เป็นต้น
อายุ 9 เดือน : ลูกวัยนี้มักชอบเล่นอะไรที่เปิดปิดเหมือนบานพับประตูได้ เช่น หนังสือปกแข็ง ฝาตู้เก็บของ กล่องกระดาษที่มีฝาปิด และจะเล่นแบบไม่รู้เบื่อ ดังนั้นควรหาของที่ปลอดภัยและปล่อยให้ลูกสนุกกับการเปิดปิด เพื่อเป็นการฝึกกล้ามเนื้อตาและกล้ามเนื้อมือใทำงานประสานกัน
อายุ 10 เดือน : ลูกจะมีการเคลื่อนไหวได้มากขึ้น ชอบเล่นหาของที่ซ่อน คุณแม่สามารถฝึกกล้ามเนื้อการเคลื่อนไหว และการเรียนรู้ว่าวัตถุไม่สูญหายไปไหนถึงแม้จะมองไม่เห็น เช่น การซ่อนของเล่นไว้ใต้ผ้า แล้วเอามือลูกไปเปิดผ้าเพื่อให้เห็นของเล่น ลูกก็จะทำเลียนแบบได้
อายุ 11 เดือน : กระตุ้นพัฒนาการด้านภาษาโดยการพูดคุยโต้ตอบกับลูกบ่อย ๆ บอกลูกว่าพ่อแม่กำลังทำอะไรอยู่ ถามลูกบ่อย ๆ และทำท่าทางประกอบด้วย จะช่วยให้ลูกเข้าใจมากขึ้น
อายุ 12 เดือน : เด็กจะมีการเจริญเติบโตที่ดีขึ้น เด็กบางคนพูดเร็ว คลานเร็ว กว่าเด็กอื่นวัยเดียวกัน หรือบางคนอาจทำได้ช้า ความสามารถของเด็กแต่ละคนจะแตกต่างกัน แต่โดยส่วนใหญ่จะทำได้ในที่สุด หากสังเกตหรือสงสัยว่าลูกมีปัญหาพัฒนาการล่าช้าผิดปกติ ไม่ควรเก็บความวิตกกังวลไว้นานเกินไป และควรพาลูกไปให้แพทย์วินิจฉัยอาการดีที่สุด
วิธีในการส่งเสริมพัฒนาการของทารก
เชื่อมต่อกับลูกน้อยของคุณ
“ การเริ่มต้นทันทีที่ทารกคลอดออกมาสิ่งที่สำคัญที่สุดที่คุณสามารถทำได้เพื่อช่วยให้ทารกมีพัฒนาการทักษะการเคลื่อนไหวและภาษาคือการมีส่วนร่วมในการสัมผัสกับมนุษย์ “Kenneth Wible, MD, ผู้อำนวยการด้านการแพทย์ของศูนย์การดูแลเด็กที่โรงพยาบาลและคลินิก Children’s Mercy ในแคนซัสซิตีกล่าว” ซึ่งรวมถึงการอุ้มทารกไว้ใกล้ตัวคุณพูดคุยหรือร้องเพลง ให้ทารกและทำสิ่งอื่น ๆ ที่กระตุ้นการได้ยิน “การกระตุ้นการมองเห็นของทารกเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน” เมื่อทารกตื่นนอนให้แน่ใจว่าเธอสามารถมองเห็นใบหน้าของคุณได้ การวิจัยแสดงให้เห็นว่าเด็กทารกชอบสิ่งของและการออกแบบที่คล้ายกับใบหน้าของมนุษย์ “ดร. ไวเบิลกล่าว” เมื่อทารกอายุครบ 2 ถึง 3 เดือนให้ยิ้มให้มาก ๆ เพื่อให้เธอตอบสนองได้ “เขาเสริมว่าทารกเกิดมาพร้อมกับวัย 20/200 การมองเห็นดังนั้นสิ่งสำคัญคือต้องถือไว้ใกล้ ๆ เพื่อให้มองเห็นคุณได้ชัดเจน
กระตุ้นความรู้สึก
ในช่วงเดือนที่สองและสามของพัฒนาการของทารกทารกจะเริ่มสำรวจและเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมของพวกเขา “ในขั้นตอนนี้ให้ลูกน้อยของคุณสัมผัสกับพื้นผิวที่แตกต่างกัน” Wible กล่าว “ปล่อยให้เธอสัมผัสพื้นผิวที่หลากหลายและเปิดโอกาสให้เธอได้สัมผัสกับสถานที่ท่องเที่ยวและกลิ่นที่หลากหลายจับมือของเธอไปถูกับสิ่งที่หยาบกร้านนุ่มนวลเย็นหรืออบอุ่นแล้วพูดถึงสิ่งที่เธอรู้สึก” การเปิดรับรายละเอียดแบบนี้ไม่เพียง แต่จะสอนทารกเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมของเธอ แต่ยังช่วยพัฒนาทักษะการเคลื่อนไหวและภาษาของเธอ
พูดคุยกับลูกน้อยของคุณ
ทันทีที่ลูกของคุณเกิดคุณสามารถช่วยให้เธอเริ่มพัฒนาภาษาได้ “ในช่วง 1-2 เดือนแรกให้เลียนแบบเสียงเริ่มต้นของลูกน้อยพูดคุยกับลูกน้อยโดยใช้” motherese “- พูดคุยอย่างสบายอารมณ์ด้วยสีหน้าเกินจริง – และฟังเสียงที่แตกต่างและเสียงร้องที่บ่งบอกถึงความต้องการ” มิลเลอร์กล่าว เมื่อลูกน้อยของคุณอายุ 4 และ 5 เดือนคุณสามารถพัฒนาทักษะด้านภาษาและการสื่อสารได้โดยการฟังและเลียนแบบการเริ่มพูดพล่ามเช่น “ba-ba” “ga-ga” และ “da-da” ใช้ชื่อของบุตรหลานหรือคำพูดอื่น ๆ เช่น “สวัสดีที่รัก” เพื่อให้เธอรู้ว่าคุณกำลังพูดกับเธอโดยตรง
เพิ่มกิจกรรมสำหรับเด็กด้วยของเล่น
ประมาณ 6 เดือนเมื่อทารกมีทักษะการเคลื่อนไหวที่จำเป็นในการลุกขึ้นนั่งและจับหรือหยิบจับสิ่งของต่างๆแนะนำของเล่นแบบโต้ตอบที่ช่วยพัฒนาการของทารก “ของเล่นที่ม้วนตัวจะกระตุ้นทารกให้ไล่ตามและกระตุ้นให้เธอเคลื่อนไหว” Wible กล่าว “นี่เป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับของเล่นสีสันสดใสของเล่นป๊อปอัพและสิ่งที่ทำให้ประหลาดใจ”
Read : ลูกพัฒนาการช้ารึเปล่า?
ขอบคุณที่มา : เพจคุณหมอสุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
จับตา..พัฒนาการผิดปกติของทารก 3 เดือนแรก
6 ปัจจัยที่มีผลต่อพัฒนาการสมองของลูกน้อย
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!